จุดดาวเทียมหรือจุดลากรองจ์ (Lagrange Point ) กับโหราศาสตร์สากลยูเรเนียน
โดย ภารต ถิ่นคำ
จุดอิทธิพลในทางโหราศาสตร์สากลยูเรเนียนนั้น เท่าที่ศึกษาทราบมาก็มีมากมายหลายปัจจัย ซึ่งแต่ละปัจจัยต่างก็มีที่มาจากกระบวนการคำนวณในวิชาทางคณิตดาราศาสตร์ทั้งสิ้น เช่น จุดลัคนา จุดเมอริเดียน จุดเวอร์เทค จุดองค์ลาภ จุดตั้งต้นเรือนชะตาต่างๆ จุดเมษ จุดกรกฏ ราหู เกตุ ดาวทิพย์ต่างๆ รวมไปถึงตำแหน่งปัจจัยสะท้อนต่างๆ ฯลฯ เป็นต้น จุดทั้งหลายเหล่านี้ไม่มีตัวตนในเชิงปรากฏการณ์ประจักษ์ คือไม่สามารถมองเห็นเป็นรูปวัตถุ แต่เพียงเป็นแค่ จุดพิกัดที่กำหนดขึ้นบนทรงกลมฟ้าที่รับรู้ได้ในเชิงค่าคำนวณ
แต่ถึงกระนั้นแต่ละจุดปัจจัยดังกล่าวก็มีที่มาและหลักทฤษฎีทางดาราศาสตร์รองรับ และเนื่องจากวิชาดาราศาสตร์กับโหราศาสตร์สากลนั้นต่างก็เคยมีรากฐานร่วมวิชากันมาก่อนในอดีตกาล
ซึ่งในทางวิธีแนวอนุมานของกระบวนการประมวลหาเหตุผลแล้ว อะไรก็ตามที่มีในวิชาดาราศาสตร์ก็มักจะถูกนำไปใช้ได้ในทางโหราศาสตร์สากลเช่นกัน เหตุผลที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะเรื่องนั้นเป็นเรื่องจริงของธรรมชาติที่สามารถพิสูจน์ได้ในเชิงวิทยาศาสตร์
จุดดาวเทียมหรือจุดลากรองจ์ คืออะไร
ในการศึกษาเส้นแรงของสนามแรงดึงดูดระหว่างมวลขนาดใหญ่แล้ว ตรงตำแหน่ง L1,L2,L3และL4 กับ L5 นั้น ถือกันว่าเป็นจุดบอดของเส้นแรงดึงดูดระหว่างมวลนั่นเอง ในที่นี้ วงกลมสีเหลืองคือ ดวงอาทิตย์ และ วงกลมสีเทาที่อยู่ระหว่าง L1 กับ L2 นั้นหมายถึง โลก เส้นสีขาวและสีเหลือง แสดงถึง แนวสนามแรงดึงดูดระหว่างมวลดาว ในที่นี้ก็คือ โลก กับ ดวงอาทิตย์ นั่นเอง
ถ้าผู้สังเกตอยู่นอกโลก มองเข้ามาดูที่โลกกับดวงอาทิตย์ L4 และ L5 จะทำมุมกับแนวเส้นตรงของระยะทางระหว่างดวงอาทิตย์กับโลก เชิงมุม 60 องศา ทั้งบน L4และล่าง L5
(อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมความเข้าใจได้ที่ http://www.esa.int/esaSC/SEMM17XJD1E_index_0.html )
ตรงตำแหน่ง L1 นั้น ปัจจุบันมีดาวเทียมชื่อ โซโห SOHO (Solar and Heliospheric Observatory Satellite )และที่ ตำแหน่ง L2 มีดาวเทียมชื่อ WMAP (The Wilkinson Microwave Anisotropy Probe ) ลอยโคจรอยู่
ส่วน L4และ L5 นั้น คงสภาพเสถียรในระยะเชิงมุม 60 องศากับดวงอาทิตย์
และที่สำคัญก็คือ L3 นั้น มองไม่เห็นจากโลก เพราะดวงอาทิตย์บังไว้ เป็นตำแหน่งในอุดมคติ มีชื่อว่า เป็นตำแหน่งดาวเคราะห์ X ( Planet X ) ซึ่งโด่งดังเป็นที่กล่าวขวัญถึงกันอยู่ในแนวนิยายวิทยาศาสตร์ประเภทแฟนตาซี ถึงขั้นที่ Hollywood นำเอามาสร้างเป็นภาพยนตร์Series ชื่อ The Man From Planet X
( Joseph Louis Lagrange 1736 - 1813 )
ทฤษฎีดังกล่าวนี้ เกี่ยวข้องกับโจทย์ปัญหาเรื่อง ระยะระนาบและเชิงมุมของวัตถุ 3 ชิ้น ซึ่งผู้ที่คิดค้นตีโจทย์ของปัญหานี้ได้สำเร็จเป็นคนแรก คือ นักคณิตศาสตร์ลูกครึ่ง อิตาเลียน-ฝรั่งเศส ชื่อ โจเซฟ ลากรองจ์
(ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมความเข้าใจ ได้ที่ http://www.physics.montana.edu/faculty/cornish/lagrange.pdf )
สำหรับนักโหราศาสตร์สากลยูเรเนียนนั้น เรื่องนี้อาจจะเป็นเรื่องที่จะว่าใหม่เอี่ยมไปเลยก็อาจจะไม่เชิงนัก เพราะเรารับรู้กันมาว่า มุม 60 องศา นั้นเป็นมุมที่ให้คุณชั้นเยี่ยมและก็ใช้กันมาเนิ่นนานแล้ว แต่หลังจากที่ผู้เขียนอ่านพบเรื่องนี้ในวิชาดาราศาสตร์ภาคคำนวณ ในจุดประสงค์เพื่อจะหาดาวทิพย์ในเชิงยูเรเนียน ( TransNeptune )เพิ่มขึ้น ในกฎเลขอนุกรมของ Titius-Bode Law ซึ่งได้แก่
a = (n+4)/10
a being the distance from a planet to the Sun
n being a sequence of numbers: 0, 3, 6, 12, 24, 48, 96, 192 etc.
Johann Daniel Titius ( 1729 –1796 )
ระหว่างที่ผู้เขียนหาดาวทิพย์ยังไม่พบเป็นเรื่องเป็นราวนั้น ผู้เขียนกลับมาฉุกคิดเรื่องดาวเทียมขึ้นมาแทน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตำแหน่งเสถียรที่ปลอดแรงดึงดูดโน้มถ่วง และ ตำแหน่งระยะเชิงมุมของวัตถุ 3 ชิ้นในระนาบอื่นนอกเหนือจาก โลกและดวงอาทิตย์ ในมุมมองของทฤษฎีโหราศาสตร์แทน
เหตุผลเพราะว่า ถ้าเป็นระนาบแนว ดวงอาทิตย์กับ ดาวพฤหัส ของ L4 และ L5 นั้น จะเข้าไปในวงโคจรของดาวเคราะห์น้อยที่เรียกว่า อนุกรมดาวเคราะห์น้อย (Astroroid )แถบหนึ่งในหลายๆแถบซึ่งแต่ละแถบก็มีหลายร้อยดวง ในแถบที่ว่านี้มีชื่อชุดเรียกว่า ชุด กลศึกม้าไม้โทรจัน (Trojan )แห่งกรุงทรอย ( Troy ) ซึ่งตั้งชื่อจากตัวละครแห่ง มหากาพย์ อีเลียตอันโด่งดังยุคโบราณของปราชญ์ชาวกรีกชื่อ โฮเม่อร์ ( Homer ) ประพันธ์เอาไว้ ซึ่งในจำนวนนี้มีดาวเคราะห์น้อยขนาดใหญ่ที่สำคัญอยู่ 3 ดวง อันได้แก่ Agamemnon911, Achilles 588 และ Hector 624 ซึ่งจากตำแหน่งของ Lagrange Point นั้น ทั้ง 3 ดวงนี้ มีทางเป็นไปได้หรือไม่ว่า อาจจะมีบางอย่างที่น่าจะเกี่ยวข้องกับ ดาวทิพย์ชุดใหม่ในระบบโหราศาสตร์ยูเรเนียน?!!ในแง่ความหมายของ โชคลาภ และ มิตรภาพความผูกพันอันลึกซึ้ง ในเชิงความหมายแห่งการออกคำพยากรณ์ ซึ่งเรื่องนี้เป็นเพียงแค่ผู้เขียนสันนิฐานเอาเท่านั้น เหตุผลก็เพราะว่า ธรรมชาติคุณสมบัติของ L4 และL5 นั้น เป็นตำแหน่งคงที่ ในการสังเกตเส้นตรงระหว่างดวงอาทิตย์กับดาวพฤหัสเท่านั้น แต่เราเป็นมนุษย์โลกสังเกตสถาปนาฟ้าจากตำแหน่งบนโลก ดังนั้นดาวเคราะห์น้อยทั้ง 3 ดวงนี้จึงน่าจะถูกนำมาศึกษาทำสถิติไว้ด้วย
จากข้อมูลทางดาราศาสตร์ปัจจุบัน ในช่วงกลางเดือน มีนาคม 2011
ดาวเคราะห์น้อย Agamemnon 911
มี(สมผุส ) Longtitude อยู่ที่ 22 องศา 50 ลิปดา ราศีมิถุน
Lattitude ฟ้า ที่ 19 องศา 37 ลิปดา เหนือ
ผู้ค้นพบ Karl Wilhelm Reinmuth
Discovery date March 19, 1919
Alternative designations 1919 FD
Category Jupiter Trojan
Epoch January 14, 1990 (JDCT 2447905.5)
Eccentricity (e) 0.068
Semi-major axis (a) 5.214
Perihelion (q) 4.860
Aphelion (Q) 5.569
Orbital period (P) 11.907 ปี
Inclination (i) 21.833
Longitude of the ascending node (Ω) 338.002
Argument of perihelion (ω) 81.492
Mean anomaly (M) 110.147
ในทางความหมายแนวเทพปกีรนัม แล้ว อกาเมมนอน เป็นเจ้าเมืองไมซีนี เป็นแม่ทัพหลวงชาวกรีกที่ยกไปตีกรุงทรอย จนสำเร็จ
ในความหมายเชิงสำนวนโวหารแล้ว คำว่า อกาเมมนอน หมายถึง ความโลภ การเอารัดเอาเปรียบ การเห็นแก่ได้ การช่วงชิงโดยใช้เล่ห์เพทุบายเพื่อให้ได้มา ถ้าพิจารณาแล้วจะเป็น การได้มาโดยทำให้ผู้อื่นไม่เต็มใจเดือดร้อน แม้เป็นโชคด้านรายได้ของตนก็ตาม
ดาวเคราะห์น้อย อาคิลลิส (Achilles 588)
อาคิลลิส นั้น ในทางความหมายสำนวนวรรณคดี ท่านให้หมายถึง จุดอ่อนที่คาดไม่ถึง
ดาวเคราะห์น้อย Hector 624
ผู้ค้นพบ August Kopff
Discovery date 10 February 1907
Designations
Named after Hector Alternate name(s) 1907 XM; 1948 VD Minor planet
category Trojan asteroid Adjective Hektorian
Orbital characteristics
Epoch 22 October 2004 (JD 2453300.5)
Aphelion 800.220 Gm (5.349 AU)
Perihelion 762.145 Gm (5.095 AU)
Semi-major axis 781.183
Gm (5.222 AU)
Eccentricity 0.024
Orbital period 4358.521 d (11.93 a)
Average orbital speed 13.03 km/s
Mean anomaly 94.752°
Inclination 18.198°
Longitude of ascending node 342.791°
Argument of perihelion 183.579°
Satellites S/2006 (624)
Physical characteristics
Dimensions 370 km × 195 km × 195 km
Mass ~1.4×1019 kg
Mean density 2 ? g/cm³
Equatorial surface gravity ~0.067 m/s²
Escape velocity ~0.13 km/s
Rotation period 0.2884 d (6.92 h)
Albedo 0.025 (geometric)
Temperature ~122 K
Spectral type D
Apparent magnitude 13.79 to 15.26
Absolute magnitude (H) 7.49
Angular diameter 0.078" to 0.048"
ยังมีต่ออีกเยอะคับ