ตรวจสุขภาพด้วยโหราศาสตร์
ภารต ถิ่นคำ
ปัญหาสำคัญหนึ่ง ที่นักโหราศาสตร์มักจะประสบพบเจอก็คือปัญหาเรื่องสุขภาพ ไม่ว่าจะเป็นของลูกค้าหรือแม้กระทั่งของตัวนักโหราศาสตร์เองก็ตาม และมักจะเข้าใจกันว่าคงต้องใช้วิชาการทางโหราศาสตร์ในระดับสูงหรือในระดับโหราศาสตร์การแพทย์ ทำให้เรื่องนี้มองดูค่อนข้างยากจนเกินไป
อันที่จริงแล้ว เรื่องนี้เป็นเรื่องพื้นฐานที่ต้องรู้และต้องควรจะศึกษาไว้ อย่างน้อยก็เพื่อเป็นแนวทางในการรักษาสุขภาพเช่นเรื่องการควบคุมอาหาร หรือหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่เป็นที่สุ่มเสี่ยงต่อร่างกาย
แนวทางอธิบายนี้ เป็นการตรวจอย่างกว้างๆในพื้นดวงชะตา มีเจตนาให้ทราบว่า ดวงชะตานี้มีจุดตั้งรับทางปัจจัยของโหราศาสตร์ในเรื่องสุขภาพไว้อย่างไร ไม่ใช่การรักษาบำบัดโรคในทางการแพทย์
ในวิชาโหราศาสตร์สากล เรื่องนี้มีประวัติมายาวนาน ในสมัยกลางของยุโรป นายแพทย์นั้นต้องผ่านหลักสูตรทางโหราศาสตร์เป็นวิชาบังคับเพื่อใช้ตรวจวินิจฉัยโรค มีหลักฐานอยู่ในประวัติของ นอสตาดามุส ซึ่งเป็นทั้งโหราจารย์และแพทย์รักษาโรคที่เชี่ยวชาญ ในยุคสมัยนั้น เป็นต้น สาเหตุที่เสื่อมโทรมกันไปเพราะวิทยาการทางด้านวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ได้เข้ามาแทนที่ แต่ถึงกระนั้นแม้จะถูกแยกออกไปแต่ก็ยังมีหลักการเดิมที่ใช้การได้ และสามารถนำมาประยุกต์ใช้กับวิทยาการสมัยใหม่ในด้านความแม่นยำทางดาราศาสตร์ปัจจุบัน ถึงแม้ว่าสมัยนี้จะไม่ได้รับการยอมรับว่าเป็นมาตรฐาน แต่ก็มิใช่ว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องเหลวไหล ถ้าศึกษาได้อย่างลึกซึ้งจะพบสมมติฐานที่น่าพิศวงหลายอย่างที่ทางการแพทย์ปัจจุบันหาคำตอบให้ไม่ได้ เช่นกลไกเวลาในการเกิดโรคเป็นต้นซึ่งอธิบายด้วยทฤษฎียีนส์และ DNA อย่างเดียวไม่ครอบคลุม ว่าจะเกิดเมื่อใด
การตรวจสุขภาพทางโหราศาสตร์สากลยูเรเนียน นั้น ให้พิจารณา ดังนี้
1. ตรวจดูลัคนา
2. ตรวจดูอาทิตย์
3. ตรวจดูภพ 6
4. ตรวจดูจันทร์
โดยใช้ควบคู่ไปกับเรื่อง ราศี ว่าอยู่ในราศีใด ราศีชั้นไหน 1-2-3 ธาตุอะไร และราศีนั้นครองอวัยวะส่วนใดของร่างกาย
ในส่วนของโหราศาสตร์ยูเรเนียนนั้น มีสูตรดาวที่เกี่ยวกับการพิจารณาเรื่องสุขภาพ ดังนี้
1. พฤหัส + วัลคานุส อาทิตย์ = สบายกาย สุขภาพดี
2. เมอริเดียน + อาทิตย์ พฤหัส = สุขภาพดีทั้งกายและจิต
3. อาทิตย์ + วัลคานุส พฤหัส = สุขภาพดี แข็งแรง
4. อาทิตย์ +พฤหัส วัลคานุส = สุขภาพและกำลังวังชาดีเลิศ
5. พฤหัส + พฤหัส อาทิตย์ = สุขภาพดี ( การเงินก็พลอยดีไปด้วย )
6. อาทิตย์ + พฤหัส พลูโต = สุขภาพดีขึ้น อวัยวะต่างๆอยู่ในสภาพดี มีการพัฒนาการได้
เรื่อยๆตลอดชีวิต มีแนวโน้มที่จะอายุยืน
7. ศูนย์รังสี เมษ / อาทิตย์ ในดวงกำเนิดถ้าทำมุมกับ
7.1 เสาร์ / โครโนส = อายุยืน
7.2 พฤหัส / วัลคานุส = สุขภาพดี
7.3 และถ้าเข้าทั้งคู่ จะทำให้ทั้งมีอายุยืนและสุขภาพดี
8. ศูนย์รังสี เสาร์ /โครโนส ในกรณีนี้แปลว่า วัยชรา จะเป็นตัวบ่งบอกได้อย่างหนึ่งว่า ในวัยชรานี้เจ้าชะตาจะมีแนวโน้มทางสุขภาพเป็นอย่างไร มีโรคประจำตัว หรือ เจ็บป่วยด้วยโรคอะไร ในลีลาอย่างไรด้วย
เมื่อตรวจดวงชะตาตามหลักที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว ก็จะพอทราบพื้นฐานคร่าวๆ เกี่ยวกับแนวโน้มว่า เจ้าชะตานั้นมีลีลาโครงสร้างเกี่ยวกับ สุขภาพอย่างไรบ้าง ดีหรือร้าย หรือ ปานกลาง เด่นในด้านใด และด้อยในด้านใด หรือส่วนไหน และระบบอวัยวะส่วนไหนที่มีปัญหา
จากนั้นก็มาพิจารณากลไกการเสื่อมถอย หรือ การเกิดโรคในดวงชะตาเป็นขั้นต่อไป โดยการตรวจเข้าไปที่จุดศูนย์รังสี เหล่านี้คือ ( ในที่นี้ขอตั้งชื่อว่าหมวดกลไกเสื่อมสภาพ )
1. อังคาร / เนปจูน = ส่วนไหนในร่างกายที่อ่อนแอ การติดเชื้อ
2. เสาร์ / เนปจูน = โรคร้ายประจำตัว
3. เสาร์ / ฮาเดส = โรคที่จรเข้ามา
4. เนปจูน / ฮาเดส = ส่วนไหนที่เสื่อมถอย
5. อาทิตย์+วัลคานุส ฮาเดส = พิการส่วนไหน
เมื่อตรวจได้แล้วจะพอสรุปได้ว่า เจ้าชะตามีแนวโน้มทางสุขภาพ เป็นอย่างไร แข็งแรง หรือมีจุดอ่อนไหวในระบบร่างกายส่วนใด
จากนั้นก็มาสู่ปัญหาที่ตามมาว่า เหตุการณ์นั้นจะเกิดเมื่อไหร่ อย่างไร นั้น มีหลักการให้พิจารณาดังต่อไปนี้คือ
1. ในดวงแบบยูเรเนียน (เรือนชะตาเท่า) ค่าอาทิตย์ + โค้งสุริยยาตร์ หรือ อาทิตย์ วี 1 ทำมุมกับ จุดศูนย์รังสี หมวดกลไกเสื่อมสภาพ ข้างต้น โดยพิจารณาเรื่อง วัยอายุด้วย ว่ามาในช่วงเวลาไหน ของศูนย์รังสี
อายุ 1 14 อาทิตย์ / พุธ และ อาทิตย์ / พลูโต
อายุ 15 28 อาทิตย์ / ศุกร์ และ อาทิตย์ / คิวปิโด
อายุ 29 - 42 อาทิตย์ / อังคาร และ อาทิตย์ / วัลคานุส
อายุ 43 - 56 อาทิตย์ / พฤหัส และ อาทิตย์ / อาพอลลอน
อายุ 57 - 70 อาทิตย์ / เสาร์ และ อาทิตย์ / แอตเมตอส
ในทางปฏิบัติ ทำได้โดยใช้ระบบจานคำนวณ 2 ชั้น หรือโปรแกรมทางด้านยูเรเนียนโดยตรง เมื่อจุดศูนย์รังสี หมวดกลไกเสื่อมสภาพ ในช่วงวัยอายุไหน ก็ให้เฝ้าจับตาระวังในช่วงอายุเวลานั้นได้
2. พิจารณาจาก ดวงแบบสากลในเรื่อง ดวงทินวรรษ ว่า อาทิตย์ทินวรรษของปีอายุนั้น อยู่ในเรือนอะไร...เน้นไปที่ เรือนที่ 6 เรือนที่ 8 และและเรือนที่ 12 โดยเฉพาะเรือนที่ 12 จะหมายถึง โรงพยาบาลด้วย ทำให้แสดงว่า เจ้าชะตาอาจจะต้องป่วยถึงขั้นเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาล
ส่วนจะเกิดเมื่อไหร่อย่างไร นั้น ต้องไปตรวจดูจังหวะการเข้าทำมุมสัมพันธ์กับดวงเจ้าชะตา โดยพิจารณาจาก ดวงจรปัจจุบัน ( Transit ) โดยไล่เวลาดาวใหญ่เข้าทำมุม เรียงกันตามลำดับ จากวงนอกเข้ามาหาวงใน
จากนั้นมาดูว่า ในกรณีถ้าเกิดขึ้นแล้ว จะรักษาหายหรือไม่ ต้องพิจารณา ดวงจรสุริยาตร์ ณ ช่วงเวลานั้นว่าศูนย์รังสี อาทิตย์ / เนปจูน = ฮาเดส หรือไม่ หรือ จุดอิทธิพล อาทิตย์ + เนปจูน ฮาเดส ทำงานในช่วงเวลานั้นหรือไม่ ซึ่งทั้ง 2 จุดนี้ จะแปลว่า ป่วยหนัก
นอกจากนี้ยังมีจุดที่เกี่ยวข้องอย่างอื่นอีกอันได้แก่ เสาร์ + ฮาเดส อาทิตย์ และ อังคาร + เสาร์ แอตเมตอส ซึ่งทั้ง 2 จุดก็แปลว่า ป่วยหนัก
ถ้ายิ่งมีศูนย์รังสี มฤตยู / เนปจูน ที่แปลว่า วิกฤตการณ์ หรือ ฉุกเฉิน
และจุดโรงพยาบาล อันได้แก่ ฮาเดส + ซีอุส จันทร์ ก็จะยิ่งรุนแรงยิ่งขึ้น
ในกรณีถ้าจุดดังกล่าวทำงาน จะทำให้เจ้าชะตาป่วยหนักในช่วงเวลาดังกล่าว มากน้อยแล้วแต่จุดเสริมและจุดตั้งรับของแต่ละบุคคล
ส่วนจะรักษาได้หรือไม่นั้น ให้ดูที่ว่า ขณะที่กำลังป่วยอยู่นั้น จุดอิทธิพล พฤหัส + พลูโต - ฮาเดส นั้น ( รวมทั้งกระบวนการสัมพันธ์ในรูปแบบอื่น ) ทั้งในดวงจรสุริยยาตร์และในดวงกำเนิด เข้า อาทิตย์หรือไม่ ถ้าเข้าและสลับกันด้วย การรักษาจะทำได้และหายโดยไวไม่เรื้อรัง แต่ถ้าไม่เข้าต้องรอจังหวะที่ อาทิตย์ทำมุมแรง ( Harmomic ที่ 8 ) เข้าทำมุมถึงก่อนดาวร้ายทั้งหลายเข้าทำ
ในทางปฏิบัติยังข้ามต่อไปอีกว่า ในกรณีที่เป็นเรื้อรัง ถ้าไม่มีรุนแรงในพื้นดวงเดิม เมื่อไหร่จะหายหรือทุเลาอย่างเห็นได้ชัด อันนี้ต้องไปพิจารณาในดวงโปรเกรส ของเจ้าชะตา( Secondary Progression ) ว่า ดาวเสาร์และเนปจูน จะพ้นตำแหน่งร้าย ออกจากอาทิตย์หรือ ลัคนาได้เมื่อไหร่ และ พฤหัส อังคาร และพลูโต จะมีมุมสัมพันธ์ดีขึ้น เข้าหา ลัคนา หรืออาทิตย์ได้เมื่อไหร่ โดยใช้การคำนวณล่วงหน้าเอามาพิจารณาตาม
นอกจากนี้ในทางโหราศาสตร์ ก็ยังคิดกันต่อไปว่า ทำอย่างไรจึงจะมีสุขภาพแข็งแรง เพราะว่าในวิชาโหราศาสตร์นั้น มีวิชาที่แทรกด้วยปรัชญาทางเงื่อนไขรองรับและยอมรับได้ ซึ่งเรียกกันมาแต่โบราณว่า สะเดาะเคราะห์ ในที่นี้ก็แยกออกไปได้ 2 ทาง อันได้แก่ การป้องกัน และ การรักษา
การป้องกัน นั้น ให้ดูว่า จุดอิทธิพล กำเนิด อาทิตย์ + วัลคานุส พฤหัส และ อาทิตย์ + พฤหัส วัลคานุส ของเจ้าชะตา เข้าศูนย์รังสีอะไร ให้เจ้าชะตาปฏิบัติตนตามนั้น ซึ่งเป็นเงื่อนไขเฉพาะตน ในทางปฎิบัติต้องศึกษาจากสูตรพระเคราะห์สนธิ รวมทั้งดูลึกลงไปอีกว่า ปีนั้นๆ ต้องทำอย่างไร โดยดูจาก อาทิตย์ วี 1 และ วี 2 ควบคู่กันไป
ส่วนเรื่องการรักษานั้น ในสมัยปัจจุบันมี ถึง 2 แนวทาง คือทางวิทยาการทางด้านการแพทย์แผนปัจจุบัน กับ แนวการบำบัดแบบแพทย์ทางเลือก หรือ ทั้ง 2 อย่างรวมกัน
การรักษาทางแพทย์ปัจจุบันนั้น ย่อมต้องเป็นวิธีการที่ถูกต้องและเป็นวิทยาศาสตร์อยู่แล้ว เว้นแต่ในบางกรณี ศูนย์รังสี ซีอุส / อาพอลลอน หรือ จุดอิทธิพล เมษ + ซีอุส อาพอลลอน ที่แปลว่า วิทยาศาสตร์ เข้าทำมุมกับดาวร้ายร้ายหรือสัมพันธ์ไม่ดีกับเจ้าชะตา ในช่วงเวลานั้น และการรักษาก็ยังไม่ทุเลาเบาบางหรือมีเหตุอันแทรกซ้อนหรือเรื้อรังหรืออาการยิ่งทรุดด้วย ก็ควรจะเข้าไปพิจารณา ศูนย์รังสี ฮาเดส / อาพอลลอนด้วย เพราะว่า จุดนี้แปลว่าภูมิปัญญาโบราณหรือแผนโบราณ เข้ากันได้กับ จุดอิทธิพล พฤหัส + พลูโต ฮาเดส = อาทิตย์ ของเจ้าชะตาหรือไม่ ในทางปฏิบัติจะใช้คำนวณด้วยการลงจานคำนวณดวงแบบ 2 ชั้น แล้วลองปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทางด้านนี้ดู แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ให้ควรพิจารณาลึกลงไปอีกสักนิดว่า จุดโหราศาสตร์ นั้น อันได้แก่ มฤตยู / อาพอลลอน ของเจ้าชะตา เข้า ดาวเสาร์ หรือ เนปจูน ด้วยหรือไม่ เพราะ ถ้าเข้า วิธีนี้ก็จะใช้ไม่ได้กับดวงเจ้าชะตานี้ เพราะถ้าบอกไปก็เป็นเงื่อนไขร้ายซ้ำเจ้าชะตาลงไปอีกเพราะมีจุดแอนตี้หรือต่อต้านวิชาโหราศาสตร์
แต่อย่างไรก็ตาม การจะนำวีธีในบทความมาใช้ ควรศึกษาวิชาโหราศาสตร์สากลยูเรเนียน ให้เข้าใจอย่างถ่องแท้ให้ได้มาตรฐานพอสมควร เพราะผู้เขียนเพียงแค่สรุปอย่างย่อ เพื่อให้ครอบคลุม เป็นการเฉพาะในแนวโหราศาสตร์เพื่อสุขภาพ เน้นการคาดคะเนเวลา และแนวทางการหาวิธีป้องกัน และสร้างสุขภาพให้แข็งแรง มิใช่เน้นการรักษาโรคซึ่งต้องใช้ผู้ที่เชี่ยวชาญและชำนาญการเฉพาะทางไป เพราะนักโหราศาสตร์เป็นผู้ศึกษาเรื่องเวลา รวมไปถึงจังหวะต่างๆตามธรรมชาติ และจะทำอย่างไรจึงจะทำให้อยู่รอดได้ด้วยดีเท่านั้น