วันสำคัญที่ต้องระวังเหตุการณ์รุนแรงทางการเมืองของไทยในปี 2553-2554
วิเคราะห์โดย ภารต ถิ่นคำ
หลังจากที่ดาวใหญ่ทำมุมสำคัญในเชิงโหราศาสตร์ อันได้แก่ พฤหัสซึ่งกุมดาวมฤตยูและไปเล็งดาวเสาร์ ซึ่งปรากฎการณ์ที่ว่านี้จะเกิดขึ้นในปี 2553 นี้ถึง 2 ครั้ง ซึ่งครั้งแรกกำลังจะผ่านไปใน วันที่ 28 พฤษภาคม 2553 ซึ่งครั้งแรกนี้ได้ทิ้งร่องรอยแห่งความเสียหายให้กับประเทศไทยอย่างมหาศาล เอาไว้เบื้องหลัง แต่เนื่องจากภาพเหตุการณ์ยังไม่จบ เพราะยังจะมีปรากฎการณ์เช่นว่านี้อีก ซึ่งจะกลับมาซ้ำรอยอีกครั้งในช่วงเดือน กรกฎาคมและสิงหาคม 2553 ซึ่งการตีความในเชิงโหราศาสตร์เทคนิคสากลยูเรเนียนบ่งบอกไว้ว่า เหตุการณ์นี้จะมีแนวโน้มให้ผลรุนแรงในทางตรงข้ามกับครั้งแรก ซึ่งเรื่องนี้สำคัญยิ่งต่อผลกระทบกับประเทศไทย เพราะถ้าปล่อยให้เป็นไปตามเหตุการณ์ตามยถากรรม ไม่แก้อาถรรพณ์ปรับเหตุการณ์เข้ากับสภาพการณ์ของปรากฎการณ์แห่งท้องฟ้าที่แจ้งมาแต่เนิ่นๆ จะส่งผลเสียหายบานปลายและลึกซึ้งอย่างใหญ่หลวงต่อระบอบการปกครองของประเทศไทย ถ้ามองในภาพรวมแบบเคลื่อนไหว จะส่งผลไปถึงปีหน้า คือปี 2554 ในช่วงเดือน มีนาคมและเมษายน อีกครั้งหนึ่ง เหตุการณ์จึงจะคลี่คลายออกไปในทางที่ดีขึ้น
ผู้เขียนจะวิเคราะห์สาเหตุของเหตุการณ์ในเชิงปรากฎการณ์โหราศาสตร์แนววิธีการสากลยูเรเนียนว่า ฟ้าให้ความหมายเช่นไรเมื่อเกิดปรากฎการณ์ทางดาราศาสตร์เช่นว่านี้ โดยจะเรียงตามลำดับภาพจากภาพกว้างมาหาภาพเล็ก ซึ่งจะโยงกันเป็นลำดับขั้นตอน เพื่อหาแนวโน้มของวันสำคัญที่จะเกิดขึ้นจริง และมีความเป็นไปได้ที่จะเกิดไปในแนวโน้มทางด้านใดมากที่สุด โดยวิธีการเทคนิคที่จะใช้อธิบายนี้เป็นหลักวิชา ที่เรียกว่า โหราศาสตร์สากลนิยม หรือ ( Classical Astrology ) และใช้ร่วมกับเทคนิคมาตรฐานแนวโหราศาสตร์ยูเรเนียน ( Uranian Astrology ) ด้านการพยากรณ์ดวงชะตาเมือง ( Mundane Astrology )ซึ่งเป็นที่ศึกษาเรียนรู้และยอมรับกันเป็นมาตรฐานทั่วโลกโดยผู้วิเคราะห์จะใช้อธิบายร่วมพร้อมกันไปเลย
การพยากรณ์ดวงชะตาเมืองหรือประเทศนั้น ในทางโหราศาตร์สากลยูเรเนียนมีแนวทางแตกต่างจากโหราศาสตร์ไทยอย่างสิ้นเชิง เพราะไม่ได้นำดวงหลักเมืองหรือดวงตั้งกรุงรัตนโกสินทร์ มาเป็นตัวตั้งแล้วหาดวงวัยหรือดวงจรปัจจุบัน เข้าทำมุมแต่อย่างเดียวมาวิเคราะห์หาแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นแต่อย่างใด
แต่กลับใช้ ดวงปรากฎการณ์ทางดาราศาสตร์เรื่องจังหวะฟ้าที่สำคัญๆ ซึ่งจะส่งผลครอบคลุมเหตุการณ์ในพื้นที่ของช่วงจังหวะคาบของเวลาและวงรอบดาวเคราะห์ใหญ่ ซึ่งมีมิติของเวลาที่ครอบคลุมพื้นที่ และเหตุการณ์ โดยให้ผลเป็นค่าที่แน่นอน ซึ่งวิธีการนี้เป็นที่ยอมรับถึงความแม่นยำสูงและเป็นที่นิยมใช้ในแนววิชาโหราศาสตร์ทางตะวันตกอีกทั้ง ใช้ระบบดาวทิพย์ ( Transneptune ) แนวสำนักฮัมบูร์กของประเทศเยอรมัน ซึ่งทั่วโลกรู้จักและเรียกกันว่า โหราศาสตร์ยูเรเนียน อีกทั้งคำแปล ผู้วิเคราะห์ ก็ใช้ตามหนังสือคัมภีร์สูตรพระเคราะห์สนธิ ซึ่งแปลและเรียบเรียงโดย พลตรีประยูร พลอารีย์ อย่างเคร่งครัด และใช้เทคนิคจานคำนวณ 45 องศา สองชั้น อีกทั้งวิธีการพยากรณ์ ตาม ตำราโหราศาสตร์การเมือง ซึ่งเป็นแนวทางของ โหรจรัญ พิกุล ซึ่งทั้งสองท่านนี้ ในวงการนักโหราศาสตร์สากลของไทยถือกันว่าเป็นเป็นเสาเอกของวิชาโหราศาสตร์สากลยูเรเนียนของประเทศไทย
การพิจารณาดวงเมืองนั้น ตำราโหราศาสตร์สากลท่านกำหนดให้ต้องพิจารณาโดยองค์รวมแบบบูรณาการ จากมหภาพมาหาจุลภาพโดยถือเอา ภาพสุริยุปราคา ที่คุมคาบเวลาอิทธิพลของช่วงเวลานั้น เป็นหลักปฐม โดยมีดวงปี (Soltice ) และ จังหวะทั้ง 8 ของดวงจันทร์ในแต่ละเดือน ,อาทิตย์ย้ายราศี รวมไปถึงจังหวะแห่งดาวใหญ่ย้ายราศีและทำมุมแรงกันในท้องฟ้า อีกทั้งดวงบุคคลสำคัญที่มีแนวโน้มที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ ณ ช่วงเวลานั้น
ภาพแรกคือดวงสุริยุปราคา (Eclipse ) เต็มดวงประเทศไทย วันที่ 24 ตุลาคม 2538 เวลา 11.36 น. กรุงเทพ
และภาพดวงวัยสากลของดวงสุริยคราสเต็มดวง แบบ Secondary Progress ณ วันที่ 31 กรกฎาคม 2553
ภาพดวงโปรเกรสกลางปี 2553 นี้้จะเห็นว่า มฤตยู 26 มกร 50 กุมลัคนา 28 มกร 18 ห่างกันแค่ 2 องศา เศษ ถือว่า ภาพนี้ ดาวมฤตยูส่งอิทธิพลเสทือน ถึง ลัคนาประเทศไทยอย่างรุนแรง เจ้าเรือนลัคนา คือ เสาร์ ไปอยู่ภพ 2 อันได้แก่ เศรษฐกิจการเงินของประเทศ ที่น่าสนใจของภาพดวงนี้ จะเห็นได้ว่า ที่ดาวทิพย์ อาพอลลอน อยู่ที่ 18 ตุลย์ 18 ทำมุม 150 อริกับ เสาร์ที่เป็นตนุลัคน์ และทำมุม 150 มรณะ กับแอตเมตอส ที่ 17 พฤษภ 20 ทำให้เกิดโครงสร้างภาพดัชนีพระเจ้า (Yod) แปลได้ว่า การคลังซึ่งฝืดเคืองส่งผลให้เศรษฐกิจหยุดนิ่งหรือชลอตัว
อาทิตย์ในดวงโปรเกรสนี้ 15 พิจิก 04 มี ฮาเดส 14 มิถุน 58 มาทำมุม 150 มรณะใส่ แบบบังคับให้ต้องเิกิดขึ้น ตามตำราโหราศาสตร์การเมือง อาทิตย์หมายถึง ผู้ปกครองประเทศ และฮาเดส หมายถึง การเจ็บป่วย ซึ่งทั้ง อาทิตย์และฮาเดส ต่างก็ทำมุมถึง ลัคนาประเทศไทยทั้งคู่
แต่คู่ดาวอีกคู่หนึ่งที่น่าสนใจของดวงนี้คือ แอตเมตอส 17 พฤษภ 20 กับ วัลคานุส 18 กรกฎ 43 ทำมุม ดัชนีพระเจ้า ( Yod ) กับ ดาวพฤหัส 17 ธนู 26 ซึ่งดาวกลุ่มนี้ส่งผลให้เกิดภาพดาวเข้าจุดอิทธิพลที่แปลได้ว่า รอดพ้นชะตากรรมรังแกอย่างมีโชค โดยที่ พฤหัส ทำมุม 40 ดีองศากับ ลัคนา และเมอริเดียนประเทศไทย
ซึ่งภาพจากดวงสุริยุปราคาเต็มดวงโปรเกรส นี้ น่าจะแปลได้ว่าแม้จะประสบเรื่องร้ายแรงอย่างไรก็สามารถที่จะผ่านพ้นไปได้อย่างคาดไม่ถึง ตามที่มีอิทธิพลของมฤตยูที่คอยกำกับกุมลัคนาประเทศไทยอยู่
สังเกตได้ว่า ภาพดวงโปรเกรสนี้ให้ผลรุนแรง เพราะ อังคารจรกุมดาวเสาร์จรสนิทองศา ที่ 00 ตุลย์ ทำมุมเล็งกับมฤตยู ที่ 00 เมษ นั้น ถือว่าแรงมาก เพราะเข้าแกนโลก ทำมุมถึง อาทิตย์โปรเกรสของดวงนี้ 15 พิจิก ในมุม แรง ครึ่งฉาก 45 องศา และเลยไปทำมุม 135 แรงกับ มฤตยูจรท้องฟ้าด้วย ซึ่งน่าจะอนุมานได้ว่า ภาพดวง ณ ช่วงวันเวลานี้ จะให้ผลที่รุนแรง
ภาพดวง Directed SolarArc ของดวง สุริยุปราคาเต็มดวง ( 1 ปี เท่ากับ 1 องศา ) ทำมุมกับดวงจร ทรานสิต ณ วันที่ อังคารกุมเสาร์สนิทองศา จะเห็นได้ว่า อาทิตย์จร 7 สิงห์ วันนั้น เล็ง เนปจูน Directed กำเนิดซึ่งอยู่ที่ 7 มีน และ อังคารกุมเสาร์จรที่ 00 ตุลย์ นั้น เล็งเสาร์กำเนิด 3 เมษ ของ ดวงนี้ จึงเป็นภาพเน้นว่ามีเหตุการณ์สำคัญ
ขั้นตอนต่อไปมาดูที่ดวงของปี 2553 อันได้แก่ อาทิตย์ยกเข้าราศีเมษ ในวันที่ 22 ธันวาคม 2552 เวลา 00.35 น.
จะเห็นได้ว่าปี 2553 นี้ เสาร์ 4 ตุลย์ 11 ซึ่งเป็นบาปเคราะห์มากุมสนิทองศากับลัคนา ดวงปีใหม่ 2553 ซึ่งอยู่ที่ 4 ตุลย์ 37 และอาทิตย์ที่ยกนี้ ทำมุมเล็ง 180 องศา ให้โทษกับ ฮาเดส ดาวทิพย์ที่ให้ผลในทางร้ายในทาง เก่าแก่ เจ็บป่วย พังพินาศ ซึ่งส่อให้เห็นว่า ปีนี้ประเทศไทยดวงไม่ดี มีบาปเคราะห์ใหญ่ 2 ตัวสำคัญคือ เสาร์กับ ฮาเดส ให้ผลไปในทางร้าย
ทีนี้เหตุการณ์จะเกิดในเดือนไหนให้ดูที่อมาวสี (New Moon )ของแต่ละเดือน
ดังภาพอมาวสีของเดือนมิถุนายน 2553
ภาพดวงอมาวสีเดือน มิถุนายน 2553 จะเห็นว่าเสาร์บาปเคราะห์ลอยอยู่กลางฟ้า และมี พฤหัส ตนุลัคนาของ ประเทศไทยทำมุมเล็งในภพ 4 ฝ่ายค้านร่วมกับมฤตยู โดยเสาร์นั้นมีเนปจูนทำมุม 150 อริเจ้าเรือนภพ 10 เป็นพุธ มาอยู่เรือนอริลัคนา และเมอริเดียน โดนซีอุสทำมุมแรง 22 องศาครึ่ง ภาพจากฟ้าช่วงนี้ ให้ความหมายว่า รัฐบาลจะเพลี่ยงพล้ำเสียหาย
ภาพอมาวสีเดือนกรกฎาคม 2553
ดวงจันทร์เพ็ญเดือนกรกฎาคม 2553
อมาวสีเดือนสิงหาคม 2553
...