สะเดาะเคราะห์ทำได้จริงหรือ?
เป็นเรื่องคู่กันมานานแล้วระหว่าง "หมอดู" กับการสะเดาะเคราะห์ เรื่องพวกนี้เป็นเรื่องลางเนื้อชอบลางยา คือปกติโดยทั่วไปคนมักชอบแก้ปัญหาแบบสำเร็จรูปทันอกทันใจ และง่าย เพื่อผลให้เกิดความมั่นใจและกำลังใจในทางจิตวิทยา แม้ว่าบางครั้งยากจะหาคำอธิบายหรือหลักฐานใดๆ มารองรับ แต่ถ้าตูข้าเชื่อซะอย่างใครจะทำไมล่ะ ใครๆ ก็อยากจะได้แต่สิ่งดีๆ ทั้งนั้น และอยากได้มากๆ เร็วๆ ส่วนสิ่งไม่ดีนั้นรีบออกไปไกลๆ อย่าได้มากล้ำกรายเลย เพราะฉะนั้นอะไรที่เข้าทางช่วยให้ถึงความต้องการนี้ได้ก็ย่อมเป็นสิ่งที่ตรงใจ...อันนี้แน่นอนอยู่แล้ว และเมื่อมีความต้องการ ก็ย่อมมีการตอบสนองตามมา มีผู้รับจัดการเพื่อสนองความต้องการนั้น โดยลืมไปว่าธรรมดาในโลกนี้มีโลกธรรม 8 ประการ คือ ได้ลาภ เสื่อมลาภ ได้ยศ เสื่อมยศ สุข ทุกข์ สรรเสริญ และนินทา สลับสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันไป
ส่วนผู้สนองก็มักจะแนะนำให้เฉพาะ "พิธีกรรม" แต่ไม่ใช่ "วิธีการ" ซึ่งพิธีกรรมที่แนะนำนั้น มักจะไม่ค่อยมีรากฐานทางวิชาการมารองรับเท่าใด อาศัยศรัทธาและความเชื่อตามๆ กันมา และยิ่งผู้แนะนำมีหลักการอ่อนด้วยแล้ว ยิ่งทำให้พิธีกรรมออกไปในทางเหลวไหล ไร้สาระ เหมือนเป็นลัทธิแปลกๆ พิกลๆ ไปโน่นเลย โหราศาสตร์มักจะถูกนำไปอ้างเสมอ แต่พิธีกรรมกลับไม่ใช่เรื่องโหราศาสตร์ ซึ่งทำให้ผู้รู้โหราศาสตร์ได้แต่ทำตาปริบๆ อยู่เฉยๆ ยกตัวอย่างเช่น พิธีไหว้รับราหูที่เริ่มฮือฮาเมื่อปี '39 ที่ผ่านมา มีผู้ตั้งตนเป็นผู้รู้แนะนำให้บูชารับราหูด้วยของดำ 8 อย่าง จนฮิตติดอันดับเป็นอล์คออฟเดอะทาวน์ อยู่พักหนึ่ง และที่สำคัญดันมีคนใหญ่คนโตมีตำแหน่งสำคัญไปทำเป็นพิธีกรรมใหญ่โตเอิกเกริกเข้าอีก
ทีนี้ก็เลยไปกันใหญ่ กลายเป็นแฟชั่นบูชาพระราหูระบาดไปทั่ว เรื่องนี้แต่โบราณมา เมื่อมีสุริยคราส จันทรคราสคราใด เขาให้ตีเกราะเคาะไม้ไล่ เพราะเชื่อกันว่าราหูเป็นตัวซวย ตัวอัปมงคล ทำให้เกิดความมืดมัวชั่วร้าย ปรัชญานี้ยึดถือกันมานานแสนนาน แต่พอมายุคนี้ดันมีคนอุตริอวดรู้ให้คำแนะนำผิดๆ ชนิดคนละขั้ว กลับไปให้ต้อนรับซะนี่ จะด้วยรู้เท่าไม่ถึงการณ์หรือไรก็ตาม หลังจากพากันรับราหูกันสนั่นบ้านสนั่นเมืองแล้ว เศรษฐกิจก็เลยมีอันวิบัติพินาศสะบั้นลงตามมา (บางคนอาจว่าบังเอิญ) เพราะไปรับราหูเข้ามาเต็มๆ ทั้งๆ ที่เรื่องนี้ไม่เคยมีในพิธีโหราศาสตร์ และที่สำคัญกำลังราหูจริงๆ แล้ว เป็นเลข 12 เขาใช้กำลังดาว ไม่ใช่สัญลักษณ์ นี่เป็นเรื่องผลเสียอันเนื่องมากจากพิธีกรรมที่ทำกันอย่างไม่รู้จริง อันที่จริงการสะเดาะเคราะห์นั้นมีตั้งแต่ระดับรัฐไปถึงระดับตัวบุคคล ระดับรัฐนั้นเห็นง่ายๆ ก็คือ การตั้งเสาหลักเมืองใหม่ ในรัชกาลที่ 4 , การปรับปรุงภูมิทัสน์เสาพระหลักเมือง ตอนกรุงรัตนโกสินทร์ครบ 200 ปี, การเปลี่ยนชื่อประเทศพม่าเป็นเมียนมาร์ และเมื่อเร็วๆ นี้ ได้แก่ การจัดคอนเสริตรณรงค์ไม่สนับสนุนเทปผีซีดีเถื่อนที่สนามหลวง ซึ่งเป็นการแก้เคล็ดด้วยการเปลี่ยนการชุมนุมของประชาชนหลายๆ หมื่นในเรื่องการเมือง (ซึ่งชะตาเมืองช่วงนั้นบ่งว่าจะเกิดขึ้น) ให้เป็นบันเทิงแทนซะ สิ่งเหล่านี้เป็นอาถรรพ์ ซึ่งถือว่าเป็นตัวอย่างที่ดีแบบคลาสสิคของการสะเดาเคราะห์ระดับรัฐ
ส่วนระดับตัวบุคคลนั้น ถ้าเป็นพิธีกรรม ก็มักจะถูกแนะนำให้ต่ออายุ ปล่อยนก ปลา ทำบุญตามความศรัทธา อ้อนวอนขอพรกันไป แต่โหราศาสตร์ที่เป็นปรัชญาธรรมชาติจริงๆ นั้น กลับมีความเห็นแตกต่างออกไป แต่ละคนจะมีดาวร้ายในดาวที่ส่งผลให้ร้ายในเฉพาะบางช่วงเวลาเท่านั้น ไม่ใช่ขู่คนเกิดปีมะ แล้วหลอกขายธูปให้จุดบูชาสะเดาะเคราะห์ใหราคาแพงๆ หรือหมอเดาที่ฉวยโอกาสสร้างความหวาดผวาให้ลูกค้าว่ากำลังมีเคราะห์ (ทั้งๆ ที่ความจริงอาจไม่มี) แล้วแนะนำแกมขู่ให้สะเดาะเคราะห์ด้วย "ค่าครู" (จอมปลอม) จำนวนมากอย่างที่ได้ยินกันอยู่ทั่วไป
จึงสรุปได้ว่า อันเคราะห์นั้น สามารถสะเดาะได้จริง แต่ด้วยวิธีที่ถูกต้องตามหลักวิชาโหราศาสตร์ที่แท้จริง ขอให้ท่านที่มีเคราะห์(จริงๆ) พยายามทำใจให้กว้าง ตั้งสติให้ดี มีความระมัดระวังอย่าให้พลั้งพลาดไปโดนโหรเก๊หลอกสะเดาะเอาเงินในกระเป๋าตัวเองไปก็แล้วกัน โหรแท้ผู้รู้จริงนั้นมักมีคุณธรรม ไม่นิยมหากินบนความทุกข์ของผู้อื่น มีแต่แนะนำให้ทำบุญทำทาน สร้างกุศลด้วยวิธีง่ายๆ ไม่สิ้นเปลืองเงินมาก กับหาทางช่วยหาวิธี (ตามแนวโหราศาสตร์) ที่จะ "เบี่ยงเบน" หรือ "ผ่อนเบา" เคราะห์นั้นให้ผ่านพ้นหรืออ่อนกำลังลง...เท่านั้น