โหราศาสตร์กับพยากรณ์ศาสตร์มีข้อแตกต่างกันครับ

โหราศาสตร์มาจากคำภาษาอังกฤษว่า ASTROLOGY (ASTRO+LOGIC ซึ่งหมายถึงดาราศาสตร์ และปรัชญา) เมื่อรวมความแล้วจะหมายถึง การใช้หลักปรัชญาในการพยากรณ์อิทธิพลของดวงดาวตามหลักดาราศาสตร์ ซึ่งจะหมายถึงวิชาโหราศาสตร์ไทย โหราศาสตร์สากล โหราศาสตร์ยูเรเนียน แม้กระทั่งโหราศาสตร์จีนที่ใช้หลักทางดาราศาสตร์

พยากรณ์ศาสตร์ (FORTUNE TELLER) เป็นศาสตร์อื่นๆที่ไม่ใช้หลักดาราศาสตร์ในการพยากรณ์ แม้จะมีการเรียกชื่อดาวต่างๆแต่ก็ไม่ได้ใช้การโคจรของดวงดาวตามหลักดาราศาสตร์ เช่น ลายมือ แม้จะมีการเรียกเนินพุธ เนินจันทร์ แต่ก็ไม่ใช้อัตราการโครจรของดาว เช่น เลข 7 ตัว กราฟชีวิต โหงวเฮ้ง ฮวงจุ้ย และอื่นๆ

ศาสตร์ต่างๆมีที่มาต่างกันตามแต่ผู้คิดค้นหลักการนั้นๆ และแม้กระทั่ง โหราศาสตร์เองก็มีการแตกหน่อตามแต่สำนักโหราศาสตร์ต่างๆจะคิดต่อยอดทางวิชากัน แต่เดิมโหราศาสตร์ก็มีเพียง 1 เดียว แต่เมื่อมีการพัฒนากันไปเรื่อยๆ ก็แตกแขนงเป็น สายนะ และนิรายนะ และผู้สืบทอดรุ่นต่อๆมาก็พัฒนากันจนทุกวันนี้

หลักการทางศาสตร์ต่างๆนั้นทุกศาสตร์ก็มีดีของตัวเองทั้งสิ้น ไม่เช่นนั้นคงไม่สามารถยืนยงมาได้จนทุกวันนี้ และในอนาคตก็คิดว่าคงจะมีศาสตร์อื่นๆเกิดขึ้นได้อีก ส่วนจะได้รับความนิยมมากน้อยหรือไม่ เพียงใด ก็ขึ้นอยู่กับ การนำไปใช้ศึกษา การนำไปใช้ประโยชน์นั้นจะได้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจแค่ไหน หรือไม่

โหราศาสตร์ยูเรเนียนเน้นการพยากรณ์ในทางปรัชญามากกว่าความแม่นอย่างสะใจ การอ่านคำพยากรณ์ถูกต้องตามหลักวิชา แต่ผู้พยากรณ์อาจจะใช้คำแปลหรือความหมายที่ไม่ตรงใจ ก็อาจจะถูกทำให้เข้าใจว่าไม่แม่น เช่น พยากรณ์เรื่อง ดาวเสาร์ หากพยากรณ์ว่า เป็นหม้าย แต่เจ้าชะตาไม่ได้เป็นหม้ายแต่แต่งงานกับคนที่อายุมากกว่าหรือมีความทุกข์เมื่อแต่งงานแล้ว อย่างนี้เป็นต้น แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่สามารถพยากรณ์ได้ถูกต้องตรงใจ ซึ่งต้องขึ้นอยู่กับฝีมือ หรือประสบการณ์ของผู้พยากรณ์ว่ามีมากน้อยเพียงใด และที่สำคัญ เรื่องบางเรื่องก็ไม่ใช่เรื่องสมควรจะเอามาพูดในที่สาธารณะ เป็นมารยาทอันหนึ่งที่นักพยากรณ์พึงมี อาจารย์ประยูรเน้นอยู่เสมอว่า " ควรพูดเฉพาะสิ่งที่ดาวบอก แต่ไม่ต้องบอกทุกอย่างที่ดาวบอก" หมายความว่า อย่าสู่รู้ คิดเองโดยที่ในดวงชะตาไม่มีปัจจัยอะไรพูด "อย่างนั้น" ไม่มีหลักการที่ถูกต้องและเมื่อจะพยากรณ์อะไรก็ต้องคำนึงด้วยว่า มีประโยชน์หรือไม่ มีประโยชน์แก่ใคร ยิ่งถ้าเรื่องดวงเมืองด้วยแล้ว ต้องระวังให้มาก อย่าพยากรณ์เพียงเพื่อให้ตัวเองเด่นดัง แต่ประเทศเสียหาย หรือมีบุคคลที่สามเสียหาย

ผมว่าทุกคนก็คิดได้แบบ คห.3 ล่ะครับ  แต่มีสักกี่คนที่ทำได้ ... บางทีก็ถูกวิธีคิด...แต่ผิดวิธีทำ..มีถมไปครับ ..

แม่นสุด ก็ต้องนั่งสมาธิให้ได้ อภิญญานั่นแหละ แต่ถ้าทำได้ คงไม่มานั่งพยากรณ์อะไรให้ใครแล้ว

เลือกเอาระหว่าง

นักวิเคราะห์ & นักพยากรณ์

การวิเคราะห์ กับการพยากรณ์ คือความเหมือนที่แตกต่าง

ความเห็นส่วนตัวคิดว่า วิเคราะห์ เป็นแนวทางวิทยาศาสตร์ มากกว่า

หรือมีความเห็นต่างอย่างไร??

นั่นแน่!  ท่าน AMol มาแล้ว ผมนึกว่า มัวไปยกกระสอบทรายกั้นน้ำเข้าบ้านซะอีก  ..แล้วลืมเวปนี้ซะแล้ว....ผมว่าเรื่องข้อมูลในการ INPUT สำคัญนัก.. ทำอย่างไรให้รอบรู้ และทะลุลึก .. ไม่ว่าจะคิดเชิง  วิเคราะห์  เชิงสังเคราะห์  เชิงวิพากย์  เชิงเปรียบเทียบ  เชิงมโนทัศน์  เชิงสร้างสรรค์  เชิงประยุกย์  เชิงกลยุทธ  เชิงบูรณาการ  และเชิงอนาคต ..หรือเชิงอะไรต่อมิอะไร รวมทั้งเชิงปลากรายด้วย  สรุปแล้วนอกจากดูรอบแล้วควรดูฟ้าด้วย...จะได้ทุ่นทรัพยากรของชีวิต ไม่ให้เปลืองจนเกินไป...OUTPUT มันจะได้มี PROFIT เยอะๆไง..เอ๊ะหรือไม่จริง??

ขงเบ้งน่ะ..หลอกได้แต่พวก เบ้งเฮก กะจิวยี่ และโจโฉครับ ...พอไปเจอ พวกเขี้ยวๆอย่าง  ลกซุน  สุมาอี้  โจผี ก็แทบจะสิ้นเนื้อประดาตัวไปหลายรอบเหมือนกัน  ดีจริงเล่าปี่  อีไม่หลอกใช้จนชำรุดตายหรอก  แล้วสุดท้ายเขาก็ไม่เชื่อ  ตอนหลังอาเต้า หรือพระเจ้าเล่าเสี้ยน อีติงต๊อง เป็น ออทิสติค เลยชักใยอยู่ได้ บ้ารบแก้ตัว..จนประเทศสิ้นชาติ  แทนที่จะตั้งรับพัฒนาประเทศ  แต่ เอ! สงสัยพูดแบบนี้ คนเขาคงจะคิดว่า ผมนั้นท่าทางจะคบยากเพราะเขาว่า อ่านสามก๊ก 3 คบไม่ได้ ... เพราะผมอ่านมาเกิน

คนแต่งสามก๊กนี่สุดยอดนะครับ
ขนาดคนอ่านเรื่องเดียวกัน ยังเสวนากันได้มันหยดครับ

แฮะ ๆ ยังไม่หายจ๋อมไปกับสถานการณ์น้ำท่วมหรอกครับ คุณภารต

เพียงแต่น้ำท่วมใจ คือว่ามีเรื่องยุ่งยากใจซะมากกว่า ตามประสาคนผ่านวัยสะรุ่นมาหมาด ๆ

คนที่หายไป อาจารย์ OldMan ต่างหากไม่ทราบว่าไปใหน ตามแกะรอยไม่เจอ

ขอขยายความ คคห.ที่ 6 โดยยกคำแปลพจนานุกรม ฉบับบัณฑิตยสถานมาอ้างอิง

วิเคราะห์ ก.ใคร่ครวญ: แยกออกเป็นส่วน ๆ

พยากรณ์ ก.ทาย ทำนาย,คาดการณ์,ชื่อคัมภีร์โหราศาสตร์ว่าด้วยการทำนาย.

คงจะเป็นแนวทาง การใช้วิชาโหราศาสตร์ ในการวิเคราะห์ โดยเฉพาะโหราศาสตร์ยูเรเนียน ซึ่งเป็นที่รู้ ๆ กันว่า เป็นแนววิทยาศาสตร์

เรามาเป็นนักวิเคราะห์โหราศาสตร์ กันดีใหมครับ แยกแยะออกเป็นส่วน ๆ แสดงให้เห็นสิ่งที่จะเกิด หรือไม่ให้เกิด โอกาสจะพลาด แบบนักพยากรณ์ฟันธงน้อยมาก

เพียงเสนอความคิดเห็นส่วนตัวเท่านั้นนะครับ มิบังอาจติติงนักพยากรณ์ ไม่ว่ารุ่นใด

ดีสิครับ ท่าน AMol เพียงแต่ ในทางปฏิบัติ นักพยากรณ์ จะเจอ กระบวนทัพ ของ ข้อมูลการวิเคราะห์ที่ท่วมท้น เข้ามา เช่น จุดอิทธิพล มุมสัมพันธ์ ของแต่ละจุดตั้งรับ น่ะสิครับ มหาศาลเชียวโดยเฉพาะการพยากรณ์ ข้างหน้า  รักพี่เสียดายน้อง..อันนั้นก็ดี  อันนี้ก็ทิ้งไม่ได้ ก็เลย ออกอาการตีคลุมๆไป ไม่ทันใจลูกค้า  เรื่องแกะอดีต มาวิเคราะห์นั้นง่าย เพราะหวยออกแล้ว  มีกรอบให้หยิบ เอาอะไรมาอธิบาย ก็ถูกไปหมด  ... วิชานี้มันจึงเป็นมนต์ขลังแบบเสน่ห์อย่างหนึ่ง...ประเภทออกแล้วร้อง อ๋อ! ผมน่ะทั้งวิเคราะห์ สังเคราะห์ .. จนถูกเคราะห์ กระหน่ำย่ำยีมานักต่อนักแล้ว ..

อาจารย์ภารต ตอบได้ถึงใจ จริงๆครับ และก็ดีใจที่ได้พบคนที่ชอบอ่านสามก๊กเหมือนกัน ผมเข้ามาที่นี่บ่อยครับไม่ค่อยจะมาตอบหรอกครับเพราะผมไม่ได้ศึกษาโหราศาสตร์ แต่ก็สนใจ ด้านยูเรเนียนอยู่ แต่ยังไม่ได้มีโอกาสศึกษาเพราะอยู่ ตจว. ส่วนใหญ่ผมจะเข้ามาโพสถาม เข้ามาให้ตรวจดวงให้มากว่าครับมากกว่าครับ  หากได้มีโอกาสมาที่งานวันคล้ายวันเกิด ท่านปรมาจารย์ จรัล พิกุล จะขอคารวะสัก 3 จอก

ยินดีอย่างยิ่งครับ  กันเปย!! ขอคารวะ 3 จอกเช่นกัน

ขอแสดงความเห็นหน่อยนะครับ

   ผมมีความเห็นว่า ไม่ว่าจะแบบไหนดาวหลักก็ดาวแบบเดียวกันเป็นส่วนใหญ่ หนีไม่พ้น พฤหัส กะเสาร์ อาทิตย์ อังคาร ศุกร์ ศึกษามาหลายแบบเกิน  ก็ตีกันวุ่นวายนะครับ  เลือกหลักที่ตรงใจท่านมากที่สุดน่าจะดีกว่า เอาแบบที่เราๆท่านๆใช้ดูแล้ว คนดูเขาไม่หาว่าเราไม่แม่นซะเลยยยย ทีเดียวนี่ก็ไม่ไหว เอาแม่นบ้างแล้วไปหาทางเรียนรู้ต่อน่าจะได้ฝึกฝนจนเก่งซักวัน  แฮ่....เผื่อใครจะเอาไปเป็นพระประธานบ้าง ฮี่ๆๆๆๆๆๆๆ  ดีกว่าหลอกให้เขาไปไหว้ราหูกัน  เด๋วหาของดำไม่ได้จาเอาผมไปเซ่นซะอีก 

อ่านแล้วเหมือนกับว่า..ก็ต้องใช้ข้อมูลจากผู้มาดูประกอบใช่ไม๊คะ....ขึ้นอยู่กับบริบทเพื่อจะได้เลือกคำในการใช้ทำนายได้ถูกต้องมากขึ้น ถ้าอย่างนั้น..ประเภทที่บอกว่าไปดูดวงแล้วอย่าเล่าเนี่ย..ก็ไม่ได้น่ะสิคะ ใช่หรือป่าว?

ดูดวงมาแล้ว ..ต้องเล่าสิครับ  ต้องขยาย ว่าเขามีที่มาที่ไปในการทำนายอย่างไร ทนายยังต้องอ้างตัวบทกฎหมายเลย

นักพยากรณ์ที่ดีนั้นจะต้องอ่านดวงชะตาก่อนเพื่อทำความเข้าใจกับเจ้าของดวงชะตาว่ามีชะตาชีวิตแบบนี้ จึงต้องเจอกับสิ่งต่างๆในชีวิตแบบนี้ แล้วจึงพยากรณ์ตามหลักวิชา เห็นปัจจัยอะไรทำมุมสัมพันธ์กันอย่างไรก็อธิบายในสิ่งที่เป็นประโยชน์ คำว่าสิ่งที่เป็นประโยชน์แปลว่า ทั้งดี ไม่ดี เช่น จะรวย หรือจะเจ็บตัว เพื่อให้เจ้าชะตาได้เตรียมตัว ข้อมูลที่เจ้าชะตาบอกหรือบอกเล่ามานั้น เป็นเพียงสิ่งที่กระทบความรู้สึกของเจ้าชะตา ไม่ใช่สิ่งที่นักพยากรณ์จะนำมาใช้เป็นหลักในการพยากรณ์ อย่างเช่น การพยากรณ์ดวงเมืองก็จะต้องไม่เอาข่าวในหนังสือพิมพ์มาสรุปปนกับดวงเมือง จะกลายเป็นว่าเอาข่าวมาเล่าต่อ แย่งอาชพนักเล่าข่าวยามเช้าตามโทรทัศน์เปล่าๆ

เห็นด้วยกับท่านอาจารย์วิโรจน์ครับ สำหรับประเด็นนี้  นักโหราศาสตร์ต้องขวนขวายหาข้อมูล เห็นและพยากรณ์ตามดวงเท่านั้น  บอกไม่ใช่ใช้ อคติตามกระแสตลาด

ความคิดความเห็นที่แตกต่าง

ข่าวหนังสือพิมพ์ที่ปรากฎ ถ้าตรงกับสิ่งที่นักโหราศาสตร์ได้วิเคราะห์ ย่อมเป็นสิ่งยืนยัน ผลของการวิเคราะห์

การพิจารณาดวงเมือง ถ้าไม่มีคำตอบจากเหตุการณ์ ที่ปรากฎในรูปของข่าวสาร แล้วจะวิเคราะห์ไปทำไม

ข่าวสารทุกรูปแบบ ย่อมเป็นประโยชน์ สำหรับนักวิเคราะห์โหราศาสตร์

การพยากรณ์ดวงเมืองก็จะต้องไม่เอาข่าวในหนังสือพิมพ์มาสรุปปนกับดวงเมือง จะกลายเป็นว่าเอาข่าวมาเล่าต่อ แย่งอาชีพนักเล่าข่าวยามเช้าตามโทรทัศน์เปล่าๆ

ความหมายของผมก็คือ ในการพยากรณ์นั้นผมไม่เอาเหตุการณ์ที่เป็นข่าวในช่วงเวลานั้นมาใช้ปนในการอ่านคำพยากรณ์ แต่เมื่อได้พยากรณ์ไปแล้ว เมื่อมีเหตุการณ์เกิดขึ้นแล้วตรงหรือไม่ตรงกับคำพยากรณ์นั่นคือการตรวจสอบผลการพยากรณ์

หรืออย่างกรณีพยากรณ์ดวงชะตาของบุคคล บางครั้งสิ่งที่เจ้าชะตาถามนั้นไม่ปรากฎคำตอบได้ สิ่งที่เจ้าชะตาถามนั้น เป็นเพียงสิ่งที่ "อยากรู้" แต่เหตุการณ์ในชีวิตของเขาอาจจะยังไม่ใช่ช่วงเวลาที่จะปรากฏเหตุการณ์ตามที่ "อยากรู้" เช่น เจ้าชะตาถามว่า จะได้เลื่อนตำแหน่งหรือไม่ เพราะเจ้าชะตา "รู้สึก" เองว่าเขาอยากได้ตำแหน่งและได้วิ่งเต้น ใช้เส้นสายกับเจ้านาย และเจ้านายรับปากแล้วว่าจะได้ตำแหน่ง แต่ปรากฏว่าดวงชะตาของเขาในปีนั้น ไม่มีปัจจัยที่บอกถึงการได้เลื่อนตำแหน่ง และผลก็คือเขาไม่ได้ตำแหน่งตามที่ "อยากได้"

ขอถามเป็นความรู้ค่ะ..ไม่มีความรู้ด้านโหราศาสตร์แต่ชอบดูดวงค่ะ

ผู้ทำนายจำเป็นต้องรู้ข้อมูลของผู้รับคำทำนายขนาดไหนคะ..เหมือนตัวอย่างเช่น ที่กระทู้ข้างบนยกมาว่าคนทำนายอาจบอกว่าเป็นหม้ายแต่จริงๆ แล้วไม่ใช่ได้แต่งงานกับคนอายุเยอะกว่า..

คือในมุมมองของผู้ไปดูดวงที่ไม่มีความรู้ทางโหราศาสตร์อย่างดิฉันมักคิดว่าถ้าแม่นจริงต้องไม่รู้อะไรเลยแต่ให้ทายมาเลย..ต้องไม่ถาม ถ้าประเภทถามเยอะก็จะรู้สึกว่า..ก็มาถามเราแล้วก็เดาเอาตามหลักจิตวิทยารึป่าวน่ะค่ะ บางทีก็จะมีการทดสอบนะคะ เพื่อนบางคนบอกว่าก็โกหกไป..จะได้รู้ว่ารู้จริงหรือไม่รู้จริง

ขอโทษนะคะ..ไม่ได้ตั้งใจจะลบหลู่อะไร เพียงแต่อ่านกระทู้นี้แล้วเลยรู้สึกว่าจริงๆ แล้วเราเองก็ต้องให้ข้อมูลแก่ผู้ทำนายมากที่สุดเหมือนกันเพื่อให้เค้าเลือกคำทำนายได้ถูกต้อง เข้าใจถูกหรือเปล่าคะ

โอวว..font ใหญ่ทีเดียว ..ลองเปลี่ยนขนาดดูไม่นึกว่าจะใหญ่ขนาดนี้ เด่นเชียวค่ะ 555

ตอบกระทู้ 25

"ผู้ทำนายจำเป็นต้องรู้ข้อมูลของผู้รับคำทำนายขนาดไหนคะ.."

ในกรณีที่เจ้าของดวงชะตามีวันเกิด และเวลาเกิดที่แน่นอน ก็ไม่จำเป็นต้องถามอะไรเลย โดยหลักการแล้ว นักพยากรณ์จะต้องอ่านดวงชะตาพื้นดวงว่า เจ้าของดวงชะตามีลักษณะ อย่างไรบ้าง มีแนวทางชีวิตอย่างไรบ้าง ซึ่งเท่าที่ประสบมา บางคนก็พูดคุยโต้ตอบ ซักถาม บางคนใช้วิธีนิ่งเพื่อทดสอบดูว่า นักพยากรณ์จะทำยังไงต่อ

การให้ข้อมูลนั้นเพื่อการปรับทิศทางให้ตรงกัน เพราะการพยากรณ์ในแนวปรัชญานั้น ผู้ที่รับฟัง จะรู้สึกว่า คำพยากรณ์ "เฉียดๆ" ไม่โดนใจ ยกเว้นว่า การอธิบายปรัชญาแล้วตรงใจพอดีก็จะถือว่าแม่น

"เหมือนตัวอย่างเช่น ที่กระทู้ข้างบนยกมาว่าคนทำนายอาจบอกว่าเป็นหม้ายแต่จริงๆ แล้วไม่ใช่ได้แต่งงานกับคนอายุเยอะกว่า.."

ในพื้นฐานนั้น เบื้องต้นเรามักพยากรณ์ในลักษณะที่กว้างๆ เพราะดวงชะตาบางดวงก็เห็นชัดเจนว่า เป็นหม้าย แต่บางดวงชะตาอาจจะไม่ชัดเท่าใดนัก แต่ส่วนใหญ่แล้วค่อนข้างใกล้เคียง

"คือในมุมมองของผู้ไปดูดวงที่ไม่มีความรู้ทางโหราศาสตร์อย่างดิฉันมักคิดว่าถ้าแม่นจริงต้องไม่รู้อะไรเลยแต่ให้ทายมาเลย..ต้องไม่ถาม ถ้าประเภทถามเยอะก็จะรู้สึกว่า..ก็มาถามเราแล้วก็เดาเอาตามหลักจิตวิทยารึป่าวน่ะค่ะ บางทีก็จะมีการทดสอบนะคะ เพื่อนบางคนบอกว่าก็โกหกไป..จะได้รู้ว่ารู้จริงหรือไม่รู้จริง"

เรื่องอย่างนี้อธิบายยาก เพราะหมอดูบางคนก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ คือถามเรื่องราวต่างๆแล้วเอาประเด็นมาทาย  แต่ถ้าเป็นนักโหราศาสตร์ที่มีความรู้จริง การซักถามบางสิ่งก็เพื่อยืนยันคำพยารกรณ์ให้มีน้ำหนักน่าเชื่อถือ เช่น (ปัจจุบันเจ้าชะตาอายุ 40 ปี)อาจจะพยากรณ์ว่า เจ้าชะตากำลังจะย้ายที่อยู่ นักพยากรณ์อาจจะถามว่า เมื่ออายุครึ่งหนึ่ง คือ 20 ปี มีการย้ายที่อยู่หรือไม่ ถ้าได้คำตอบว่าเคย ก็จะยืนยันในการพยากรณ์ว่ามีการย้ายที่อยู่แน่นอน แต่ถ้าบอกว่าไม่มีการย้าย คำถามก็อาจจะเปลี่ยนไปเป็นว่า แล้วในปีที่อายุ 20 มีบุคคลเพศหญิงในครอบครัวออกจากบ้าน หรือมีการพลัดพรากหรือไม่ อย่างนี้เป็นต้น การสอบถามลักษณะนี้เป็นการถามเพื่อยืนยันในการพยากรณ์ ไม่ใช่ถามเพื่อนำข้อมูลมาใช้พยากรณ์ แต่ถ้าหมอดูให้เล่าเรื่องต่างๆในชีวิต หรือเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น แล้วหมอดูวิเคราะห์เหตุการณ์ตามความรู้สึก นั่นแสดงว่า หมอดูคนนนั้น เป็นอย่างที่คุณว่าแหล่ะครับ

"ขอโทษนะคะ..ไม่ได้ตั้งใจจะลบหลู่อะไร เพียงแต่อ่านกระทู้นี้แล้วเลยรู้สึกว่าจริงๆ แล้วเราเองก็ต้องให้ข้อมูลแก่ผู้ทำนายมากที่สุดเหมือนกันเพื่อให้เค้าเลือกคำทำนายได้ถูกต้อง เข้าใจถูกหรือเปล่าคะ"

การให้ข้อมูลแก่นักพยากรณ์ควรให้เท่าที่จำเป็น ดังที่ตอบข้างบนครับ ควรให้ข้อมูลเพื่อการตรวจสอบคำพยากรณ์ ไม่จำเป็นให้ข้อมูลละเอียดมากนัก 

ไม่ทราบว่าผมตอบตรงคำถามหรือไม่ครับ

ตรงคำถามค่ะ..เข้าใจชัดเจน ขอบพระคุณเป็นอย่างสูงค่ะ

ดูหลอกวิธีดูหมอดูที่ถูก และจะทราบทันทีว่าอาจารย์ท่านเก่งจริง หรือพึ่งหัดดู และประเภทที่ยังย่อยความรู้อยู่พวกนี้รู้มาก แต่ยังไม่เข้าใจว่าขาดประสบการณ์    สิ่งแรกที่คุณควรทำ คือ พาร่างน้อยๆของคุณไปด้วยแสดงถึงความตั้งใจที่ไปรับคำปรึกษา  ขอความเห็น  อาจารย์จะได้รู้ว่าคุณตั้งใจมาดูดวง หรือลองภูมิ  2. บอกเวลาเกิด วัน เดือน ปี สถานที่เกิด    บอกสภาพการสมรส หรือโสด   ถ้าคุณบอกเวลาเกิด ไม่แน่นอน  บางท่านจะไม่ดูให้เลย  เพราะเสียเวลา และเสียชื่อได้  บางท่านกรุณาจะซักละเอียดมากในเรื่องอดีต  3. คุณรอไม่เกิน 5 นาที หลักจากผูกดวงเสร็จ  ท่านจะออกคำพยากรณ์ให้  ถ้าผิดก็รีบบอกว่าผิดทันที  ท่านจะออกคำพยากรณ์ อีกไม่เกิน 3 ข้อ  ถ้าผิดหมด  แล้วขึ้นมองหน้าคุณ  ตอนนี้ละสำคัญ  คุณต้องแสดงความบริสุทธิ์ใจ  หนูขอโทษคะ  มันผิดจริงๆคะ เท่านั้น  อาจารย์จะหยุดคิดว่า  ***จะถูกลองภูมิ หรือเปล่า  บางทีท่านกรุณาคุณอาจเช็คดวงใหม่ว่า  ท่านผูกดวงผิด หรือเปล่า  หรือผิดพลาดจากคุณ  เริ่มถามเวลาเกิดใหม่  4. อาจารย์ที่เก่ง  จะไม่ทายเรื่องอดีต  แต่ทายเรื่องที่เกิดในสถานการณ์ปัจจุบันเท่านั้นจะต้องถูกเกือบ  80  เปอร์เซ็นต์   ท่านจะถามว่าคุณทำอาชีพอะไร  ให้คุณบอกลักษณะอาชีพให้ละเอียด  เพราะท่านกำลังวิเคราะห์สภาพชีวิตจะหนัก จะเบา ก็ตรงนี้   เป็นเคล็ดลับของปรมาจารย์แก้ไขชีวิตให้คุณ  ว่าทำไรจึงจะได้เงิน  และคุณจะรวยเมื่อไรก็ตรงนี้  จะเจ๊งเมื่อไร  จะมีได้เท่าไร  เป็นส่วนหนึ่งของการแก้กรรม  ที่อาจารย์ปิดกัน   เท่านี้คุณก็พอดูออกแล้วว่าอาจารย์คนนี้ระดับใด  5. พบประเภทพูดเป็นภาษาโหรจนงง  ให้รีบจ่ายค่าดู เพราะคุณต้องเสียเงินมาเรียนยิ่งปวดมาก       สุดท้ายนี้  ต้องขอโทษทางเว็ป  ที่ต้องเข้ามาอีก เพราะการให้คนดูดวงเข้าใจ  จึงการดูดวง  และเตรียมตัวอย่างไรในการดู   สำคัญที่สุดจะไม่ถูกหมอดูหลอก

ขอบคุณครับ