พรรคประชาธิปัตย์ และ พรรคไทยรักไทย
ความเหมือนบนความต่าง
วิโรจน์ กรดนิยมชัย
29 มิถุนายน 2549
วิกฤติการณ์ในสังคมไทยวันนี้ สิ่งหนึ่งต้องยอมรับว่ามีผลมาจากพฤติกรรมและวิธีการปฏิบัติของพรรคการเมือง 2 พรรคที่เป็นหัวข้อเรื่องนี้ ในสายตาของประชาชนทั่วไปต่างก็วิเคราะห์สถานการณ์ตามข่าวที่ปรากฏในสื่อต่างๆ หรืออาจจะมีบ้างที่มีข่าวจาก คนวงใน ว่ากันมา ในฐานะนักโหราศาสตร์ จึงใคร่เสนอความเห็นเกี่ยวกับประเด็นนี้ในหลักวิชาการทางโหราศาสตร์ยูเรเนียน โดยอาศัยหลักปรัชญา
อดีต ปัจจุบัน และอนาคต ล้วนเป็นสิ่งเดียวกัน
สิ่งที่นักโหราศาสตร์จะต้องเข้าใจในลำดับแรก คือการเข้าใจปรัชญาในข้อนี้ ความหมายของปรัชญานี้คือ สิ่งที่เกิดขึ้นในอดีต ย่อมเกิดขึ้นอีกในปัจจุบัน และจะเกิดขึ้นอีกในอนาคต ภายใต้กฎเกณฑ์เฉพาะของแต่ละบุคคล ปัจจัยที่ใช้ในการพิจารณาได้แก่วงรอบการโคจรของดวงดาว 2 เรื่อง ได้แก่ วงรอบจันทรคติ 18-19 ปีหรือวงรอบเมโทนิค 19 ปี และวงรอบ 30 ปีของดาวเสาร์ โดยมีหลักว่า เหตุการณ์ใดๆที่จะเกิดขึ้นซ้ำอีกภายใต้วงรอบนั้นๆจะต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขเดียวกันในทางปรัชญา อันได้แก่ ความนานของช่วงเวลา และอิทธิพลหรือผลที่ปรากฏ เช่น พ่อ เป็นอย่างไรลูกก็จะเป็นเช่นนั้น พ่อคืออดีตของลูก ลูกคือปัจจุบัน และสิ่งนั้นจะเกิดขึ้นแก่หลานในอนาคตด้วย ในทางโหราศาสตร์จะบอกว่า ผู้ชายจะเหมือนพ่อ รวมทั้งพ่อตาด้วย ส่วนผู้หญิงจะมีชีวิตเหมือน แม่ และ แม่สามีด้วย ดังนั้นภรรยาของนาย ก. ก็จะเหมือนแม่ของนาย ก. หรือ สามีของนาง ข. ก็จะเหมือน กับบิดาของ นาง ข. ด้วยเช่นกัน ในกรณีของการเกิดเหตุการณ์ใดๆก็เช่นกัน เหตุการณ์หนึ่งที่เคยเกิดขึ้น ณ ช่วงเวลาหนึ่ง ย่อมเกิดขึ้นอีกเมื่อสถานการณ์แวดล้อมเหมือนเช่นที่เคยเกิดขึ้นอีก เช่น กรณีการเกิดเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 อีก 19 ปีต่อมา ก็เกิดเหตุการณ์ พฤษภาคม 2535 ระยะเวลา ห่างกัน 18 ปีเศษ เหตุการณ์เกิดขึ้นบนถนนราชดำเนิน สถานที่ต่างๆที่เคยถูกเผาในปี 2516 ก็ถูกเผาอีกในปี 2535 เช่น อาคารกรมสรรพากรถูกเผาถึง 3 ครั้ง ในปี 2516 2519 และ 2535 เพราะทุกครั้งที่ผ่านมาอาคารกรมสรรพากรจะได้รับการซ่อมแซมใช้งานทุกครั้ง แต่หลังเหตุการณ์ในปี 2535 กรมสรรพากรไม่ได้มีการซ่อมแซม ถูกปล่อยทิ้งไว้และสุดท้ายก็ทุบทิ้งและปรับเป็นสวนหย่อมอย่างที่เห็นกันในทุกวันนี้ ในปี 2538 (19 ปี จากเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519) จึงไม่เกิดเหตุการณ์รุนแรงบนถนนราชดำเนิน เช่นเดียวกับ ปี 2546 (30 ปี จาก 14 ตุลาคม2516) ก็ไม่มีเหตุการณ์ความรุนแรงบนถนนราชดำเนิน และคงเป็นคำถามว่า ปี 2549 (30 ปี จาก 6 ตุลาคม 2519) จะมีความรุนแรงหรือไม่ ซึ่งถ้าหากพิจารณาในทางปรัชญาแล้วไม่น่าเกิดเหตุการณ์รุนแรง แต่อาจจะเป็นเหตุการณ์ความสูญเสีย หรือเหตุการณ์การพลัดพรากของผู้มีตำแหน่งสำคัญอย่างอื่นที่เทียบเคียงกันได้ ถ้าหากเกิดเหตุการณ์ความรุนแรงก็คงเกิดจากอิทธิพลของดวงชะตาวงรอบชนิดอื่นซึ่งจะต้องวิเคราะห์ต่อว่าคืออะไร
การมองภาพพรรคการเมือง 2 พรรคนี้จะใช้ดวงชะตาของพรรคประชาธิปัตย์ กับวงรอบ 30 ปีของดาวเสาร์ และดวงชะตาของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นตัวแทนของพรรคไทยรักไทย กับวงรอบ เมโทนิค 19 ปี และวงรอบ 30 ปีของดาวเสาร์ด้วย เปรียบเทียบกัน เนื่องจากพรรคประชาธิปัตย์มีความเก่าแก่ยาวนานและมีอายุมาถึงวันที่พิจารณาเป็นเวลา 60 ปี หรือ 2 รอบของดาวเสาร์ และสถานะในปัจจุบันของคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ แม้จะเป็นหัวหน้าพรรค แต่ก็ยังไม่เคยดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี จึงถือว่ายังไม่มีบทบาทเด่นชัดเพียงพอที่จะนำมาใช้เป็น ตัวแทนความเป็นพรรคได้ ซึ่งแตกต่างจากพรรคไทยรักไทยที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร หัวหน้าพรรคมีความโดดเด่นอย่างมาก การจะเรียก พรรคไทยรักไทย หรือ พรรคทักษิณ ก็ดูไม่แตกต่างกัน บทความนี้มีความยาวค่อนข้างมาก เนื่องจากต้องการให้ผู้อ่านได้ใช้เวลาพิจารณา และวิเคราะห์สิ่งต่างๆที่ปรากฏด้วยความตั้งใจ การที่จะอ่านบทความที่ตัดสินปัญหาสำคัญๆ แต่เพียงผิวเผิน หรืออ่านเพียงบทสรุป โดยไม่รู้ที่มาที่ไปว่าเป็นมาอย่างไร หรือที่เรียกว่า อ่านเพียงฉาบฉวยนั้น บทความนี้ก็จะสูญเสียคุณค่าทางวิชาการลงไปอย่างมาก
ดวงชะตาพรรคประชาธิปัตย์ภายใต้วงรอบดาวเสาร์ 30 ปี
หากเรียงลำดับเหตุการณ์หลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง 24 มิถุนายน 2475 เป็นต้นมา พบว่าบุคคลสำคัญของพรรคประชาธิปัตย์นับตั้งแต่ หลวงโกวิทอภัยวงศ์ หรือพันตรีควง อภัยวงศ์ ผู้ก่อตั้งพรรคประชาธิปัตย์นั้นมีบทบาททางการเมืองโดยได้รับตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรี (คนที่ 4 ของประเทศไทย) ครั้งแรกเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2487 แม้แต่ มรว.เสนีย์ ปราโมช นายกรัฐมนตรีคนที่ 6 ของประเทศไทยก็ดำรงตำแหน่ง เมื่อปี 2488 -2489 พันตรีควง อภัยวงศ์ กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีสมัยที่ 2 ระหว่างวันที่ 31 มกราคม 2489 ถึง 24 มีนาคม 2489 เป็นการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีก่อนการจัดตั้งพรรคประชาธิปัตย์ แล้วจึงมาจัดตั้งพรรคประชาธิปัตย์เมื่อวันที่ 6 เมษายน 2489 โดยเริ่มต้นการเป็นพรรคการเมืองด้วยการเป็นฝ่ายค้าน รัฐบาลหลวงประดิษฐ์มนูธรรม (นายปรีดี พนมยงค์) ตราบจนถึงปัจจุบัน พรรคประชาธิปัตย์ดำรงความเป็นแกนนำพรรคฝ่ายค้านมากกว่าเป็นแกนนำพรรครัฐบาลและรวมทั้งการเป็นพรรคร่วมรัฐบาลหลายสมัยด้วย
เมื่อนำเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นเปรียบเทียบกับดวงชะตาวันก่อตั้งพรรคประชาธิปัตย์ 6 เมษายน 2489 พบว่า ในดวงชะตาการจัดตั้งพรรคนั้นผู้ก่อตั้งคงมีเจตนาที่จะกำหนดบทบาทความเป็นผู้คัดค้านการดำเนินกิจกรรมทางการเมืองของผู้มีอำนาจในยุคสมัยนั้น จึงได้วางดวงชะตาของพรรคให้มีความแข็งแกร่งในเชิงโวหาร การสืบค้นข้อมูลในทางลับ และการเป็นนักตรวจสอบ (ดาวพุธ ราศีมีนใกล้จุดเมษสากลและเป็นเรือนที่ 6 ซึ่ง หมายถึงกิจกรรมทางการเมือง) และวางตำแหน่งอาทิตย์ไว้ที่เรือนที่ 7 ซึ่งหมายถึงการเป็นฝ่ายตรงข้ามของผู้อื่นเสมอ
เมื่อพิจารณาจุดอับของดวงชะตาก็พบว่า จุดที่หมายถึงการถูกหน่วงเหนี่ยวกักขังในดวงชะตาปรากฏให้เห็นชัดถึง 2 ครั้ง และทั้ง 2 ครั้งมีระยะเวลาห่างกัน 30 ปี (วงรอบดาวเสาร์ 30 ปี และปรัชญา อดีต ปัจจุบัน และอนาคต ล้วนเป็นสิ่งเดียวกัน เหตุการณ์ต่างๆจะเกิดขึ้นภายใต้สถานการณ์และสิ่งแวดล้อมที่คล้ายกัน )
โดยครั้งแรก เมื่อปี 2519 มรว.เสนีย์ ปราโมช เป็นนายกรัฐมนตรี กับเหตุการณ์ความไม่สงบ เนื่อง จากการต่อต้านการเดินทางกลับประเทศไทยของ จอมพลถนอม กิตติขจร จนเกิดเหตุการณ์ความรุนแรงทำให้มีการนองเลือด ประชาชนเสียชีวิตเป็นจำนวนมากในเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 จนเป็นเหตุให้พล.ร.อ.สงัด ชลออยู่ ทำการรัฐประหารยึดอำนาจในนาม คณะปฏิรูปการปกครอง ยุติการใช้รัฐธรรมนูญ และมีการแต่งตั้งให้นายธานินท์ กรัยวิเชียรเป็นนายกรัฐมนตรี (8 ตุลาคม 2519 20 ตุลาคม 2520) (แม้ว่าในปี2501 จอมพลสฤษดิ์ ธนรัชต์ จะทำการปฏิวัติเพื่อช่วงชิงอำนาจจาก พลเอกถนอม กิตติขจร มีผลทำให้พรรคการเมืองต่างๆรวมทั้งพรรคประชาธิปัตย์จะต้องยุติบทบาททางการเมืองในช่วงระหว่างปี 2501-2511 ก็ไม่ใช่ความขัดแย้งระหว่างผู้นำพรรคประชาธิปัตย์กับผู้มีอำนาจในขณะนั้น)
หลังประกาศใช้รัฐธรรมนูญในปี 2520 และหลังการเลือกตั้ง พลเอกเกรียงศักดิ์ ชมะนันท์ ได้เป็นนายกรัฐมนตรี พรรคประชาธิปัตย์ก็เริ่มต้นกลับมาเป็นฝ่ายค้าน
ครั้งที่ 2 คือในปีนี้ 2549 ท่ามกลางสถานการณ์ความขัดแย้งทางการเมือง ระหว่างรัฐบาลพรรคไทยรักไทย กับ พรรคฝ่ายค้าน และกลุ่มพันธมิตรประชาธิปไตย รัฐบาลเลือกยุบสภาพร้อมกับประกาศให้มีการเลือกตั้งใหม่เพื่อหวังจะกลับมาครองเสียงข้างมากและกลับมาเป็นรัฐบาลด้วยความชอบธรรมจากการเลือกตั้งอีกครั้งหนึ่ง แต่ทว่าในการเลือกตั้ง 2 เมษายน 2549 มีการกล่าวหาถึงการทุจริตการเลือกตั้ง พรรคใหญ่จ้างพรรคเล็ก มีการฟ้องร้องกันมากมายหลายคดี และจนถึงที่ กกต. จำต้องชี้มูลคดีในโทษความผิดถึงขั้นยุบพรรคการเมืองที่เกี่ยวข้องรวม 5 พรรค และพรรคประชาธิปัตย์กำลังจะถูกตัดสินให้ถูกยุบพรรคพร้อมกับพรรคไทยรักไทยและพรรคเล็กอีก 3 พรรค และอัยการสูงสุดได้ส่งสำนวนการสอบสวนทั้งหมดให้ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเพื่อพิจารณาและตัดสินคดีเมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม 2549 และศาลรัฐธรรมนูญนัดสั่งคดีว่าจะรับพิจารณาหรือไม่ในวันที่ 13 กรกฎาคม 2549
ในขณะที่เขียนบทความนี้8 กรกฎาคม 2549 ยังไม่มีใครทราบว่าเหตุการณ์จะเป็นอย่างไร
การพยากรณ์สิ่งที่จะเกิดขึ้นกับพรรคประชาธิปัตย์ในปี 2549
เมื่อลำดับเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับพรรคประชาธิปัตย์ตั้งแต่เริ่มตั้งพรรคเมื่อปี 2489 ถึงปัจจุบัน จะได้ดังนี้
2489 หลังการก่อตั้งพรรค ก็เริ่มต้นด้วยการเป็นฝ่ายค้าน
2519 อีก 30 ปีต่อมา พรรคยุติบทบาทไป 1 ปี แล้วกลับมาเป็นฝ่ายค้านอีกครั้งหนึ่งในปี 2520
ดังนั้น ในปี 2549 พรรคประชาธิปัตย์มีโอกาสที่จะต้องยุติบทบาททางการเมืองอีกครั้งหนึ่ง สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์อาจจะต้องหา บ้านหลังใหม่ อยู่ชั่วคราวเพื่อดำเนินกิจกรรมทางการเมืองต่อไป และรอวันหวนกลับมาเป็นพรรคฝ่ายค้านอีกครั้งหนึ่งในปี 2550 เช่นเดียวกับเหตุการณ์เมื่อ 30 ปีที่แล้ว
หากนำดวงชะตาของคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์มาพิจารณาด้วยจะพบว่า คุณอภิสิทธิ์ เป็นชาวราศีสิงห์ ในดวงชะตาก็แทบจะไม่ต่างกับคุณทักษิณที่เป็นชาวราศีสิงห์สากลเช่นกันเท่าไรนักที่จะต้องพบกับดาวเสาร์ที่มาทับอยู่ในราศีเกิดทำให้เกิดข้อจำกัดและการพลัดพราก และยังโชคดีที่ พฤหัสจรในราศีพิจิกทำมุมฉากกับราศีสิงห์ ทำให้ได้รับโชคดีด้วย แต่ทว่า ดาวพฤหัสเมื่อโคจรมาแล้วก็จะผ่านไปในช่วงปลายปีนี้ ส่วนดาวเสาร์จะยังย่ำอยู่ในราศีสิงห์อีกหลายเดือนและตลอดถึงปี 2550 ดังนั้นชะตากรรมของหัวหน้าพรรคทั้ง 2 ท่าน ก็คงต้องมองดูผู้อื่นทำหน้าที่นายกรัฐมนตรีหลังการเลือกตั้งครั้งต่อไป ไม่ว่าจะเลือกตั้งปลายปีนี้ หรือในปี 2550 ก็ตาม
พรรคประชาธิปัตย์น่าที่จะพลิกวิกฤติครั้งนี้ให้เป็นโอกาสในการ เกิดใหม่ ด้วยการตั้งพรรคใหม่ โดยหาฤกษ์วันตั้งพรรคให้มีโอกาสเป็นรัฐบาลที่มีประสิทธิภาพเข้มแข็ง เหมือนอดีตที่ผ่านมา ที่ตั้งพรรคให้เป็นฝ่ายค้านที่เข้มแข็งมาแล้ว
กรณีศึกษาเปรียบเทียบของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กับนายเลิศ ชินวัตร (ผู้เป็นบิดา)
นายเลิศ ชินวัตร เป็นผู้ที่ดิ้นรนทำมาหากินมากมาย มีแนวความคิดแปลกใหม่ในการทำธุรกิจตลอดชีวิตจนเป็นแบบอย่างที่ดีของคนสู้ชีวิต เมื่อปี 2510 - 2511นายเลิศ ชินวัตรก็ตัดสินใจลงสนามการเมืองท้องถิ่น จนถึงปี 2512 นายเลิศก็ลงสมัครรับเลือกตั้ง ได้เป็น สส. สมัยแรกรุ่นเดียวกับ นายชวน หลีกภัย นายอุทัย พิมพ์ใจชน นายปรีดา พัฒนถาบุตร จนถึงเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 สภาผู้แทนก็เว้นวรรคไปช่วงหนึ่ง พอปี 2518 มีการเลือกตั้ง รัฐบาล มรว.คึกฤทธิ์ ปราโมช นายเลิศก็ได้รับเลือกตั้งเป็น สส. สมัยที่ 2 ครั้น ปี 2519 รัฐบาล มรว.คึกฤทธิ์ประกาศยุบสภา นายเลิศก็ประกาศยุติบทบาททางการเมือง หันไปประกอบอาชีพธุรกิจเหมือนเดิม ในช่วงเวลาเดียวกัน เมื่อปี 2512 นายทักษิณ ชินวัตรหลังสำเร็จจากโรงเรียนเตรียมทหารก็สมัครเข้าเรียนโรงเรียนนายร้อยตำรวจสามพราน (ดาวเสาร์ = การเปลี่ยนแปลงชีวิต) การตัดสินใจเลือกเส้น ทางชีวิตว่าจะเป็นทหาร หรือตำรวจ) จนถึงปี 2516 สำเร็จการศึกษามารับราชการไม่นาน ก็เดินทางไปศึกษาต่อปริญญาโทที่สหรัฐอเมริกาก่อนเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 (ดาวเสาร์ = การพลัดพราก) จนปี 2518 สำเร็จปริญญาโทกลับมาเพื่อเตรียมแต่งงานกับนางสาวพจมาน ดามาพงษ์ และเมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2519 ก็มีการแต่งงาน แล้วทั้งคู่ก็ไปต่างประเทศเพื่อศึกษาต่อปริญญาเอก ในปีนั้น คุณพจมาน แท้งลูกคนแรก (ดาวเสาร์ = ความสูญเสีย)
30 ปีผ่านมา (วงรอบดาวเสาร์ 29-30 ปี) พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตรก็ตั้งพรรคไทยรักไทยในวันที่ 14 กรกฎาคม 2541 (30 ปีหลังจากที่นายเลิศลงสนามการเมืองท้องถิ่น) และในเวลาต่อมาก็เข้ารับตำแหน่งทางการเมืองหลายครั้ง จนถึงการเลือกตั้งปี 2544 ก็ได้รับเลือกให้เป็นนายกรัฐมนตรีจนครบวาระ ในปี 2548 ก็มีการเลือกตั้งครั้งใหม่และพ.ต.ท.ทักษิณก็กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกท่ามกลางกระแสต่อต้าน จนกระทั่งวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2549 ก็ประกาศยุบสภา แต่ตรงนี้ยังต่างจากเมื่อ 30 ปีที่แล้ว ที่หลังการยุบสภาในปี 2519 นายเลิศ ชินวัตร ประกาศยุติบทบาททางการเมือง (ดาวเสาร์ = การพลัดพรากจากสิ่งที่ทำอยู่) แต่วันนี้ พ.ต.ท.ทักษิณยังไม่ประกาศยุติบทบาททางการเมือง (การพลัดพรากจากสิ่งที่ทำอยู่ยังไม่สัมฤทธิ์ผล) เมื่อปี 2519 พ.ต.ท.ทักษิณ พร้อมครอบครัวเดินทางไปต่างประเทศ (ดาวเสาร์= การพลัดพราก การเดินทางไกล) แต่วันนี้ครอบครัวนี้ยังอยู่ เมื่อปี 2519 คุณพจมานแท้งลูกคนแรก (ดาวเสาร์ = ความสูญเสียที่เกิดกับลูก) ปี 2549 กรณีหุ้นชินคอร์ปของตระกูลชินวัตรทำให้นายพานทองแท้ ชินวัตร ลูกชายของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ถูกสั่งปรับด้วยความผิดในข้อหาไม่แจ้งการเปลี่ยนแปลงการถือหุ้น(ดาวเสาร์ = ความสูญเสียที่เกิดกับลูก)
สิ่งที่เกิดขึ้นในดวงชะตาของ พ.ต.ท.ทักษิณมีจุดเปลี่ยนแปลงที่สัมพันธ์กับวงรอบ 2 วงรอบ คือ วงรอบดาวเสาร์ 30 ปี และวงรอบจันทรคติ 18-19 ปี ซึ่ง High Light สำคัญของทั้ง 2 วงรอบจะมาประกบกันพอดีในปี 2549 พอจะสรุปเหตุการณ์ต่างๆได้ดังนี้
วงรอบจันทรคติ 19ปี
ปี 2512 ขณะอายุ 19-20 ปี ตัดสินใจเลือกเรียนโรงเรียนนายร้อยตำรวจ
ปี 2530 ขณะอายุ 38 ปี ตัดสินใจลาออกจากราชการตำรวจโดยใช้เวลาคิดเพียงวันเดียว
ปี 2549 ขณะนี้อายุย่าง 57 ปี กำลังตัดสินใจอะไรกับชะตาชีวิตของตนเอง
วงรอบดาวเสาร์ 30 ปี
ปี 2511 นายเลิศ ชินวัตร ลงสนามการเมืองท้องถิ่น
ปี 2512 นายเลิศ ชินวัตร ได้รับเลือกตั้งเป็น สส. สมัยแรก
ปี 2512 นายทักษิณ ชินวัตร เลือกเรียนโรงเรียนนายร้อยตำรวจ
ปี 2541 พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ตั้งพรรคไทยรักไทยเมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2541 เพื่อเล่นการเมือง
อย่างจริงจังเช่นเดียวกับเมื่อ 30 ปีที่แล้ว ที่นายเลิศเริ่มเล่นการเมืองอย่างจริงจังเช่นกัน
ปี 2518 นายเลิศ ชินวัตร ได้รับเลือกตั้ง สส. เป็นสมัยที่ 2
ร.ต.อ. ทักษิณ เป็นนายตำรวจติดตามตัวนายปรีดา พัฒนถาบุตร รมต.สำนักนายกฯ
ไปเจรจาปัญหาความไม่สงบในภาคใต้ช่วงปลายปี 2518
ปี 2548 พ.ต.ท. ทักษิณ ได้รับเลือกตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีสมัยที่ 2
ปี 2519 มรว.คึกฤทธิ์ ปราโมช นายกรัฐมนตรี ประกาศยุบสภาและวางมือทางการเมือง
นายเลิศ ชินวัตร ก็ประกาศวางมือทางการเมืองด้วย
ร.ต.อ. ทักษิณ ชินวัตร แต่งงาน ไปศึกษาต่อที่อเมริกา และ คุณพจมาน แท้งลูกคนแรก
สถานการณ์ประเทศไทยขณะนั้นเกิดความวุ่นวาย เพราะจอมพลถนอมบวชเป็นพระ
แล้วเดินทางกลับประเทศไทยท่ามกลางความไม่พอใจของประชาชนทั้งประเทศ
จนเกิดเหตุการณ์ยึดอำนาจ โดยพล.ร.อ.สงัด ชลออยู่ ในนามคณะปฏิรูปการปกครอง
ปี 2549 พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ประกาศยุบสภา แต่ยังไม่ประกาศวางมือทาง
การเมือง
นายพานทองแท้ ชินวัตร ลูกชาย ถูก กลต.ตัดสินว่ามีความผิดเกี่ยวกับเรื่องหุ้น และ
จะต้องถูกปรับ
สถานการณ์ประเทศไทยขณะนี้ ประชาชนส่วนหนึ่งไม่พอใจ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
แล้วอะไรจะเกิดขึ้น
ในอดีตเมื่อ 30 ปีที่แล้วเหตุการณ์ได้ผ่านจากรุ่นพ่อ (นายเลิศ ชินวัตร) มาถึง ลูก (พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร) และส่งผลต่อมาถึงหลาน (นายพานทองแท้ ชินวัตร) บางส่วนบ้างแล้ว แต่ยังไม่ครบทุกกรณีซึ่ง ต้องรอดูผลกรรมกันต่อไปจนกว่าปี 2549 จะผ่านพ้นไปแล้ว
ดวงชะตาของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เกิดเมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2492 เป็นวันอมาวสี (New Moon)มีดาวพฤหัส เป็นดาวสันโดษในราศีมกร แปลว่า ความสำเร็จ (พฤหัส) อันมหาศาลบนความทุกข์ยาก (ราศีมกร)
ดวงชะตาของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรนั้นมีสิ่งที่บอกถึงแรงสนับสนุน และแรงต้านซึ่งในทางโหราศาสตร์เรียกความสัมพันธ์นี้ว่า 1-6-8 กล่าวคือ เจ้าชะตาเป็นชาวราศีสิงสากล นับเป็น 1 เมื่อนับไปถึงราศีที่ 6 คือราศี มกร คือผู้สนับสนุน หมายความว่าบุคคลที่สนับสนุนชาวราศีสิงนั้นได้แก่ ผู้ที่มี ความจริงจัง ยึดมั่นในกฎระเบียบ ผู้ที่มีความยากจน ในราศีมกรมีดาวพฤหัสเป็นดาวสันโดษ ซึ่งได้แก่ ผู้ที่ต้องการความสำเร็จ ต้องการชื่อเสียง เจ้าความคิด เจ้าโครงการ นักวางแผน รวมถึงผู้ที่มีความโลภ และผู้ที่หวังน้ำบ่อหน้า และราศีที่ 8 คือราศีมีน คือผู้ที่ต่อต้านหรือเป็นอุปสรรคของชีวิตนั้นได้แก่ บุคคลที่รักสันโดษ สมณะ นักบวชต่างๆ นักวิชาการ ชาวต่างชาติ ซึ่งจะเห็นได้ว่า กลุ่มคนที่ประท้วงรัฐบาลที่ผ่านมาหากเป็นกลุ่มสมัชชาคนจน หรือชาวบ้านทั่วไป รัฐบาลจะไม่ค่อยเดือดร้อนมากนัก แต่เมื่อใดที่เป็นพระหรือญาติธรรมมาประท้วง เช่น กรณีเรื่องที่ดินวัด รัฐบาลจะรีบขจัดปัดเป่าปัญหาให้หมดสิ้นไปโดยเร็ว คือรัฐบาลจะยอมถอย
อายุ 19 ปี 26 กรกฎาคม 2511 เป็นวันอมาวสี (New Moon) มีดาวเนปจูนเป็นดาวสันโดษในราศีพิจิก แปลว่า ความคลุมเครือ (เนปจูน) บนความปรารถนาของตนเอง (ราศีพิจิก)
อายุ 38 ปี 26 กรกฎาคม 2530 เป็นวันอมาวสี (New Moon)มีดาวพฤหัส เป็นดาวสันโดษในราศีพฤษภ แปลว่า ความสำเร็จอันมหาศาลในเรื่องการมีรายได้และผลประโยชน์ (ราศีพฤษภ) ออกจากการเป็นตำรวจ หันมาประกอบอาชีพธุรกิจ
อายุ 57 ปี 26 กรกฎาคม 2549เป็นวันอมาวสี (New Moon) ดาวเสาร์จรทับพลูโตกำเนิด (เสาร์= ความจำกัด พลูโต = พัฒนาการของชีวิต เมื่อรวมความเสาร์ทับพลูโต = จำกัดการพัฒนา หรือ ไม่เจริญเติบโตอีกต่อไป) อังคารจรทับ เสาร์กำเนิด (อังคาร = ความมีชีวิต การดำเนินกิจกรรม ความเดือดร้อน เมื่อรวมความ อังคารทับเสาร์ = การจำกัดการดำเนินชีวิต การสิ้นสุดกิจกรรม)
เท่าที่ได้พบเห็นดวงชะตาบุคคลต่างๆ มานั้น บุคคลที่เกิดในวันอมาวสี จะมีชีวิตที่มีลำหักลำโค่นพลิกผันอย่างรุนแรง ดีก็ดีสุดๆ ร้ายก็ร้ายสุดๆ เรียกว่าเป็นชีวิตที่สุดขั้วทั้งด้านบวกและลบ บุคคลที่ก้าวมาถึงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของไทยทีมีชะตากำเนิดในวันอมาวสี หรือวันเพ็ญ ซึ่งต่างก็เป็นวันเดือนดับ และเดือนเต็มดวง ตัวอย่างได้แก่ จอมพล ป. พิบูลสงคราม และพลเอกสุจินดา คราประยูร ซึ่งต่างก็มีชีวิตที่พลิกผันอย่างมากเช่นกัน
ดวงชะตาวันเกิดของ พ.ต.ท.ทักษิณ เมื่อปี2548 ที่ผ่านมา ดาวเสาร์จะทับดาวพุธและอาทิตย์ จึงมีเหตุทำให้เจ้าชะตาจำต้องระเหเร่ร่อนไปตามที่ต่างๆเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา และดวงชะตาวันเกิดในปีนี้เป็นการครบรอบที่ 3 ของวงรอบ 19 ปี เมโทนิค เจ้าชะตาก็คงต้องหาที่ลงให้ดีก่อนที่จะได้รับอิทธิพลจากดวงดาวสั่งให้เปลี่ยนแปลง
ปัจจัยบนฟ้าที่เกี่ยวข้อง
สุริยุปราคาเต็มดวง ใกล้เส้นศูนย์สูตร 29 มีนาคม 2549
แม้การเกิดคราสครั้งนี้จะไม่สามารถมองเห็นได้ในประเทศไทย แต่ตำแหน่งศูนย์กลางการเกิดคราสเกิดเหนือเส้นศูนย์สูตรช่วงระหว่าง แลตติจูด 5-10 องศาเหนือ ซึ่งจะมีผลต่อประเทศต่างๆที่อยู่ในแนวแลตติจูดนี้และประเทศที่แนวคราสพาดผ่าน ตั้งแต่ ฟิลิปปินส์ กัมพูชา ไทย ศรีลังกา โตโก เบนิน ไนจีเรีย ไนเจอร์ ชาด และลิเบีย อิทธิพลการเกิดคราสส่งผลทั้งที่เป็นภัยพิบัติทางธรรมชาติไม่ว่าจะเป็นการเกิดแผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิดในท้องถิ่นต่างๆก็ล้วนอยู่ภายในรัศมีแลตติจูด 5-10 องศาเหนือและใต้ นอกจากนั้นยังส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงในประเทศต่างๆ ดังจะเห็นได้จาก ตั้งแต่ปลายปี 2548 เป็นต้นมา เริ่มจากประเทศเยอรมันเปลี่ยนนายกรัฐมนตรีเป็นผู้หญิง และประเทศต่างๆที่มีการเลือกตั้งก็ล้วนเปลี่ยนผู้นำเป็นพรรคฝ่ายตรงข้ามกับรัฐบาลทั้งสิ้น เหตุการณ์ความไม่สงบ จนกระทั่งถึงมีเหตุการณ์ความรุนแรง และการพลัดพรากหรือการสูญเสียบุคคลที่มีบทบาทสำคัญของประเทศต่างๆ
ในส่วนของประเทศไทย เหตุการณ์ความไม่สงบต่างๆจะยังมีต่อไปอีกจนถึงวันที่ 6 กรกฎาคม 2549 เมื่อดาวพฤหัสเริ่มโคจรในทิศทางปกติ มีผลทำให้สถานการณ์ต่างๆจะเริ่มเข้าสู่สูงสุดของการเปลี่ยนแปลง (พฤหัส = ผู้พิพากษา บุคคลที่มีปรัชญา บุคคลที่ประสบความสำเร็จ) คดีความต่างๆที่มีการฟ้องร้องกันจะมีผลปรากฏที่ชัดเจนหลังวันที่ 11 กรกฎาคม 2549 ซึ่งเป็นวันเพ็ญก่อนวันเกิดอมาวสีของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กระบวนการทางศาลจะมีผลทำให้สถานการณ์ต่างๆเริ่มคลี่คลายลงได้หลังเดือนสิงหาคม 2549
บทสรุป
สิ่งที่ประชาชนทั่วไปต้องการข้อสรุปว่า สุดท้ายแล้วประเทศไทยจะเป็นอย่างไร พรรคประชาธิปัตย์ และพรรคไทยรักไทย จะเป็นอย่างไร สรุปได้ดังนี้
1. สถานการณ์ของประเทศไทยนั้นไม่น่าจะมีเหตุการณ์จลาจลเหมือนอดีตที่ผ่านมา เพราะเงื่อนไขในทางปรัชญานั้นไม่เหมือนกัน
2. พรรคการเมืองต่างๆอาจจะต้องยุติบทบาททางการเมืองไม่ว่าจะต้องยุบพรรคหรือไม่ก็ตาม
3. จากดวงชะตาของประเทศไทยประจำปี 2549 มีสิ่งบอกถึงความสมานฉันท์ การรอมชอมกัน เหมือนคนในครอบครัวเดียวกัน ดวงชะตาปี 2550 มีสิ่งบอกถึง ความปรองดองและการอยู่ร่วมกันภายใต้กรอบกติกาที่คนส่วนใหญ่มีความสุขเฉกเช่นเดียวกับ ครอบครัวที่ ลูกๆทำหน้าที่ตามที่พ่อแม่ชี้กรอบทางเดินให้
4. นายกรัฐมนตรีคนที่ 24 จะเป็นผู้ที่สร้างความสมานฉันท์และความปรองดอง และมีวินัยในการนำพาประเทศไปตามกรอบจารีตประเพณีที่สังคมยอมรับ
5. พรรคประชาธิปัตย์ควรถือเป็นโอกาสดีที่จะ เกิดใหม่ ด้วยการวางดวงพรรคใหม่ให้มีโอกาสเป็นรัฐบาล
6. พรรคไทยรักไทย หากไม่มีผู้สืบทอดความเป็นพรรคต่อจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ก็คงจะกลายเป็นอดีตพรรคการเมืองหนึ่งที่จะถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ของพรรคการเมืองไทย
7. พ.ต.ท.ทักษิณ คงจะต้องมีการเดินทางไกลซึ่งสอดคล้องกับการวิเคราะห์ความสัมพันธ์กับวงรอบต่างๆที่กล่าวมาแล้วข้างต้น จึงเป็นข้อเสนอว่า อย่างไรเสีย พ.ต.ท.ทักษิณก็คงต้องเดินทางไกลเหมือนเมื่อปี 2519 อย่างแน่นอน เพียงแต่ว่าจะไปไหน จะไปช้าหรือเร็ว จะไปอย่างไร จะไปเองหรือจะให้มีใครพาไป ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเจ้าชะตาว่าจะใช้เหตุผลทางวิทยาศาสตร์ หรือใช้คำปฏิญาณของนักเรียนเตรียมทหารที่ใช้เป็นกรอบกำหนดแนวทางชีวิต
จึงขอปิดท้ายด้วยคำปฏิญาณ 3 ข้อของนักเรียนเตรียมทหารที่ พ.ต.ท.ทักษิณยึดถืออย่างเหนียวแน่น เพราะตรงกับจริตของเจ้าชะตาอย่างมาก คือ
1. ไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้
2. ตายเสียดีกว่าอยู่อย่างผู้แพ้
3. ตายเสียดีกว่าละทิ้งหน้าที่
ทางไปสู่เกียรติศักดิ์ จักประดับดอกไม้หอมหวนชวนจิตไซร้ ไป่มี
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ความหมายของวงรอบที่ใช้
วงรอบดาวเสาร์
คือจังหวะเวลาที่ดาวเสาร์โคจรครบรอบจักรราศี 1 รอบ เป็นระยะเวลา ประมาณ 30 ปี
วงรอบจันทรคติ
คือจำนวนปี (ทางสุริยคติ) กับจำนวนรอบการโคจรของจันทร์ตรงกันพอดี ซึ่งมีผู้กำหนดตัวเลขวงรอบไว้หลายท่าน แต่ที่นิยมกันได้แก่ วงรอบเมโทนิคหรือเมโทนเชอ กำหนดว่า จันทร์โคจรรอบโลก 235 รอบ จะเท่ากับ 19 ปีที่โลกโคจรรอบดวงอาทิตย์
จันทรคติ คือ การใช้จันทร์เป็นมูลฐาน ตัวอย่างเช่น การคิดอายุทางจันทรคติได้แก่ การคิดอายุโดยใช้วันเดือนปีที่คิดเทียบมาจากอัตราการโคจรของจันทร์ ( 1 ปีทางจันทรคติ = 354 วัน 8 ชั่วโมง 48 นาที 30 วินาที)
วงรอบดาวเสาร์และวงรอบจันทรคติจะนับจากเริ่มต้นจากวันที่เกิดเหตุการณ์สำคัญทั้งของบุคคล หรือเหตุการณ์ของประเทศ หรือเหตุการณ์ใดๆก็ได้
บรรณานุกรม
วัลยา ทักษิณ ชินวัตร ตาดูดาว เท้าติดดิน สำนักพิมพ์มติชน กรุงเทพมหานคร 2542
สรกล อดุลยานนท์ ทักษิณ ชินวัตร อัศวินคลื่นลูกที่สาม สำนักพิมพ์มติชน กรุงเทพมหานคร 2536
อธิวัฒน์ ทรัพย์ไพฑูรย์ ตระกูลชินวัตร บริษัทสำนักพิมพ์วรรณสาส์น จำกัด กรุงเทพ