ReadyPlanet.com
dot
dot
เนื้อหาสาระ
dot
bulletเจตนารมณ์
bulletจากใจผู้จัดทำ
bulletส่องฟ้าฝ่ากระแสดาว
dot
ภาควิชาการ
dot
bulletสากลยูเรเนียนสัมพันธ์
bulletวิวัฒนาการองค์ความรู้แห่งโหรสยาม1
bulletวิวัฒนาการองค์ความรู้แห่งโหรสยาม 2
dot
บทความน่าอ่าน
dot
bulletคานทองนิเวศม์
bulletดวงเมียน้อย
bulletรสนิยมรักกับดวงชะตา
bulletอาจารย์ขา!แฟนหนูเป็นเกย์?!
bulletเรื่องอย่างว่า!!เอ๊ะยังไงกัน?
bulletเมื่อไหร่จะขายออกซะที?
bulletใครเอ่ย?เนื้อคู่คุณ..
bulletจุดรับเงินคุณเป็นอย่างไร?
bulletจุดล้มละลาย
bulletเพ่งดวงลูกน้อง
bulletเบอร์ฮัลโหลกับโหราศาสตร์
bulletเมื่อไหร่จะถูกหวย??
bulletงานสมพงษ์
bulletปั้นดินให้เป็นดาว
bulletถูกดองตำแหน่งหรือแป๊กขั้น
bulletทำอย่างไรให้ขายดี!!
bulletวิ่งให้ถูกเส้น ทำอย่างไร?
bulletจับงานใหญ่ต้องใช้ฤกษ์
bulletเอาฤกษ์เอาชัย
bulletลางสังหรณ์พารวย
bulletดวงผิดเพศ
bulletสัมผัสที่ 6
bulletคนเห็นผี
bulletคนตกยุค
bulletดวงดาวกับปัญหาสายตา
bulletศัลยกรรมใบหน้ากับโหราฯ
bulletต้นไม้เสี่ยงทาย
bulletสะเดาะเคราะห์ทำได้จริงหรือ?
bulletเทียนอาถรรพณ์
bulletพระเกตุ ดาวทิพย์แห่งโหรสยาม
bulletบทความ อจ.วิโรจน์ กรดนิยมชัย
bulletมุมสัมพันธ์ระหว่างดาว
bulletเรือนชะตาจันทร์
bulletดาวไร้สัมพันธ์
bulletเว็บไซด์โหราฯ ที่น่าสนใจ
bulletธุรกิจ " หมอดู "
bulletตรวจสุขภาพด้วยโหราฯ
bulletกลุ่มโหราพารวย
bulletกลุ่มโหราหารัก
bulletกลุ่มโหราพารุ่ง
bulletโหราพาสนุก
bulletกลุ่มโหราพาสยอง
bulletกลุ่มโหราอาถรรพณเวทย์
bulletกลุ่มโหราสุขภาพ
bulletอาลัยพี่กุ้ง " กิตติคุณ เชียรสงค์ "
bulletกลุ่มสืบจากดวง
bulletกลุ่มโหราพยากรณ์
bulletกิจกรรมโหรา ' Sky Clock '
bulletท่านปัญญานันทะ
bulletอาลัยอาปื้ด ทนงศักดิ์ ภักดีเทวา
bulletจิ๊กซอร์ของโหราศาสตร์สากลยูเรเนียน
bulletสะเดาะเคราะห์แก้อาการเซ็ง
bulletสืบจากศพ..ทำไมถึงตาย
bulletอุตุโหราฯ
bulletไซโคลนนากรีส
bulletรอยสักสยองขวัญ
bulletบทความ "ระวังยูเรเนียน " ..โดย จรัญ พิกุล
bulletจังหวะฟ้ากับการนั่งสมาธิ
bulletพายุเฮอริเคน IKE
bulletอาลัยท่าน Udo Rudolph
bulletเสน่ห์มหานิยมจากริงโทนรอสาย
bulletรสนิยมเรื่องอย่างว่ากับอาหารการกิน
bulletเรื่องของไฝกับไอ้นั่น
bulletเรื่องของ ขน โลมา และอารมณ์
bulletยาโป๊วกับโหราศาสตร์
bulletของแสลงผิดสำแดงอารมณ์เพศ
bulletอาลัยพญาอินทรีแห่งวงการน้ำหมึก 'รงค์ วงษ์สวรรค์
bulletสะดือกับการพยากรณ์
bulletกรณีศึกษาการกลับชาติมาเกิด
bulletสยามยามวิกฤติ ตอนที่ 1
bulletรุจน์ รณภพ ดาราเจ้าบทบาท
bulletโหราจารย์มานิตย์ ธีรเวชชโรกุล ... ดวงครูที่น่าศึกษา
bullet...
bulletอีรีส (Eris )เทพเจ้าแห่งความขัดแย้งวุ่นวาย
bullet หลักวิธีการแก้กรรมในระบบโหราศาสตร์สากลยูเรเนียน
bullet100 ปี พระพุทธเจ้าหลวงกับดาวหางฮัลเลย์
bulletโหราสาธยาย
bulletโหราศาสตร์คืออะไร
bulletสารบัญ
bulletประวัติและความเป็นมาของวิชาโหราศาสตร์
bulletปรัชญาในการศึกษาวิชาโหราศาสตร์
bulletจุดลากรองจ์ (Lagrange Point )
bulletการหาเวลาเกิด ตำรับโหรจรัญ พิกุล
bulletAnalemma อาถรรพณ์แห่งเส้นสุริยวิถีกับโหราศาสตร์สากลยูเรเนียน
bulletหลักสูตรโหราศาสตร์สากลยูเรเนียนระบบจานสองชั้น 80 ชั่วโมง




โหราจารย์มานิตย์ ธีรเวชชโรกุล ... ดวงครูที่น่าศึกษา

                             โหราจารย์มานิตย์ ดวงครูที่น่าศึกษา
                                  โดย  ภารต  ถิ่นคำ

        เมื่อคืนนี้ ( วันเสาร์ที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2553 ) ผมฝันถึงท่านโหราจารย์ มานิตย์   ธีรเวชชโรกุล โดยฝันว่าไปหาท่านที่ร้านขายยาบ้วนแช ปากซอยองครักษ์บางกระบือ กรุงเทพมหานคร ในฝันนั้นได้คุยกับท่านอาจารย์ เรื่องเล่นหุ้น เพราะเห็นท่านกำลังโทรสั่งขายหุ้นของท่าน  และยังคุยเรื่องพงศาวดาร ของรัชกาลต่างๆ ที่ท่านอาจารย์ได้เก็บสะสมไว้เป็นตั้งๆ   ในฝันนั้นก็เหมือนกับรู้ๆอยู่ว่าท่านเสียชีวิตแล้ว ท่านยังบอกกับผมว่า ท่านเดินจากบ้านบางกระบือไปฝั่งธนโดยข้ามสะพานซังฮี้ได้ไปกลับ แถมยังบอกว่าแข็งแรงแล้ว เรียกว่า ฝันกันเป็นเรื่องเป็นราว รู้สึกจะเป็นภาพสีซะอีกด้วย   ตำราโบราณทางเหนือท่านบอกว่า ถ้าฝันวันเสาร์ หมายถึงคืนวันเสาร์ เรื่องมักจะแรง   ซึ่งเท่าที่ผมมีประสบการณ์ในการสังเกตหลายครั้งแล้ว ก็มักจะเห็นว่ามีส่วน   ซึ่งมาคิดอีกทีไหนๆจะแรงเรื่องผีและคนตายแล้ว ในฐานะที่ท่านอาจารย์มานิตย์ ท่านเคยเป็นโหรใหญ่คนหนึ่งในยุคของท่าน ก็ขอให้มาแรงทางบทความโหราศาสตร์ก็แล้วกันครับ   พอตื่นเช้าขึ้นมานึกทบทวนดูแล้ว ก็ไปเปิดเว็บท่านอาจารย์โรจน์ จินตมาศ  http://www. rojn-info .com  อ่านบทความต่างๆที่ท่านอาจารย์โรจน์ ท่านเขียนถึงท่านอาจารย์มานิตย์ ทำให้ภาพต่างๆในอดีตที่ผมไปคลุกคลีอยู่กับท่านมา หวลกลับมาในความทรงจำได้มากมาย

อันซอยองครักษ์ บางกระบือนั้น คุณแม่ผมเดิมท่านมีนิวาสถานอยู่ในซอยนี้ ทำให้ผมมีวงศาคณาญาติอยู่ในซอยนี้มากนัก ตั้งแต่รุ่นก่อนเก่าไปมาหาสู่กันแลกครัวแลกกับข้าวกันประจำ ผมเลยถือโอกาสบังอาจทึกทักถือเอาเองได้ว่า ตนเองก็เป็นคนบางกระบือ ศรีย่านกับเขาเหมือนกัน เพราะอยู่มาแต่เล็กแต่น้อยสลับกับบ้านเกิดจริงที่วรจักร ซึ่งบ้านท่านอาจารย์มานิตย์ ความจริงเป็นร้านขายยาขนาดใหญ่หลายห้องชื่อ บ้วนแซ อยู่ปากซอยใกล้สี่แยกโรงเรียนราชินีบน   ตรงข้ามร้านท่านอาจารย์ก็ตรงกับ บ้านท่าน ศจ.ดร.อุทิศ นาคสวัสดิ์ ซึ่งเป็นปรมาจารย์ดนตรีไทยคนหนึ่งของเมืองสยามนี้ ที่ชื่อว่า ร้านพัฒนศิลป์ ขายเครื่องดนตรีไทยชนิดต่างๆ และเทปเพลงปี่พาทย์เครื่องสายดนตรีไทย ซึ่งท่านก็ได้ล่วงลับไปนานแล้วเช่นกัน โดยท่าน ศจ.ดร.อุทิศ นาคสวัสดิ์ นั้น สมัยที่ยังมีชีวิตอยู่ ท่านเป็นนายกสมาคมสงเคราะห์สหายศิลปิน ซึ่งมีที่ทำการอยู่ที่วัดพระพิเรนทร์ วรจักร ท่านไปมาหาสู่ย่าน วรจักร บ้านบาตร บ้านพ่อครูหลวงประดิษฐ์ไพเราะ ( ศร ศิลปะบรรเลง ) และท่านมักจะแวะเวียนมาที่วัดพระพิเรนทร์เป็นประจำ มาพูดมาคุยกับท่านพระครูกิตติญาณประยุต ( ประสม กิตติญาโณ ) ซึ่งเป็นเจ้าอาวาส อันว่า หลวงพ่อพระครูสม นั้น ท่านเป็นผู้กว้างขวางเป็นที่รู้จักกันดีในวงการศิลปิน ทั้งปี่พาทย์และลิเก ศิลปินคนไหนยุคนั้นใครจะเป็นจะตายตกทุกข์ได้ยากขาดแคลนอย่างไร มาหาหลวงพ่อสม ท่านจะเป็นธุระวิ่งเต้นบรรเทาความเดือดร้อน หาทางช่วยเหลือ แม้จะตายวายชนม์อนาถากันขนาดไหนก็ยังเป็นเจ้าภาพทำพิธีฌาปนกิจศพให้อย่างสมฐานะ เนื่องจากผมเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อพระครูสม ก็เลยรู้จักคอยนั่งฟังพวกรุ่นใหญ่เขาถกเรื่องดนตรีไทยกันที่กุฏิ คอยเสริฟน้ำ นวดเฟ้น บริการผ้าเย็น และของว่าง พวกผู้ใหญ่รุ่นนี้ ปัจจุบันกลายเป็นศิลปินแห่งชาติกันไปหลายท่านเหลือเกิน เช่น ครู บุญยัง เกตุคง ครูบุญยง เกตุคง ครูประสิทธิ ถาวร ครูจำเนียร ศรีไทยพันธ์ ครูโองการ กลีบชื่น ครู ทองใบ เรืองนนท์ พระภิกษุหอมหวน ปรมาจารย์ลิเกแห่งภาคกลาง ครูเต๊ก เสือสง่า ปรมาจารย์ลิเกสายอีสานหรือโคราช ฯลฯ ไหนจะพวกวงการศิลปินโขนอีกมากมายเหลือเกิน  

เขียนไปแล้วก็เพลิน ลืมตัวว่าเขียนเรื่องโหรา กลับมาที่เรื่องท่านอาจารย์มานิตย์ กันต่อดีกว่าครับ ร้านท่านอาจารย์นั้นอยู่ปากซอยองครักษ์ เวลาไปหาต้องไปที่หน้าร้าน บอกคนขายยาหน้าร้านว่า มาหาอาจารย์เรื่องโปรแกรม แล้วเขาจะอินเตอร์คอมไปข้างบนว่า เฮียมีคนมาหา ซื้อโปรแกรม ซึ่งก็มักจะได้ยินเสียงตอบมาว่า เอ้อ เป็นแบบนี้แทบจะทุกทีตายตัวยังกับเป็นสูตรสำเร็จ หรือรหัสผ่านของสมาคมลับแนวอั้งยี่ แบบนวนิยายเล็บครุฑของ พนมเทียน ยังไงยังงั้นเชียว ยกเว้นท่านอาจารย์ไม่อยู่ออกไปข้างนอก   จากนั้นเราก็จะขึ้นบันไดแหวกทางเดินที่เต็มไปด้วยสุนัข และจานข้าวของสุนัขที่ผูกโว่ล่ามไว้ตามและกล่องรังจิปาถะเรียงรายอยู่ตามขั้น  จนแหวกขึ้นไปถึงที่ชั้นสองของร้าน อีกแยกหนึ่ง เข้าไปในห้องกระจกติดแอร์อันเป็นห้องทำงานของท่านอาจารย์ บรรยากาศในห้องของท่านอาจารย์นั้น เต็มไปด้วยหนังสือกล่องรังและถุงห่อ อบอวลไปด้วยความรู้ด้านฮาร์ตแวร์ซอฟแวร์อิรุงตุงนัง มีผนังที่ติดกระดานดวง 2 ชั้นหมุนได้ มีเป๊กสีแทนตำแหน่งดาว แบบเดียวกับสำนักบ้านท่านโหราจารย์จรัญ  พิกุล แต่สำนักท่านโหราจารย์จรัญ นั้น เป็นแนว Scholar ผู้ดีขุนนางแนวอังกฤษแต่ของท่านอาจารย์มานิตย์นั้น เป็นแนวห้องแล็บของนักวิทยาศาสตร์สติเฟื่องที่เห็นในภาพยนตร์หลายๆเรื่องกันทีเดียว  ห้องทำงานแนวนี้ปัจจุบันที่นึกได้ก็คือ สำนักท่านอาจารย์ผดุง ผึ่งประเสริฐ ของเรานี่แหล่ะคับ เพียงแต่เปลี่ยนบริวารจากสุนัขเป็นแมว นี่เอง  สังเกตดูท่านอาจารย์โหราพวกนี้ท่านจะมีเมตตาธรรมสูงมาก  ซึ่งถ้าได้สนิทกันแล้วจะเฮฮา คุยไปถามไปเรียนกันไป ตักตวงความรู้โหราศาสตร์ แบบประยุกต์ นอกตำราหาฟังที่ไหนไม่ได้ ตามจริตของผู้สนใจ ซึ่งมานึกดูอีกทีบรรยากาศห้องทำงานผมที่ใช้ในปัจจุบันนี้ที่เชียงใหม่นั้น   ก็ออกจะคลับคล้ายสำนักท่านอาจารย์ไปซะทุกทีแล้ว  พอเขียนไปก็เพิ่งจะนึกขึ้นได้ให้ใจหายวาบเชียว สงสัยต้องรีบเคลียร์ของออกไปบ้าง   ช่วงนั้นผมสนใจเรื่องหาหวย ดูหุ้น และทีเด็ดเคล็ดลับในวิชายูเรเนียน ตอนนั้น เรื่องคอมพิวเตอร์ยังเป็นเรื่องไกลเกินใฝ่ฝัน เพราะยังเป็นแค่ รู้จักแค่แอปเปิ้ล ทูพลัส  ตอนสมัยเรียนโปรแกรมทำบัญชี  ส่วนเครื่องพีซีนั้น ยังใช้ระบบปฏิบัติการดอส ตอนนั้นราคา 4 หมื่นกว่า แพงเกินสติปัญญาจะซื้อจะหาสำหรับคนเรียนมหาวิทยาลัยเอกชนดัง ที่ต้องดิ้นรนส่งเสียตนเองเรียนด้วยทำงานไปด้วยให้จบให้จงได้   แต่เราสนเพียงแค่เครื่องพ๊อกเก็ตคอมพิวเตอร์ สำหรับผูกดวง ทั้ง ดวงไทย สิบลัคน์และ ยูเรเนียน ซึ่งต้องใช้ในการพยากรณ์งานภาคสนาม เพราะขี้เกียจแบกกระเป๋าใส่ปฏิทินโหร  ของอาจารย์ทองเจือ  อ่างแก้ว  ที่มีหลายเล่ม ซึ่งตอนนั้นก็มีใครต่อใครมาหาท่านอาจารย์มากมาย เกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้ 

 ผมเองเก็บความรู้เล็กๆน้อยๆเบ็ดเตล็ด มาได้มากมาย โดยเฉพาะหลักโหราหวย ซึ่งจำได้ว่า ถ้าวันออกหวยถ้าว่างผมจะแว๊บมาหาฟังหวยออกทางวิทยุลุ้นกับท่านอาจารย์ ซึ่งท่านจะบอกว่า หวยงวดนี้มีอะไรเพราะเหตุใดใช้หลักการใดจึงเลือกตัวนี้เป็นตัวหลัก และวิธีการผันสุ่มตัวเลขแทงให้ได้กำไรอย่างมีหลักการอันน่าทึ่ง ฟังไปลุ้นไปสดๆ ที่เฮหนักๆก็มี ที่ฟังแล้วซึมก็มีสลับกันไป เรื่องหุ้นก็เช่นกัน ซื้อๆขายๆ นั่งมองจอ ถ่ายทอดสดซื้อ-ขายหุ้นจากช่องตลาดหลักทรัพย์  เดี๋ยวมีแมสเซนเจอร์ขี่มอเตอร์ไซด์จากบริษัทโบรคเกอร์ มาให้เซ็นรับอยู่บ่อยๆ  ผมเองก็เลยลักวิทยาครูพักลักจำ  เรียนวิชาการเงินนอกระบบมาจากสำนักนี้นี่เอง  แต่อย่างไรก็ตามเท่าที่รู้ ก็ยังคุ้มค่ากันมากมายก่ายกองนัก ในฐานะนักเลงโหรแนวหวย เคยเห็นท่านอาจารย์ถูกหลายแสนก็มี ถึงขนาดพาไปเลี้ยงฉลองถูกหวยกันที่ร้านวิเศษไก่ย่างที่บางโพ ก็เคย

เขียนมาตั้งเยอะตั้งแยะ มาเข้าประเด็นเนื้อหาโหราศาสตร์สากลยูเรเนียนกันดีกว่า ตามประวัตินั้น ท่านอาจารย์มานิตย์ ธีรเวชชโรกุล เกิดเมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2486 เวลา 07.18 น. ที่ ร.พ.หัวเฉียว กรุงเทพ เป็นบุตรของ นายเต๊กเซ้ง และนางเพี่ยจึง แซ่ฉั่ว จบการศึกษาที่ ร.ร. อำนวยศิลป์ พญาไท และ สอบเทียบ ม.8 เอาไปสอบเข้าเรียน คณะเภสัช จุฬาฯ แล้วร้อนวิชาโหราศาสตร์ ออกมาทำงานเป็นเซลล์วิ่งขายส่งยาซะงั้น    เรามาดูดวงท่านกันดีกว่าครับเป็นอย่างไรกันบ้าง

  การเป็นนักโหราศาสตร์ นั้น   ต้องดูที่ดวงกำเนิค กรณีดวงนี้   มฤตยู/อาพอลลอน ( 22 กฎ 55 ) = เมอริเดียน ( 8 ธค 53 ) มุมแรง 45 ซึ่งแปลได้ว่า จิตใจนั้นเกี่ยวข้องกับเรื่อง โหราศาสตร์   , จุดโหราศาสตร์อย่างแรง มฤตยู+อาพอลลอน-วัลคานุส ( 27 สห 08 ) = วัลคานุส สะท้อน ( 11 มก 18 ) ครบวงจร แถมยัง = อังคาร ( 11 มก 35 ) ในมุม 135 = จุดเจ้าชะตา ลัคนา/อาทิตย์ ( 28 กภ 01 ) ในมุมเล็ง 180 องศา ซึ่งโครงสร้างดาวแบบนี้ นี่เอง จึงส่งผลให้ท่านอาจารย์ ลุ่มหลงในวิชานี้ อย่างมากมาย โดยในพื้นดวงชะตาแบบสากลพลาสิดุสนั้น เนปจูน ( 1 ตล 38 )เป็นมรณะแท้ ( มุม 150 องศา )กับ ลัคนา ( 2 มีน 37 ) ซ้ำอย่างแรงด้วยแล้ว ยิ่งหลงไปกันใหญ่ โดยเนปจูนนี้ ก็ลากเอา จุดชะตากรรมรังแก แอตเมตอส/วัลคานุส ( 17 พภ 19 ) ในมุม 135 องศามาร่วมด้วย ในความเป็นจริงนั้น ครอบครัวของท่านอาจารย์ หรือสิ่งแวดล้อม อันได้แก่ลัคนาของท่านอาจารย์นั้น เป็นในแนวเนปจูน อันได้แก่ ยา หรือ การขายยา ซึ่งก็ตรงตามดวงซะด้วยสิ  ที่สำคัญในเรื่อง การศึกษาและใช้ฝึกฝนวิชาโหราศาสตร์จนแม่นยำ นั้น ตามหลักการโหรเขาวัดเขาตรวจดูกันที่ จุด มฤตยู+อาพอลลอน – พฤหัส ในดวงกำเนิดท่านอาจารย์ อยู่ที่ 29 กฎ 28 ทำมุมแรง 135 องศา ถึง พฤหัส สะท้อน ที่ 13 ธน 38 ทำให้เกิดการครบวงจร และ เข้า ดาวศุกร์กำเนิด ซึ่งอยู่ที่ 14 มน 31 ในมุมแรง 135 องศาเช่นกัน แต่คนละด้านกับ พฤหัส สะท้อน ซึ่งเรื่องนี้ แม้จะดีนักหนาและมีความสุขกับความแม่นยำในการพยากรณ์ของตน   แต่จุดที่ว่านี้ ก็ให้โทษเช่นกัน เพราะดันชักพาเอา มฤตยู สะท้อน ซึ่งแปลว่า ความเครียด อุบัติเหตุ หัวใจวาย และแอตเมตอส สะท้อน ซึ่งหมายถึง ความตาย ตามมาด้วย ถือกันว่า เป็นจุดกรรมอย่างแรง ซึ่งผมก็เคยได้ยินท่านพูดเปรยๆ แต่ตอนนั้นไม่ได้เฉลียวใจคิด

 จะเห็นได้ว่า เสาร์บาปเคราะห์ลอยกลางฟ้า ทำมุมฉากร้ายถึงลัคนา  อาทิตย์เอง ณ เวลาเข้าทำทับมุมสนิทกับอาทิตย์กำเนิดเดิม  เกิดขึ้นในเรือนมรณะ ทำมุม 22ครึ่ง กับเนปจูน ส่วนพฤหัสศุภเคราะห์ตัวช่วยก็ดันมาทำมุมเสีย 135 กับลัคนา ซ้ำซะอีก

ในดวง Solar Return ในปีที่ท่านอาจารย์เสียชีวิต  1999  นั้น  ดูเฉยๆจากดวงโซล่าร์นี้  ไม่น่ามีอะไรน่ากลัว  แต่ก่อนหน้านั้นท่านอาจารย์เข้าโรงพยาบาล  ในปี 1998 นี่สิ  เหตุมันมาก่อนซะแล้ว  เรื่องของท่านอาจารย์เสียชีวิตนี้ จึงเป็นดวงครูในเรื่อง  วิชาภาพดวง Dynamic หรือที่เรียกว่า ภาพเคลื่อนไหว คือดูเหตุไปหาผลในเรื่องใหญ่ๆเป็นองค์ประกอบภาพรวม  หรือดูแบบหนังทั้งเรื่องไม่ใช่ตัดตอนดูจากรูปภาพทีละใบแล้วให้เดาเรื่องเอาเอง   หลักการนี้เป็น รูปแบบสำคัญที่สำนักท่านปรมาจารย์จรัญ  พิกุล ใช้ในการดูดวงชะตา 

 ตามที่ผมมีข้อมูลนั้น ท่านอาจารย์ท่านได้หมกมุ่นทุ่มเทชีวิต   ค้นคว้าโหราศาสตร์ทั้งไทยและสากลจนรู้และเข้าใจในวิชานี้อย่างลึกซึ้ง นอกจากจะรู้ทั้งทฤษฎีและการพยากรณ์แล้ว ท่านยังเป็นผู้บุกเบิกเรื่องการสร้างโปรแกรมโหราศาสตร์ และการทำโปรแกรมเกี่ยวกับปฏิทินโหรย้อนหลังเดินหน้าได้หลายพันปี เพื่อใช้ในการตรวจสอบความถูกต้องของวันเดือนปีตามหลักฐานทางประวัติศาสตร์ เช่น พงศาวดารฉบับต่างๆ จนสำเร็จ และ ยังสรรสร้างอุปกรณ์พกพาแนวเครื่องคิดเลขหรือ คอมพิวเตอร์พกพา ที่สามารถผูกดวงได้ทั้งแบบไทยและยูเรเนียน โดยทุ่มเทคิดค้นลงทุนส่วนตัวสร้างเองไม่ต้องง้อใช้ของต่างชาติ จนเป็นที่ยอมรับยกย่องและใช้กันทั่ววงการโหร และยังมีใช้กันอยู่จนถึงปัจจุบัน ซึ่งลดการพกพาปูมปฏิทินโหราให้เป็นไปได้อย่างสะดวกสบายขึ้น   ในวงการสังคมโหราศาสตร์ในยุคที่ท่านมีชีวิตอยู่นั้น ท่านเป็นที่กว้างขวางยอมรับในความรู้ความสามารถ จนได้รับเกียรติเป็นกรรมการวิชาการสมาคมโหรแห่งประเทศไทยในพระบรมราชินูปถัมภ์

         ท่านอาจารย์มีโรคประจำตัว คือ โรคหัวใจ คือเส้นเลือดไปหล่อเลี้ยงหัวใจถูกตะกอนเลือดอุดตัน ถึงกับต้องทำบายพาสเส้นเลือดหัวใจ ก่อนหน้าที่จะเสียชีวิตได้ไม่นานนัก 
ท่านอาจารย์เป็น  โรคเกี่ยวกับเส้นโลหิตไปเลี้ยงหัวใจไม่ปรกติหรือตีบตัน  ทำให้เลือดที่ไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจตัน กล้ามเนื้อหัวใจเลยเสียหาย  ถึงกับต้องทำบายพาสเส้นเลือดหัวใจ ก่อนหน้าที่จะเสียชีวิตได้ไม่นานนัก ส่งผลให้หัวใจวาย   สูตร  อาทิตย์+ฮาเดส-อังคาร = โรคเกี่ยวกับโลหิต  เพราะ  ในดวงนี้ จุดนี้อยู่ที่ 00 มิถ 59 ทำมุมทับกับ มฤตยู 00 มิถ 34 สนิทองศา และ ทำมุม 45 องศา กับ แอตเมตอส 15 เมษ 55 แปลได้ว่า  โรคโลหิตทีอุดตัน ( แอตเมตอส ) อย่างฉับพลัน ( มฤตยู)   และที่แรงเพราะเข้า อังคาร/ฮาเดส ที่ 1 มีน 22 ด้วย เข้าวงจรพอได้อ่ะคับ และมิหนำซ้ำ ถ้ามาเข้ารูป อาทิตย์/ฮาเดส//อังคาร ซึ่งอยู่ที่ 17 กภ 11 จะเข้าทำมุม 135 กับ เนปจูน ( อ่อนแอล้มเหลว ) ที่1  ตล 39 และฉากกับ จุดชะตากรรมรังแก = แอตเมตอส/วัลคานุส ที่ 17 พภ 19 มาร่วมสนับสนุน

 

ตอนสมัยที่ท่านอาจารย์มานิตย์ ยังอยู่นั้น ทั้งโปรแกรมด้านโหราศาสตร์และคอมพิวเตอร์ ยังไม่ได้วิวัฒนาการอย่างก้าวกระโดดก้าวหน้ากันอย่างในสมัยนี้ จำได้ว่าตอนนั้นกว่าโหรจะคำนวณหาค่าปัจจัยต่างๆ ก็ยุ่งยากลำบากมาก   มาสมัยนี้โหรสามารถหาได้อย่างสะดวกรวดเร็ว และวิจิตรพิศดารกว่าแต่ก่อนมากมายนัก ใน เรื่องจุดบ่งชี้การมรณกรรม นั้น ดวงท่านอาจารย์มานิตย์ น่านำมาศึกษาเป็นดวงครูอย่างยิ่ง เหตุเพราะดูง่ายไม่ซับซ้อนและสามารถเรียงลำดับได้ง่าย ซึ่งผมจะอธิบายเรียงลำดับขั้นตอนพอเป็นตัวอย่าง สำหรับผู้ที่สนใจจะนำหลักการไปใช้เป็นเทคนิคหาเวลามรณกรรม หรือเคราะห์หนัก ซึ่งที่เรียกกันในหมู่โหร ว่า เทคนิคการหาเวลาตาย ซึ่งเป็นหนึ่งในหลายๆเทคนิคหลักที่สำคัญในวิชาโหราศาสตร์สากลยูเรเนียน   ซึ่งในเรื่องนี้ มีลำดับการตรวจหาจากช่วงเวลากว้างไปหาแคบ ดังมีรายละเอียดดังนี้
 1.การพิจารณา ดวง Lunar Phase ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญมากอย่างหนึ่งในวิชาโหราศาสตร์สากล เพราะเป็นตัวบ่งบอกว่า ณ อายุช่วงนี้ อยู่ใน ช่วงจันทร์รอบไหน ถือเป็นกระบวนการ Progress ของจันทร์กำเนิดจรอีกรูปแบบหนึ่ง คำนวณออกมาได้ว่า   ตอนวันที่ท่านอาจารย์เสียชีวิต คือวันที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2542 นั้น นับดูจะตกอยู่ในระหว่างช่วงจันทร์  Crescent ข้างขึ้น ตอนง่ามมุมอาทิตย์กับจันทร์กำเนิด 45 องศา ตรงกับ วันที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2540 เวลา 18.48 น. ซึ่งดวงจะคลุมเหตุการณ์ ไปจนถึง จันทร์ทำมุมฉากกับอาทิตย์ หรือรูปจันทร์ครึ่งซีก (First Quarter ) ซึ่งคำนวณได้ว่า ตรงกับวันที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2544 เวลา 00.53 น. ซึ่งมีภาพดวงดังต่อไปนี้
 ในดวงนี้นั้น จะเห็นว่า อาทิตย์ 17 เมษ 52 กุม แอตเมตอส  16 เมษ 36 เทพแห่งความตายสนิทองศา โดยมี ฮาเดส  21 เมษ 08 เรื่องร้าย ประชิดกระหน่ำโจมตีร่วมราศีเมษและร่วมเรือนชะตาคือ เรือนที่ 12 ซึ่งแปลว่า โรงพยาบาล และจันทร์ กุม ดาวมฤตยู ความฉับพลัน กะทันหัน และความเครียด อุบัติเหตุ สนิทองศา และมี เสาร์ บาปเคราะห์ เข้ากระทบร่วมราศีในระยะห่างจันทร์แค่ไม่กี่องศา   โดยที่มี พฤหัส ทำมุมฉาก ร้าย กับ อาทิตย์ ซึ่งภาพดวงแบบนี้มองอย่างไร ก็แปลไปในทางดีไม่ได้ บ่งบอกว่า ภายในช่วงเวลา 3 ปีเศษ ดังกล่าว เจ้าชะตาจะย่ำแย่ ตกอยู่ในอันตราย
ภาพใหญ่อีกอันหนึ่ง คือ ดวงนิวมูน ( Progess Lunar Phase ) ก็เป็นเรื่องสำคัญยิ่ง เพราะดวง Crescent นั้นย่อมขึ้นอยู่กับดวง เริ่มต้นของวงรอบอันได้แก่ ดวงนิวมูน นั่นเอง ซึ่งมีภาพดวงที่สลับซับซ้อน แต่จะยกให้เห็นแต่เฉพาะดาวที่ทำโครงสร้างสำคัญและแสดงผลออกมา ตามประเด็น ดังนี้

ภาพอมาวสี อาทิตย์กุมจันทร์นั้น วิ่งเข้าหา แอตเมตอส ห่างกันแค่ไม่เกิน 2 องศา  โดยมี พฤหัส ทำมุมร้าย 90 องศา และ มีมฤตยู ทำมุมแรง  45 องศา หรือครึ่งฉากมารองรับ เพียงแต่เสาร์ยังห่างอยู่ประมาณ 7 องศา ยังไม่ทำงานชัดเจน แต่ไปปลุกให้โครงสร้างร้ายอันได้แก่ มฤตยู และ แอตเมตอส ซึ่งกลไกเวลาเริ่มทำงานแล้วในวงรอบเวลานี้ โดยพฤหัสดาวโชค ก็ไม่สามารถมาแก้ไขได้ พอจันทร์ผ่านมาถึงจังหวะจันทร์ Creascent กระตุ้นอีกที ก็เลยลงตัวลุกลามกันไปใหญ่โต

2. พิจารณาจังหวะฟ้าในดวงอาทิตย์ยกเข้าราศีมกร หรือปีใหม่ทางโหราศาสตร์ ของปี 1999 ซึ่งตรงกับ วันที่ 22 ธันวาคม พ.ศ.2541 เพื่อดูว่า ในรอบปี 2542 นั้น จะมีเหตุการณ์ใดเกิดขึ้นกับเจ้าชะตา ดังรูป

 จะเห็นได้ว่า อาทิตย์ปีใหม่นี้  เป็นมรณะ 150 องศา กับ มฤตยูกำเนิด  สนิทองศา  โดยมีอังคารจรอยู่ในเรือนมรณะ ทำมุมฉากร้าย กับอังคารกำเนิด  อีกทั้ง ในพื้นดวงกำเนิดนั้น  ราหูเล็งอาทิตย์กำเนิดสนิองศา ปีนี้ราหูจรมาทับราหูกำเนิดปลุกสัญญาณอันตรายให้เกิดขึ้น เพราะไปบล๊อคอาทิตย์กำเนิดให้เสียหาย โดยศุภเคราะห์อันได้แก่ดาวพฤหัสจรนั้น ไม่สามารถแก้ไขดีขึ้นได้เพราะ ไปทำมุมร้าย 135 กับพลูโตกำเนิด  เรียกว่า ดวงปี 1999 นี้ไม่ให้คุณเอาซะเลย

3. พิจารณาจากดวงทินวรรษ

ในดวงทินวรรษ รอบอาทิตย์จรทับอาทิตย์กำเนิดสนิทองศาลิบดานั้น  ตรงกับวันที่ 12 กุมภาพันธ์  1998 เวลา 15.36 น. กทม  ก็ให้ผลบ่งชี้ไปทำนองเดียวกันว่า  ปีนี้เคราะห์ร้าย ดังภาพ

  ในดวง Solar Return ในปีที่ท่านอาจารย์เสียชีวิต  1999  นั้น  ดูเฉยๆจากดวงโซล่าร์นี้  ไม่น่ามีอะไรน่ากลัว  แต่ก่อนหน้านั้นท่านอาจารย์เข้าโรงพยาบาล  ในปี 1998 นี่สิ  เหตุมันมาก่อนซะแล้ว  เรื่องของท่านอาจารย์เสียชีวิตนี้ จึงเป็นดวงครูในเรื่อง  วิชาภาพดวง Dynamic หรือที่เรียกว่า ภาพเคลื่อนไหว คือดูเหตุไปหาผลในเรื่องใหญ่ๆเป็นองค์ประกอบภาพรวม  หรือดูแบบหนังทั้งเรื่องไม่ใช่ตัดตอนดูจากรูปภาพทีละใบแล้วให้เดาเรื่องเอาเอง   หลักการนี้เป็น รูปแบบสำคัญที่สำนักท่านปรมาจารย์จรัญ  พิกุล ใช้ในการดูดวงชะตา 

 ในดวงโซล่าร์รีเทิร์นปี 1998 เป็นปีที่ร้ายที่สุด  เหตุเพราะ เสาร์บาปเคราะห์ลอยกลางฟ้า ทำมุมฉากถึง วัลคานุสที่กุมลัคนาอยู่  เรียกว่า ซวยรุนแรง จันทร์เจ้าเรือนลัคน์ โดนราหูกุม  อาทิตย์โซล่าร์ไปอยู่ในเรือนมรณะ รวมทั้งพฤหัสศุภเคราะห์ตัวช่วย ก็มาออร่วมอยู่ในภพมรณะกะเค้าด้วย   ดาวที่เกี่ยวกับการผ่าตัด การรักษา ในโหราศาสตร์สากล ตัวสำคัญซึ่งไม่ค่อยจะมีใครทราบความหมายนี้กัน ก็คือ พุธ นั่นเอง (โดยปรกติพุธ หมายถึงยา สัญญลักษณ์ ของร้านขายยา คือ งูพันคบเพลิง และ Mercury ก็แปลว่า ปรอท ก็ถือเป็นคุณสมบัติทางยา ก็มาเป็นมรณะจ๋า 150 องศา กับลัคนา  อาทิตย์หัวใจก็มาทำมุม 22.30 องศาแรงๆกับเนปจูนบาปเคราะห์ ทำให้ อ่อนแอ  เรียกว่าเหตุมันมีให้เปราะมาตั้งแต่ในดวงโซล่าร์ ปี 1998อย่างเพียบพร้อม  ส่งผลให้ ท่านอาจารย์มานิตย์ เดี้ยงต้องเข้าผ่าตัดบายพาสเส้นเลือดหัวใจ  ในเดือนพฤษภาคม 1998 ต้องหามเข็นเข้าไอซียูเชียว  

  

ในดวงโซล่าร์รีเทิร์น ปี 1998 นั้น  เห็นแค่พลูโตเป็นอริ 150 องศา กับเมอริเดียน อีกทั้งเห็นว่าอังคารนี้ เป็นทำมุมแรงกับศุกร์ที่เป็นเจ้าเรือนลัคนาดูไม่น่าร้ายแรงอะไร  ที่ไหนได้  ถ้าเอามาเทียบกับดวงกำเนิดแบบ  จะเห็นได้ว่า...

 ดาวร้ายห้าตัวในดวงกำเนิด  อันได้แก่  จันทร์ที่กุมเสาร์ ที่ดึงแอตเมตอสมาด้วย และมฤตยู ที่ดึงเอาฮาเดสมาด้วย  5 ตัวรวด ซึ่งมีแต่เดิมอยู่แล้ว  ตามรูป คห.5  มาสปาร์คทำงานเอาในปีนี้ เพราะ วงจรอังคาร ทั้งอังคารโซล่าร์ และอังคารกำเนิดทำงาน  โดย อังคารกำเนิดทำมุมร้ายกับอาทิตย์โซลาร์ และอังคารโซล่าร์เป็นอริกับจันทร์ที่กุมเสาร์ ทำให้ไปปลุกกลุ่มดาวร้ายในพื้นดวงให้ทำงาน  พลูโตเป็นอริกับเมอริเดียนแปลได้ว่า พัฒนาต่อไปไม่ได้  ศุภเคราะห์อันได้แก่ พฤหัสมาอยู่ในเรือนเสีย คือ อริ ทำให้ช่วยไม่ไหว  รอดมาจากปี 1998  พอข้ามมา ปี 1999  โดนมะรุมมะตุ้มแบบนี้ ท่านอาจารย์เลยข้าม Y2K ปี 2000 ไปไม่ไหว      



 

 และ

 

สรุปว่า เหตุการณ์นี้จะต้องเกิดในช่วงระหว่างวันที่ 13 – 16 ตุลาคม พ.ศ. 2542 บีบมาได้ แค่ 4 วันนี้เท่านั้น วันที่ 14 ตุลาคมนั้น เป็นวันสำคัญเข้าสูตรของดวงชะตาในช่วงวัยนี้ คือ อาทิตย์จรสุริยยาตร์ โค้ง อายุ 56.30 วี 1 ซึ่งจรอยู่ที่ 19 เมษ 56 โดนอาทิตย์จรท้องฟ้าทำมุม 180 เล็งใส่ ณ เวลา 00.14 น. ตรงนี้ที่เป็นวันสำคัญเข้าสูตรที่แรงเพราะ ลำพังตัวอาทิตย์ วี 1 เองนั้น  เข้าจันทร์ เข้าเสาร์ และฮาเดสกำเนิด ในดวงกำเนิด ซึ่งจุดนี้ก็ร้ายอยู่แล้วด้วย  ซึ่งอาทิตย์นั้นพออยู่ที่ 19 ตล 56 ตำแหน่งเล็งกลุ่มดาวพวกนี้เลยแรงเต็มๆ

 เรียกว่า พอย่างเข้า วันที่ 14 ตุลาคม 2542 นี้ ท่านอาจารย์เราก็โดนเข้าแล้ว  

ถ้ามาพิจารณาจากโค้งสุริยยาตร์ ( Solar Arc ) จะเห็นว่า  อาทิตย์ วี1 19 เมษ 59  นั้น ทำมุม 45 องศา กับ จันทร์และเสาร์บาปเคราะห์ที่  4 มิถุน  ที่กุมกันในดวงกำเนิด และทับ ฮาเดสดาวร้าย  กำเนิด 20 เมษ 08 สนิทองศา  อังคารตัวชนวน วี 1 ก็ทำมุมฉากกับเมอริเดียนกำเนิด

ภาพดวงเช่นนี้โดยองค์รวมแล้วให้ผลร้ายต่อเจ้าชะตามากกว่าดี

ท่านอาจารย์มานิตย์  ถึงแก่กรรมในวัย  56 เศษ  ค่าโค้งอยู่ที่  56.30 องศา

ซึ่งในวัยนี้  ตามหลักการใน คัมภีร์สูตรพระเคราะห์สนธิ  ของท่านปรมาจารย์พลตรีประยูร  พลอารีย์  หน้า 135 เกี่ยวกับศูนย์รังสีประจำวัยอายุ  อายุ 56 นั้นอยู่ในข่าย ศูนย์รังสี  อาทิตย์/พฤหัส

ซึ่งในดวงกำเนิดนี้อยู่ที่  4 พภ 54 ซึ่ง เข้า เมอริเดียนจร วี1  5 กภ 23 ในมุม 90
เมื่อเข้าเมอริเดียนจร หมายถึงเข้าจุดเจ้าชะตาที่แรงมาก จึงสำคัญ

ในทางกลับกัน   อาทิตย์/พฤหัส  วัยจร วี1  เข้า เนปจูน กำเนิด อ่อนแอ และ จุดชะตากรรมรังแก แอตเมตอส/วัลคานุส กำเนิด ในมุมฉากทั้งคู่

เมษ/อาทิตย์  วี 1 ร่างกาย ( 8 พภ 13 ) = อังคาร/เสาร์ กำเนิด จุดเผาศพ 24 มน 05 ในมุม 45 องศา

=มฤตยู/แอตเมตอส กำเนิด 8 พภ 14 สนิทองศา แตกทำลายอย่างฉับพลัน

เรียกว่า  เคราะห์อะไรต่อมิอะไรก็เข้ามารุมให้ยากที่จะหลีกเลี่ยงได้

ศูนย์รังสีสำคัญที่เกี่ยวกับ ห้วใจวาย อีกอันหนึ่ง ได้แก่ อาทิตย์/มฤตยู กำเนิด 12 เมษ 00 ซึ่งพอบวกค่าโค้งสุริยยาตร์ 56.30 องศา จะได้ผลลัพธ์ เป็น อาทิตย์/มฤตยู จร วี1 อยู่ที่ 8 มิถุน 30 ซึ่งทำมุมเล็ง 180 องศาพอดี  กับ เมอริเดียน กำเนิด ซึ่งอยู่ที่ 8 ธนู 53 และมุมแรง 135 กับ เสาร์สะท้อน 24 มก 25 การพลัดพราก จากไป การถึงแก่กรรม    ซึ่งเป็นบาปเคราะห์ตัวสำคัญ ทำให้วัยนี้เรื่องนี้แสดงผลออกมา

ในพื้นดวงกำเนิดนั้น จุดหัวใจวาย นี้ ทำมุมฉาก แรง 90 องศา กับ อังคาร แรงกระตุ้น ที่ 12 มก 35 และ ฉากกับ วัลคานุส สะท้อน ความรุนแรง อันเนื่องมากจากทำมุมฉากกับ เสาร์/ซีอุส 12 กฎ 08 ที่แปลว่า กรรมพันธุ์ 
โดยมีเงื่อนไขในชะตากรรมว่า   เรื่องนี้จะเกิดขึ้นได้ ถ้าเจ้าชะตา เป็นนักประดิษฐ์ ซึ่งได้แก่ จันทร์/ซีอุส 11 กฎ 37 ซึ่งทำมุมฉาก 90 องศากับจุดหัวใจวายนี้ และ เจ้าสิ่งประดิษฐ์ที่ว่านี้ ต้องเป็นไปในลักษณะ แอตเมตอส / โปไซดอน  ซึ่งลึกซึ้งทางปัญญา11 กฎ 25  เท่านั้น 

จะสังเกตว่า ดวงนี้ ทั้งจันทร์/ซีอุส และ แอตเมตอส /โปไซดอน  ทับกันสนิทองศาซะด้วย
พอแกะดวงท่านอาจารย์มาถึงตรงนี้ เห็นภาพเลยว่า เงื่อนไขการเสียชีวิตของท่านอาจารย์มานิตย์ มาจาก โรคหัวใจวายอันเป็นโรคทางพันธุ์กรรม ซึ่งโรคนี้ จะเกิดขึ้นได้อย่างรุนแรง ต้องเนื่องมาจากเจ้าชะตาเป็นนักประดิษฐ์ ซึ่งสิ่งประดิษฐ์ที่ว่านั้น เกิดขึ้นจากการลึกซึ้งทางปัญญาและใช้ในกิจกรรมที่ลึกซึ้งทางปัญญา ซึ่งเจ้าปูมปฎิทินโหรทุกระบบที่สามารถบรรจุในเครื่องคำนวณแบบพกพา นี่แหล่ะ ใช่เลย
เป็นไปได้หรือไม่ว่า ถ้าท่านอาจารย์มานิตย์ ไม่ได้คิดค้นเจ้าตัวที่ว่านี้ ท่านอาจารย์อาจจะ ยังไม่เสียชีวิตเพราะโรคหัวใจวาย ก็เป็นได้  
เรื่องพวกนี้พอแกะจากดวงแล้ว จะสอนให้เราเห็นเรื่อง เงื่อนไขชะตากรรมในดวงกำเนิด อันเป็นเหตุให้เกิดเงื่อนไขสืบเนื่อง แนวพระพุทธศาสนา เรื่อง อิทัปปัจจยตา อันได้แก่หลักธรรมที่ว่า เพราะสิ่งนี้มี สิ่งนี้จึงมี และ ในทางกลับกัน ถ้าสิ่งนี้ไม่มี สิ่งนี้ก็จะไม่มีเช่นกัน 
นอกจากนี้ เรื่องนี้ ยังสอนให้เรา ในเรื่องการแก้เคราะห์ร้าย ในดวงชะตา ว่าจะต้องหลีกเลี่ยงเงื่อนไขใดบ้าง ซึ่งตามหลักการทางโหราศาสตร์สากลยูเรเนียนนั้น ท่านปรมาจารย์โหรทั้งหลาย ท่านสั่งสอนแนะนำให้ใช้วิธีนี้แก้กรรมเท่านั้น ซึ่งไม่ได้ใช้พิธีกรรมทางความเชื่อหรือทางศาสนาแนวต่างๆแต่อย่างใดเลย และเป็นเรื่องเฉพาะตัวบุคคลอันเป็นเจ้าชะตาเฉพาะคนนั้น    นอกจากนี้เรื่องนี้ก็มีวิธีแสดงให้เห็นได้เฉพาะแต่ในเทคนิคของวิชาโหราศาสตร์สากลยูเรเนียนนี้เท่านั้น โหราศาสตร์แนวทางอื่น และวิชาพยากรณ์ศาสตร์อื่นๆนั้น บอกให้ไม่ได้เลย   
และในทางกลับกัน   นอกจากเคราะห์ร้ายแล้ว เงื่อนไขในการสร้างปัจจัยที่ดีมีประโยชน์ต่อเจ้าชะตา ก็มีทางเป็นไปได้เช่นกัน   ในวิชาโหราศาสตร์สากลยูเรเนียน

ถ้ามาพิจารณา ดวงอมาวสีก่อนหน้าวันถึงแก่กรรม ซึ่งตรงกับวันที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2542 เวลา 18.36 น. กรุงเทพนั้น ในภาพดวงสากลแบบพลาสิดุส จะเห็นได้ว่า เฉพาะตัวของดวงนี้เอง ก็แรงมากเพราะ ความแรง วัลคานุส 20 กฏ 01 นั้นไปเล็งสนิทองศากับเมอริเดียน 20 มก 01 ของดวงนี้ 

 ส่วนอาทิตย์กับจันทร์ที่ทับกันสนิทองศา ที่ 15 ตล 45 นั้น มีเสาร์บาปเคราะห์ อยู่ที่ 15 พภ 48 ในมุม มรณะ 150 องศาสนิท หรือเรียกกันในภาษาโหราว่า อมาวสีลากเอาเสาร์มรณะมาด้วย 

    นอกจากนี้ ในเทคนิคหลักวิชาจันทรยาตร์ จันทรคติ หรือ Lunar Arc

ในตำราโหราศาสตร์ยูเรเนียนหลักสูตรการศึกษาถิ่นไกล ของโรงเรียนโหราศาสตร์กรุงเทพ ซึ่งจัดทำขึ้นโดยท่านปรมาจารย์โหรพลตรีประยูร พลอารีย์ ได้เขียนในบทเรียนเรื่อง การพยากรณ์จรตามอายุขัย ตอน โค้งจันทร์ยาตร์  ว่า
".. โค้งจันทรยาตร์ คือระยะเชิงมุมระหว่าง จันทร์จรสุริยคติ  กับ จันทร์กำเนิด ซึ่งอาจคำนวณได้จาก สูตร
     โค้งจันทรยาตร์= จันทร์ (จค) - จันทร์ (กน)
          เนื่องจาก จันทร์ เป็นปัจจัยทางโหราศาสตร์ที่ โคจรเร็วมาก เพราะฉะนั้น โค้งจันทรยาตร์าจมีค่าถึง 360 องศา หรือกว่านั้น (คือทบไปอีก 1 รอบจักรราศี) ก็ได้ โดยเฉลี่ยแล้ว โค้งจันทรยาตร์ จะมีค่า เท่ากับ 360 องศา เมื่อเจ้าชะตาอายุ 28 ปี กล่าวคือ จันทร์ (จค) โคจรมา ทับ จันทร์กำเนิดในดวงชะตา.."
"..โค้งสุริยาตร์ก็ดี โค้งจันทรยาตร์ ก็ดี ความจริงก็คือ กุญแจการพยากรณ์จรตามอายุขัย ชนิดหนึ่งนั่นเอง ซึ่งเมื่อนำเอาไปบวกเข้ากับ สมผุส ของดาวพระเคราะห์หรือปัจจัยต่างๆในดวงชะตา เราก็จะได้ดาวพระเคราะห์หรือปัจจัยต่างๆ ในตำแหน่งใหม่ หรือพูดตามเทคนิคของวิชาโหราศาสตร์ ก็คือ ทำให้เกิด ดาวพระเคราะห์จร หรือ ปัจจัยจร ขึ้นอีกชนิดหนึ่ง.."
"..ดาวพระเคราะห์หรือปัจจัยจรสุริยยาตร์จะเป็นผู้กำหนด "ปี" ที่จะเกิดเหตุการณ์ ส่วนดาวพระเคราะห์หรือปัจจัยจร จันทรยาตร์จะเป็นผู้กำหนด เดือน ที่เกิดเหตุการณ์ต่างๆ ตามที่ปรากฏในดวงชะตากำเนิด และจะต้องเป็นที่เข้าใจกัน ว่า การพยากรณ์โดยอาศัย "โค้งจันทรยาตร์" จะต้องอยู่ในกรอบหรือขอบเขตของการพยากรณ์โดย "โค้งสุริยยาตร์" เสมอไป เพราะโค้งสุริยยาตร์ เป็นผู้บอก "ปี" ตามปรัชญาการพยากรณ์จร ดังได้กล่าวมาแล้ว.."
 
ถึงวันอมาวสี เดือนตุลาคม วันที่ 9 นั้น คำนวณค่าจันทรยาตร์ Lunar Arc จันทร์วี6 ใช้โปรแกรมยูเรนัส คำนวณ ออกมาจะมีค่าเท่ากับ 286.56 ซึ่งทำมุมกับ แอตเมตอส กำเนิด และ มฤตยู กำเนิด ตามรูปและ ถึงวันมรณะ ค่าจันทรยาตร์ Lunar Arc มีค่า เท่ากับ 290.10 ซึ่งทำมุมกับ จันทร์กำเนิด เสาร์กำเนิด และฮาเดส กำเนิด   เรียกว่า จับตรงไหนเป็นโดนทั้งสิ้น โดยเรียงตามลำดับขั้นช่วงเวลากันมาเลย


ซึ่งถ้ามาเปรียบเทียบกันระหว่างดวงอมาวสีกับดวงกำเนิด ดังภาพคห.55 ข้างบนด้วยแล้ว จะเห็นว่า เสาร์กำเนิดของท่านอาจารย์มานิตย์ซึ่งอยู่ที่ 5 มิถุน 38 ทำมุมแรง 135 กัน ทำให้เสาร์กำเนิดที่กุมจันทร์กำเนิด 4 มิถุน 31 อันเป็นจุดเจ้าชะตา ถูกปลุกให้ตื่นทำงานขึ้นมา !! เรียกว่า เสาร์มรณะฟ้าจรมาถึงเสาร์กำเนิดแล้ว และเสาร์กำเนิดนี้ ก้ทำมุมกับ แอตเมตอส จุดแห่งความตาย ที่ 15 เมษ 53 ห่างกันในมุมแรง 45 องศา และจุดอมาวสี เล็งสนิท 180 องศากับ  แอคเมตอสกำเนิด ด้วย โดยมีมฤตยู ความฉับพลัน ซึ่งอยู่ที่ 00 มิถุน 34 ทำมุมแรง 135 องศา มาซ้ำเติมให้รุนแรงแบบปุบปับฉับพลันยิ่งขึ้น ซึ่งไม่ว่าจะดูพิเคราะห์อย่างไร ก็เห็นได้แต่ให้ผลลัพธ์ไปในทางร้ายแก่ดวงเจ้าชะตาทั้งสิ้น 

นับจากวันอมาวสี 9 ตุลาคม พ.ศ.2542 เวลา 18.36 น. ที่ว่าเป็นแม่แบบแนวรุนแรงแล้ว พอมาดู ฟ้าในวันที่จันทร์ทำมุมสนิท 45 องศากับอาทิตย์ ในวันที่ 13 ตุลาคม พ.ศ.2542 เวลา 18.45 น. หรือที่เรียกว่า ดวงประจำสัปดาห์ ภาพท้องฟ้าจะเห็นได้ชัดขึ้นขึ้นมาอีก ตามรูป



และรูป


จะเห็นว่า อาทิตย์จรมาในเรือนมรณะ 19 ตล เล็ง 180 องศา ฮาเดส บาปเคราะห์ ซึ่งอยู่ที่ 20 เมษ แทบจะสนิทองศา แถมยังจันทร์จร 04 ธน ยังไปปลุกกระแสจันทร์กำเนิดและเสาร์กำเนิดให้แรงขึ้นโดยไปทำมุม 180 องศา เล็งจันทร์กำเนิด 04 มิถุน   และเสาร์กำเนิด 05 มิถุน ที่กุมกันอยู่แล้วในดวงกำเนิด เรียกว่า จากอมาวสี เดือน วันที่ 9 ตุลาคม แปลว่ามีมาในรอบเดือนนี้ แน่แล้ว เราล๊อกช่วงเวลาได้มาตามลำดับมาจากโดยเริ่มจากมี เงื่อนไขในดวงกำเนิด โรคภัย และชะตากรรม จากนั้นมาสู่ ช่วงวัยอายุ 56 ปีเศษ มีมาในปี ทั้ง ดวงทินวรรษ ดวงโค้งสุริยยาตร์   มีมาในดวงเดือน มีมาในสัปดาห์ เรียกว่านับจากวันที่ 13 ตุลาคม 2542 ไปไม่เกิน 7 วัน เป็นโดนแน่ เพราะเลยไปถึง วันที่อาทิตย์จันทร์จรท้องฟ้า ทำมุมฉาก 90 องศากันนั้น ซึ่งตรงกับวันที่ 17 ตุลาคม 2542 เวลา 22.00 น.แล้วปรากฏว่า ภาพไม่แรงแล้วต่อเจ้าชะตาดวงนี้ ดังรูป...

 

  สรุปว่า เหตุการณ์นี้จะต้องเกิดในช่วงระหว่างวันที่ 13 – 16 ตุลาคม พ.ศ. 2542 บีบมาได้ แค่ 4 วันนี้เท่านั้น วันที่ 14 ตุลาคมนั้น เป็นวันสำคัญเข้าสูตรของดวงชะตาในช่วงวัยนี้ คือ อาทิตย์จรสุริยยาตร์ โค้ง อายุ 56.30 วี 1 ซึ่งจรอยู่ที่ 19 เมษ 56 โดนอาทิตย์จรท้องฟ้าทำมุม 180 เล็งใส่ ณ เวลา 00.14 น. ตรงนี้ที่เป็นวันสำคัญเข้าสูตรที่แรงเพราะ ลำพังตัวอาทิตย์ วี 1 เองนั้น  เข้าจันทร์ เข้าเสาร์ และฮาเดสกำเนิด ในดวงกำเนิด ซึ่งจุดนี้ก็ร้ายอยู่แล้วด้วย  ซึ่งอาทิตย์นั้นพออยู่ที่ 19 ตล 56 ตำแหน่งเล็งกลุ่มดาวพวกนี้เลยแรงเต็มๆ

 เรียกว่า พอย่างเข้า วันที่ 14 ตุลาคม 2542 นี้ ท่านอาจารย์เราก็โดนเข้าแล้ว  


เมษ/อาทิตย์ จร เรื่องราววันนี้ 11 มก 17 = วัลคานุส สะท้อน กำเนิด 11 มก 18 ทับสนิท = จุดหัวใจวาย  12 เมษ 00 ในมุมฉากแรง เรียกว่าปลุกให้ จุดหัวใจวายในดวงกำเนิดให้ ลุกขึ้นมาทำงานอย่างรุนแรง ซะงั้น   อาทิตย์สะท้อนในดวงกำเนิด 6 พภ 34 โดนเสาร์/มฤตยู จรท้องฟ้าวันนั้น จุดถึงแก่กรรมอย่างฉับพลัน เข้าทำมุมแรง 45 องศา ล๊อคไว้อีก   เวลานั้น 16.00 น. พุธท้องฟ้า 15 พิจิก 21 กับเสาร์ 15 พภ 21 ทำมุมเล็ง 180 กัน สนิทยันองศาลิปดา ทำมุมแรง 22.30 องศา กับอาทิตย์ท้องฟ้าวันนี้ ที่ 22 ตล 33 และอาทิตย์จรนี้ อยู่ในภพที่ 8 มรณะกับดวงกำเนิด แปลได้ว่า ยาที่ใช้รักษา ( พุธ ) น่ะช่วยไม่ได้แล้ว หรือ ท่านอาจารย์มานิตย์ที่ประกอบอาชีพขายยา ซึ่งภาษาจีนแต้จิ๋ว เรียกว่า  ท่านเอี๊ยะซือ  ของเราเลยแย่ 

ยิ่งจันทร์จรท้องฟ้าซึ่งหมายถึง ชั่วโมง มาอยู่ที่ 8 มก 52 ทำมุมแรง 45 กับอาทิตย์กำเนิด 23 กภ 45 แล้ว แลจันทร์นี้น่ะโคจรถึง เมอริเดียนกำเนิด ที่ 8 ธน 53 ในมุม 30 องศาอย่างผิวแผ่ว

วันมรณะก็มาแล้ว  ชั่วโมงก็มาแล้ว  ขาดแต่ นาทีเท่านั้น...

 นาทีเกิดเหตุนั้น ต้องขึ้นอยู่กับพื้นที่ด้วย มิติของเมอริเดียน เวลา และลัคนา สถานที่ กรุงเทพ จะต้องนำมาเกี่ยวข้องเสมอ ซึ่ง เมอริเดียน/ลัคนา ท้องฟ้า เวลานั้นและสถานที่นั้น   ณ เวลามรณกรรม 16.00 น. อยู่ที่ 4 กภ 26 ทำมุมแรง 45 องศา กับ จุดวันตาย อันได้แก่ อาทิตย์/อาทิตย์//แอตเมตอส 19 มน 40 

         จุดมรณกรรม แอตเมตอส+แอตเมตอส-อาทิตย์ ที่ 8 มิถุน 24 ทำมุมแรง 135 องศา กับอาทิตย์ จรท้องฟ้า 22 ตล 34 ครบวงจร  และเท่ากับ อังคาร/เสาร์ จร ท้องฟ้า จุดมรณะ พลัดพราก ซึ่งอยู่ที่ 7 มน 26 ในมุม 90 องศา จึงทำให้วันนี้จึงแรงในด้านวันตาย

         จุดอิทธิพล สำคัญอีกจุดหนึ่งทางยูเรเนียน ซึ่งถือว่า เป็นตัวแทน เจ้าชะตาที่สำคัญ ได้แก่ Personalilty Point = เมอริเดียน+อาทิตย์ +โปไซดอน = 9 พภ 14 ทำมุมฉาก 90 องศากับ ราหู 9 สห 47 จุดเจ้าชะตา และ แอตเมตอส สะท้อน จุดความตาย 10 กภ 07

          จุดอิทธิพลสำคัญที่ท่านปรมาจารย์จรัญ  พิกุล  ค้นพบและนำมาใช้เกี่ยวกับบุคคลแทนตัวเจ้าชะตาได้แก่  จุด เมษ+อาทิตย์ - ( เมอริเดียน/ลัคนา ) = จุดสภาพบุคคล ดวงนี้อยู่ที่ 2 พภ 42 ซึ่ง ณ เวลาเสียชีวิตนั้น  ไปลงตัวทำมุมกับ  ลัคนา เวลานั้น ของท้องฟ้า 18 มีน 04 ในมุมแรง 45 องศา และจุดหัวใจวาย อาทิตย์/มฤตยู ( 17 ธน 43 ) ในมุมแรง 135 แล้วทับสนิทแนบแน่นกับ มฤตยู/วัลคานุส ( กระตุกรุนแรง ) ที่ 01 พภ 45

แล้วทำไมเชื่อว่าเวลานี้ท่านอาจารย์เสียชีวิต  วิญญาณออกจากร่าง  อันนี้พิจารณาจาก  ค่าโค้งเมอริเดียน หรือ วี8 นั่นเอง เพราะ ณ วันที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2542 นั้น เวลา 16.00 น. คำนวณค่าโค้งเมอริเดียน จากโปรแกรมยูเรนัส ได้ 295.38.03 พอมาหาค่า เมอริเดียน วี 8 ได้ 184.31 หรือ 4 ตล 31 ทับสนิทกับ เนปจูน/โปไซดอน 4 ตล 17 ที่แปลว่า  มองเห็นตนเอง  !!! 

 

พิจารณาดวงกาลชะตาในเวลาเสียชีวิต  เห็นโครโนสอยู่ภพ 4 ตามตำราเขาว่า  ที่สุดแล้วท่านอาจารย์คงไปอยู่ในที่สุคติสูงส่ง  อีกทั้งในดวงนี้ เมอริเดียน โดนโครงสร้างดัชนีพระเจ้า ( Yod ) กับ แอตเมตอส 19 พภ 57  และวัลคานุส 20 กฏ 56 จิ้มเอา  ซึ่งแปลว่า  หัวดื้อไม่ยอมก้มหัวให้ใครด้วยแล้ว  แสดงว่า ท่านอาจารย์มานิตย์ในปรภพ  คงจะเฮี๊ยนน่าดู !!

พรุ่งนี้เป็นวันครบรอบวันเกิดของท่านอาจารย์มานิตย์  ธีรเวชชโรกุล เพราะท่านเกิดเมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์  2486 เพราะวันนี้เป็นวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2553 ก่อนหน้านี้ผมฝันเห็นท่านอาจารย์ถือว่าเป็นการดลอกดลใจให้ระลึกถึงทั้งที่ท่านอาจารย์ได้เสียไปร่วม 10 ปีแล้ว

ผมเลยถือโอกาสนี้ ร่วมรำลึกถึงท่านอาจารย์  ด้วยการเผยแพร่หลักวิชาโหราศาสตร์สากลยูเรเนียน ในเรื่องกระบวนการหาวันตาย ซึ่งเป็นเพียงหนึ่งในกระบวนหัวข้อหลักวิชาสำคัญของโหราศาสตร์สากลยูเรเนียน เผื่อว่าจะมีผู้สนใจในหลักวิชาโหราศาสตร์สากลยูเรเนียนมาอ่านเข้า  แล้วนำหลักการไปศึกษาต่อยอ  เพราะเชื่อได้ว่าคงจะเป็นประโยชน์ในวันข้างหน้า   อีกทั้งเป็นอุทาหรณ์ว่า งานพยากรณ์ในโหราศาสตร์สากลยูเรเนียนนั้น กว่าชิ้นงานจะออกมาได้แต่ละข้อนั้นต้องคิดแล้วคิดอีกและยังต้องผ่านกระบวนการที่มีความสลับซับซ้อน มีการอ้างอิงคำแปลที่มาที่ไปเป็นมาตรฐานสากลที่เขาใช้เหมือนกันทั่วโลก  ทั้งอ้างอิงทั้งตำแหน่งดาราศาสตร์ที่เป็นตัวเลขพิกัดทางคำนวณที่เฉพาะทางเป็นมาตรฐานที่วัดได้  และมีกลวิธีการที่หลากหลายแต่เป็นลำดับขั้นตอนกว่าเยอะ  ไม่ใช่งานแบบสุกเอาเผากิน ทายส่งๆไปเผื่อฟลุ้คถูกหรือตีความเอาเองตามความเชื่อของตน  ให้ชาวบ้านเขาหัวเราะเยาะ พลอยตีขลุมว่าเป็นพวกเดียวกันไปหมด อย่างเช่นในปัจจุบัน ถึงขนาดเอามาเล่นเกมออกรายการโทรทัศน์  และเป็นการสืบต่อวิทยาการแนวนี้ไม่ให้วิชาสูญหายไปกับตัว  แต่ถ้าจะมีผิดพลั้งพลาดคลาดเคลื่อนหายหกตกหล่นอย่างไรไปบ้าง ผมในฐานะผู้เขียนเรื่องนี้ก็ขอน้อมรับเอาไว้แต่เพียงผู้เดียว


 







Copyright © 2010 All Rights Reserved.