ลักษณะสะดือหญิงกับนิสัยใจคอ
โดย อ.ภารต ถิ่นคำ
มีอวัยวะหลายอย่างของสตรีที่ใช้เป็นที่ดึงดูดทางเพศได้ แต่ที่มักจะมองข้ามกันไปก็ได้แก่สะดือนี่แหล่ะ ทั้งๆที่ประจำอยู่บริเวณหน้าท้อง อีกทั้งตั้งอยู่กึ่งกลางระหว่างส่วนเพศทั้งบนและล่าง และก็มีรูปแบบเฉพาะตัวโดยเป็นลักษณะแต่ละคนที่ไม่เหมือนกันทั้งรูปลักษณ์และสัณฐาน โดยที่ไม่เกี่ยวกับสีผิวและเชื้อชาติ การเปิดหน้าท้องให้เห็นสะดือ ในแต่ละอารายธรรมและขนบธรรมเนียมก็แตกต่างกันไป บางท้องถิ่นการเห็นสะดือเป็นเรื่องหยาบคาย แต่บางท้องถิ่นเรื่องนี้กลับเป็นเรื่องที่ต้องเอามาอวดมาโชว์
ในเรื่องนรลักษณ์ศาสตร์ หรือวิชาที่ว่าด้วยลักษณะต่างๆของมนุษย์นั้น ในเรื่องที่เกี่ยวกับหมวดสตรีเพศ ท่านมีหลักจำแนกสตรีตามลักษณะอารมณ์จากสะดือ ไว้หลายอย่าง เท่าที่ผู้เขียนเคยถามท่านผู้รู้ในเรื่องนี้รุ่นเก่าๆท่านก็กรุณาบอกเอาไว้หลายอย่างและหลายกระแสแหล่งที่มา อีกทั้งตำราที่จริงจังขลังละเอียดในด้านนี้มีน้อยมาก มักจะเป็นการถ่ายทอดกันปากต่อปากหรือในห้องเรียนเท่านั้น กลัวว่าต่อไปจะหายสูญจึงขอนำมาประมวลในสิ่งที่ได้รับฟังมาแล้วเอามาวิเคราะห์ให้ลงตัวซึ่งก็มาจากหลายแหล่งความรู้ทั้งตำราและเกจิอาจารย์ จึงขอประมวลหลักการของเรื่องนี้เอาไว้ดังนี้
สะดือนั้นโดยหน้าที่คือใช้ในการถ่ายทอดอาหารและทางเชื่อมต่อระหว่างแม่กับลูกหรือทารกในครรภ์มารดาเท่านั้น เพราะเนื่องจากเป็นเรื่องของมารดาและเจ้าชะตา ดังนั้น แม่หรือมารดาจึงเป็นเรื่องสำคัญของเจ้าชะตา ซึ่งตามปรัชญาของวิชาโหราศาสตร์เขาจึงให้สะดือมีดวงจันทร์ ครอง อวัยวะนี้
ซึ่งจันทร์นั้น มีความหมายแปลว่า มารดา ภรรยา เพศหญิง และในทางมหภาค วงกว้าง ก็แปลว่า ประชาชน ก็ได้
ในมุมมองของสูตรดาว ในทางโหราศาสตร์สาขายูเรเนียนนั้น ท่านให้สะดือ มีสูตรดาวว่า อาทิตย์+ราหู-จันทร์ ซึ่งแปลว่า ส่วนที่ยื่นจากร่างกายออกไปหาแม่ หรือจะแปลอีกอย่างหนึ่งที่กว้างกว่าว่าเป็น การติดต่อของประชาชนที่เจ้าชะตาเป็น ในช่วงการดำเนินวิถีแห่งชีวิต หรือจะอธิบายให้เข้าใจง่ายๆก็คือว่า เจ้าชะตา คนนี้จะดังในสังคมนั้นๆในวงจรแวดวงของเจ้าชะตาหรือไม่นั้น โบราณท่านวางหลักโหราไว้ว่าจะต้องให้ดูสะดือเป็นหลักจนเข้าใจซาบซึ้งอย่างถ่องแท้เสียก่อน แล้วค่อยพิจารณาศึกษาอวัยวะอย่างอื่นเพิ่มขึ้นเพื่อนำมาใช้ประกอบกันไปก่อนจะเอาไปพิจารณาวินิจฉัยในแต่ละเรื่อง
เนื่องจากสะดือนั้นใช้เป็นอวัยวะสำคัญเฉพาะในช่วงเป็นทารกในครรภ์ อุปมาเปรียบเหมือนพลังชีวิตสำรองมาแต่ดั้งเดิม ถ้าสะดือมีรูปทรงสมบูรณ์สวยลงตัว อีกทั้งบริเวณที่ตั้งของสะดือได้แก่หน้าท้องบริเวณนั้น อวบอิ่มสมบูรณ์สมทรงกับโครงกายและมีขนอุยขึ้นรอบสะดือ รวมไปถึงการดูแลรักษาความสะอาดในรูสะดือที่ดี จะทำให้เจ้าชะตามีฐานะอุดมสมบูรณ์ ตามวงจรและสิ่งแวดล้อมสังคมที่ไปอาศัยอยู่ อีกทั้งมีร่างกายพลานามัย ดีมีสุขภาพแข็งแรง เนื่องจากมีพลังชีวิตสำรองเดิมพรั่งพร้อม ถ้าเป็นเพศหญิงก็จะเปรียบได้กับเป็นแม่พันธุ์ที่ดี สามารถมีบุตรที่แข็งแรงและเลี้ยงลูกเก่ง ซึ่งมีผลอย่างมากต่อการสืบทายาทโดยหลักการนี้ใช้กันมาตั้งแต่ในสมัยโบราณ
และในทางตรงข้ามการบอกสุขภาพและความอดทนต่อสภาพแวดล้อมที่แปรเปลี่ยนความอึดและการอดทน ก็สามารถที่จะพิจารณาไปถึงความย่อหย่อนทางกายภาพที่ไม่แข็งแรง ผู้ที่รู้ที่ศึกษามาเพียงแค่พิจารณาจากเฉพาะรูปร่างสะดือก็สามารถที่จะบอกเป็นไปได้สูง
ลักษณะของสะดือ มี 2 มิติหลักได้แก่
1. สะดือปูด หรือทรงภูเขา หรือ ที่เรียกว่า สะดือจุ่น หรือสะดือแนวหยางเชิงรุก
2. สะดือเป็นเหว หรือหลุมลึก หรือที่เรียกว่าสะดือโบ๋ หรือสะดือแนวหยินเชิงรับ
ในคนที่สะดือจุ่นนั้น จะชอบสังคม มีบุคลิกเชิงรุก ใจร้อน เปิดเผยตัวเอง มีความกระตือรือร้นมาก ยิ่งในเรื่องความรักนั้นเป็นคนเปิดเผย จริงจัง แสดงออกก่อนว่ารักว่าชอบ ใจถึงนักเลง กล้าได้กล้าเสียและไม่คร่ำครึอยู่กับกรอบของประเพณีและสังคม ตามใจตนเองเป็นใหญ่
ส่วนคนสะดือโบ๋ นั้น จะชอบตั้งรับ มีหัวอนุรักษ์นิยม เก็บตัว น้ำนิ่งไหลลึก อ่านใจยาก มีชั้นเชิงสูง พูดน้อยแต่เมื่อพูดก็มีคำคมออกมาให้คู่สนทนาต้องขบคิด เก็บตัวมีโลกส่วนตัวที่เข้าถึงยากแต่ จริงจังและจริงใจ ในเรื่องความรักนั้น เป็นคนคบคนน้อยแต่คบสนิทและลึกซึ้ง จริงจัง รักแล้วมั่นคง แต่ต้องใช้เวลาและวิธีการในการเปิดใจให้ยอมรับก่อน จึงจะสนิทสนมด้วย สิ่งที่แสดงออกกับสิ่งที่เป็นจริงจะไม่เหมือนกัน
นอกจากนี้จะต้องพิจารณาองค์ประกอบร่วมของสะดือทั้งโบ๋และจุ่นอีกว่ามีรูปแบบอะไรที่ผันแปรเข้ามาอีกบ้าง ซึ่งรูปแบบพวกนี้จะได้แก่
1. ขนาดของรูสะดือใหญ่ เล็ก หรือพอสวยงามดีรับกับสภาพหน้าท้องเป็นหลัก
โดยที่รูสะดือใหญ่เป็นคนใช้ชีวิตฟุ่มเฟือย เหนื่อยล้า เคร่งเครียด หักโหมทำงานในการดำเนินชีวิต
ส่วนคนที่รูสะดือเล็ก ก็เป็นคนรักสะดวกสบาย มีชีวิตเรื่อยๆเฉื่อยๆเป็นสุขนิยมและมักจะอายุยืน สุขภาพดี เพราะถนอมพลังการใช้พลังงานสำรองของชีวิตไว้ตามนิสัย
ดังนั้นคนที่รูสะดือที่ปานกลางดูสวยงามจึงเป็นที่รู้จักใช้ชีวิตเป็น สมดุลย์ทำให้ไม่ลำบากจนเกินไปในการดำเนินวิถีชีวิตที่ได้สมดุล
2. การเชิดและการกดลงต่ำของรูสะดือ หรือที่เป็นสำนวนว่า สะดือหงาย และสะดือคว่ำ นั่นเอง โดยที่
สะดือหงายนั้น หมายถึงสะดือเชิดขึ้น รูสะดือชี้เฉียงขึ้นบน จะเป็นคนชอบอวด มุ่งมั่นมีเป้าหมาย และมักใหญ่ใฝ่สูง ข้อเสียคือ ขี้อิจฉา และทุกข์ตรมเพราะความทะเยอทะยาน
ส่วนสะดือคว่ำนั้น รูสะดือมีลักษณะชี้คว่ำต่ำลงพื้นดินเป็นมุมก้มจากแนวระนาบพื้น เป็นคนเชิงปฏิบัติ สม่ำเสมอ เฉยๆ สมถะ พอเพียงไม่พิถีพิถันจู้จี้ ใจเย็นและอดทนรอคอยได้ แต่มีความสุขในวิถีชีวิตและครอบครัว
ดังนั้นเรื่องสะดือจึงไม่ใช่เรื่องเล็กๆ สามารถที่จะบ่งบอกนิสัยและวิธีการดำเนินชีวิตได้ถ้าศึกษาอย่างมีหลักการ เพราะปราชญ์โบราณท่านวางหลักการไว้แบ่งนิสัยใจคอ ของมนุษย์เอาไว้แล้ว แต่ทฤษฎีนี้โดยมากนำมาใช้เพื่อใช้ การเลือกคู่แบบคลุมถุงชน เพื่อหาสะใภ้หรือลักษณะเมียที่ดี โดยมองเลยไปถึงการตั้งครรภ์ การเลี้ยงดูบุตรธิดา และนิสัยใจคอที่เข้ากันได้ของคู่บ่าวสาว ซึ่งหลักการนี้ตรงกันทั้งสายตะวันตกเช่น ฮินดูและอิสลาม และสายตะวันเช่นของจีน เพียงแต่ปัจจุบันนี้ระบบคลุมถุงชนได้ซาลงมากแล้วแต่การเลือกคู่ matching ทางอินเตอร์เน็ตกลับเฟื่องฟู ซึ่งก็ไม่แตกต่างกันเท่าใดนัก ในหลักการ ผู้เขียนเลยบอกทางเอาไว้ให้ผู้สนใจนำไปประยุกต์ใช้เอาเอง ก็แล้วกัน ว่าแต่ว่า จะหาวิธีดูรูปสะดือของหล่อนหรือของเขาได้โดยวิธีไหนเท่านั้น ของพรรค์นี้คงตัวใครตัวมันคิดหาทางกันเอาเองนะขอรับ