100 ปี พระพุทธเจ้าหลวงกับดาวหางฮัลเลย์
ปีนี้ 2553 ตรงกับกับวันครบรอบสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปิยมหาราชาธิราชเจ้า ครบ 100 ปี ซึ่งทางราชการและเอกชนหลายแห่งได้จัดงานน้อมรำลึกในวาระที่ครบรอบครั้งนี้ผู้เขียนได้อ่านพบข้อมูลจดหมายเหตุโหรในครั้งนั้น จากเว็บไซด์
http://iseehistory.socita.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=538711203
ของท่านอาจารย์โรจน์ จินตมาส ได้ทำเป็นบทความไว้ ได้อ่านพบข้อมูลนี้ จึงลองแกะดวงเป็นกรณีศึกษาได้เห็นปรากฎการณ์ทางโหราศาสตร์สากลยูเรเนียน ที่น่าสนใจ จึงขอนำมาเสนอท่านผู้ที่สนใจในวิชานี้พอเป็นแนวทางให้ค้นคว้าศึกษาต่อไปได้
เนื้อหาให้จดหมายเหตุโหรในครั้งนั้นบ่งชี้ว่า
"วันจันทร์ขึ้น ๙ ค่ำ เดือน ๕ เวลา ๑๐ ทุ่ม ดาวอุตรพัทรเกิดหางยาว ๓ วา โต ๓ กำ เบื้องทิศบูรพาหางไปข้างทิศอาคเนย์ วันจันทร์ขึ้น ๘ ค่ำ เดือน ๖ จึงหาย"
วันจันทร์ขึ้น ๙ ค่ำ เดือน ๕ ตรงกับวันที่ 18 เมษายน 2453
วันจันทร์ขึ้น ๘ ค่ำ เดือน ๖ ตรงกับวันที่ ๑๖ พฤษภาคม ๒๔๕๓
ถ้าเราทำเป็นรูปดวงแบบสากลพลาสิดุส จะเป็นรูปดังไปนี้
ลัคนานั้น ตามคำจำกัดความได้แก่ ขอบฟ้า ทาง ทิศตะวันออก ณ เวลาประสงค์ จากปรากฎการณ์เช่นนี้ ดาวหางฮัลเลย์ จะเห็นในภพ ที่ 12 ของลัคนา ซึ่งเป็นเรือนวินาศให้โทษ โดยมีลัคนาประเทศสยามในขณะนั้นอยู่ที่ 25 องศา 15 ลิปดา ราศี มีนซึ่งมีฮาเดส ดาวทิพย์บาปเคราะห์ ทับอยู่ใน 18 องศา 27 ลิบดา ราศีมีน ในเรือนวินาศลัคนา ณ เวลาดังกล่าว มีแอตเมตอส ดาวทิพย์แห่งความตาย อยู่ที่ 27 องศา 43 ลิบดา ราศีมีนอยู่รวมเรือนลัคนา และทับลัคนาในระยะสนิทองศาอยู่โดยมี อาทิตย์ 27องศา 56 ลิบดา ราศีเมษ จุดเจ้าชะตาใหญ่ของดวงนี้ ทับดาวเสาร์บาปเคราะห์ ที่ 26 องศา 27 ลิบดา ราศีเมษ แบบสนิทองศา อยู่ปลายเรือนชะตาลัคนานั้นเอง
โดยที่มีดาวเสาร์บาปเคราะห์และโครโนส ทับกันสนิทองศา ที่ประมาณ 26 องศา ราศีเมษ นั้น โดยอาทิตย์ที่ 27 องศาราศีเมษ สนิทองศากับจุดพิกัดดังกล่าว ซึ่งทั้งเสาร์ โครโนส และอาทิตย์นั้น แปลได้ตรงตัวเลยว่า ผู้ยิ่งใหญ่ชั้นสูงจะพลัดพราก !! อีกทั้งพลูโตที่ 25 องศา 8 ลิบดา เล็งเมอริเดียน และทำมุมฉากกับลัคนาประเทศไทย แปลได้ว่า รัฐบาลของประเทศนี้จะถูกรื้อแล้วสร้างใหม่
นอกจากนี้ใน จุดดาวหางหรือวัตถุลึกลับจากฟากฟ้า ได้แก่ จุดอิทธิพล เนปจูน+โครโนส-แอตเมตอส อยู่ที่ 14 องศา 8 ลิปดา ราศีสิงห์ ถ้านำมาเข้าสูตรแบบโหราศาสตร์ยูเรเนียน แบบหาแกนดาวจะได้ จุดดาวหาง+จุดดาวหาง – ลัคนา ณ เวลา ปรากฏตัว ณ พิกัด ในกรุงเทพ ตามที่ปูมโหรบันทึกว่าไว้นั้น จะตกอยู่ที่ตำแหน่ง 2 องศา เศษ ในราศี มกร จะทำมุมฉากแรง 90 องศา กับอาทิตย์สะท้อนจุดเจ้าชะตาสำคัญของล้นเกล้าฯรัชกาลที่ 5 ซึ่งสถิตอยู่ที่ ราศี ตุลย์ 2 องศา 34 ลิบดา !! เรียกว่ามีจุดรองรับฟ้าครั้งนี้ในดวงพระราชสมภพ ซึ่งในดวงพระราชสมภพนั้น เดิมทีมี จุดอิทธิพล เนปจูน+โครโนส-แอตเมตอส อยู่ที่ 3 องศา 32 ลิบดาราศีเมษ และทำมุมเล็งแรงกับ อาทิตย์สะท้อน 2 องศา 34 ลิบดา ราศีตุลย์ รองรับอยู่เดิม เลยครบวงจร เพราะ ดวงกำเนิดกับดวงท้องฟ้าคล้องจองรับกันอยู่
ปรากฎการณ์ดาวหางขึ้นครั้งนี้ ในเชิงโหราศาสตร์แล้ว ไม่ส่งผลดีเป็นอย่างยิ่งต่อประเทศสยาม!!
ในดวงพระราชชะตาขององค์สมเด็จพระปิยมหาราชาธิราชนั้น ทรงพระราชสมภพเมื่อ วันที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2396 เวลา 18.51 น.ณ พระบรมมหาราชวัง กรุงเทพ ดังภาพ
ถ้าจับดวงทั้ง 2 มาเทียบกันดังรูป
จะสังเกตได้ว่า อาทิตย์ โครโนส และเสาร์ ที่อยู่ติดกันเป็นกลุ่มในดวงดาวหางปรากฎนั้น ทำมุมมรณะ กับอาทิตย์กำเนิดในดวงพระราชสมภพ ถือว่า มีฐานรองรับคล้องจองกันพอดี
ดังนั้นตามประวัติศาสตร์โลกจึงระบุไว้ว่า ในปี ค.ศ.1910 นั้น มีพระเจ้าแผ่นดินผู้ทรงคุณูปการ เสด็จสวรรคต 2 องค์ คือ พระเจ้าเอิดเวิร์ด ที่ 7 แห่ง สหราชอาณาจักร กับ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวแห่งสยามประเทศ