ในระบบยูเรเนียนมีการใช้จานคำนวนหลายแบบซึ่งสร้างจากการแบ่งหาร 360 องศา เป็นพหุคูณของ 8 หรือ 16 หรือ 32 อันได้แก่ จาน 90 ,45.22.30,7.30 และ3.15...ถ้าเข้าใจเรื่องปรัชญาการใช้จานคำนวณและโดยเฉพาะจานตำนวณ 2 ชั้นแล้ว ปัญหาที่คุณถามมานี้จะเข้าใจได้ทันที และจะรู้ลึกและพิศดารไปอีกมากนักครับ

  คือเรื่องนี้เขาคิดกันมาก่อนนานมากแล้วครับ อย่าว่าแต่แค่ 2 จุดเลย ถึงขั้นจุดอิทธิพลกับศูนย์รังสี หรือจุดอิทธิพลเป็นศูนย์รังสีกับจุดอิทธิพลด้วยกันก็ได้

   อีกประการหนึ่งที่สำคัญก็คือ การใช้จานคำนวณ 2 ชั้นนั้น ทำให้มองเห็นภาพการเข้าทำมุมพร้อมกันของศูนย์รังสี และจุดอิทธิพล ที่มีผลต่อเจ้าชะตาทั้งทางตรงและทางอ้อม ทั้งเรื่องที่เกิดขึ้นและเรื่องที่ประสงค์ ครอบคลุมเป็นกระบวนทัศน์ที่สมบูรณ์แบบและปัจจุบันมีการใช้จานคำนวณ 3 ชั้นด้วยซ้ำทำให้การกำหนดวันเวลาที่จะการเกิดเหตุการณ์ยิ่งแม่นยำขึ้นไปใหญ๋โดยใช้คำนวณร่วมกับโปรแกรมคอมพิวเตอร์ดีๆระดับโลก

   ครับคือผมนั้นก็ใช้ program อยู่อะครับ คือพอกด function ศูนย์รังสี มันจะมีแขน 2 แขนให้เราไล่ดูได้ว่า มีดาวไหนที่เป็นศูนย์รังสีกันกับแกนเดิมบ้าง

   ทีนี้ปัญหาคือ พอผมทำแบบนี้แล้วมันเหมือนกับว่า ใน 1 ดวงเจอทั้งเรื่องร้ายและเรื่องดี เช่น

  ผมดูศุกร์แล้วออกมาเป้น มีโชค แต่พอดูศูนย์รังสีแล้ว มันกลับบอกอับโชค ผมเองก็งงว่าจะทาไงดี

    ดังนั้นผมเลยไปถามอาจารย์ (ผมเรียนกับอาจารย์ เดชา อยู่ครับ) เขาบอกว่า มุมของศูนย์รังสี ( จาก | เราก็เอนไป 45 องศา / แล้วค่อยกดหาศูนย์รังสี) ทีนี้อาจารย์บอกว่า ถ้ากวาดหาทั้ง 360 องศานั้น คงไม่มีจบ อาจารย์บอกแค่ว่า ให้หาแค่ 2 ดวงแรกที่กวาดได้พอ ไม่ต้องหาหมด ซึ่งผม งง อะครับ

  ในทางปรัชญาโหราศาสตร์บริสุทธิ์นั้น...เขาถือตามบุคคลาธิฐานว่า พระพรหมท่านเป็นกลางครับ..ท่านไม่แบ่งแยกดี/ร้าย ...หรือเข้าข้างเจ้าชะตาว่าชอบ/ไม่ชอบ อย่างไร เพราะท่านเที่ยงธรรม

  การที่จะวัดว่า ดาวศุกร์ของเราดีหรือไม่ดีนั้น น่าจะมีวิธีการดังนี้คือ เปรียบเหมือนเส้นทางหรือถนนเส้นหนึ่ง  ซึ่งมีความยาวและมีหมุดหลักกิโลเมตรเรียงต่อกันไปตลอดทั้งเส้นทีละหนึ่งกิโล  ถ้าคุณรู้จักวิธีเรียงองศาของศูนย์รังสีดาวให้เหมือนกับหลักกิโลเมตร  คุณก็จะรู้ว่าเมื่อไหร่จะดีและเมื่อไหร่จะร้าย เพราะมันจะเข้ามาทีละจังหวะทีละเรื่อง ทั้งๆที่เป็นดาวศุกร์เหมือนกัน  อีกทั้งยังสามารถแยกแยะต่อไปอีกว่า ที่ว่าดีนั้นดีอย่างไร และร้ายนั้นร้ายอย่างไร ...อันนี้เป็นพื้นฐานโหราศาสตร์ที่จะต้องเรียนในห้องเรียนอยู่แล้วนี่ครับ

สาธุ  สาธุ  สาธุ..

  สมัยผมเริ่มรู้จักยูเรเนียนใหม่ๆ ผมอ่านจากหนังสือ 2 เล่มคือ สูตรพระเคราะห์สนธิ กับ โหราศาสตร์ยูเรเนียนเรียนด้วยตนเอง ที่ใช้จาน 90 องศา และมาอ่าน Direct Detective ของ Maria Kay simms ในอีกสองปีถัดมา โดย 2 เล่มแรกไปซื้อที่บ้านท่านปรมาจารย์พลตรีประยูร ที่นนทบุรี พร้อมโปรแกรมหลายอย่าง และไปซื้อ ปูมดาวทรานเนปจูน ที่ รร.แถวสภาวิจัย ม.เกษตร ก็นับว่าหลายปีอยู่...แต่ทั้งหมดนี้ไม่ได้เข้าเรียนโดยตรง ..ก็คิดเอาเองว่าเข้าใจยูเรเนียน..เริ่มอ่านบทความอะไรต่อมิอะไรเข้าใจ และก็ใช้พยากรณ์ได้ พอช่วงเศรษฐกิจของตนเองเริ่มดีขึ้นก็แสวงหาตำรับตำราทางด้านนี้ เพราะสมัยนั้นคอมพิวเตอร์และตำรารวมทั้งโปรแกรมมีราคาแพงมาก เฉพาะเครื่อง 386 จอสี ก็ร่วม 6 หมื่นเข้าไปแล้ว  ..ก่อนหน้านั้นเครื่องแอปเบิ้ล ทูพลัส ก็ใช้ของบริษัท พอมาไอบีเอ็มคอมแพทเทเบิ้ล หรือพีซี 8 บิท ก็ยังแพงมาก ตอนนั้นใช้โปรแกรมเวิร์ดจุฬา ฟอร์นแบบวรรณึก ...เติบโตมาเป็นเครื่อง 486 และโปรแกรมเวอร์โก้ 4 และ รุ่น 5000 จุดของท่านอาจารย์โรจน์ จินตมาส และของท่านอาจารย์มานิตย์ ธีรเวชชโรกุล และอ่านตำราท่านอาจารย์ผดุง  ผึ่งประเสริฐและท่านปรมาจารย์จรัญ  พิกุล ก็ว่าเอาเองว่าพอใช้ได้ หลายๆเรื่องก็ทายได้แบบโอเคใช่เลย  แต่ที่หลุดกรอบออกไปก็มี ตอนนั้นคิดว่าเราคงพลาดเอง และคิดว่าคงจบแล้ว เพราะระยะหลังๆก็วนกันอยู่อย่างนี้ ต่อมามีโปรแกรมโนว่า ออกมา และโซล่าร์ฟาย 4 ก็เริ่มมาจับเรื่องโหราสากลซึ่งยังใช้แยกกันกับยูเรเนียน ซึ่งยังเข้าใจว่าเป็นส่วนๆเอามยันกันเท่านั้น และกลับไปย้อนเรียนจาน 2 ชั้นกับตำราของ ดร.พิชิต ลิขิตกิจสมบูรณ์ อ่านไปอ่านมาก็คิดว่าเข้าใจ ยังคิดเอาเองอีกว่า ตูข้าก็แน่...แต่เราก็รู้เองล่ะว่า..ยังมีหลุดมีพลาดมีรั่วทั้งๆที่ทำมาอย่างดีแล้ว..เคยไปถามท่านปรมาจารย์จรัญ  พิกุลถามโน่นถามนี่ท่าน ตอนนั้นท่านก็ชรามากแล้วเกรงใจ ท่านก็บอกว่า อยู่เชียงใหม่ให้ไปถาม คุณวรเชษฐ์  ตียเกษม สิ ซึ่งผมก็พยายามติดต่อหลายครั้งไม่สำเร็จ ดวงมันคงยังไม่เปิด ก็เลยคลาดกันไปร่วม 3 ปี ทั้งๆที่ก็อยู่แถวนั้นนั่นแหล่ะ ต่อมาบังเอิญโชคดีเจอ สอบถามท่านๆก็เมตตาให้คำแนะนำหลายต่อหลายอย่างและเมตตารับผมเป็นศิษย์ ซึ่งเป็นศิษย์ขนิดลองอาจารย์ชนิดไล่อย่างไรก็ไม่จนซะที แม้กระทั่งปัจจุบันก็เถอะ อะไรที่ผมรู้คิดและค้นศึกษามาชนิดที่ว่าว่าลี้ลับพิศดารแล้ว ไปเจอชั้นเชิงที่เหนือกว่าก็ต้องน้อมยอมรับทุกทีไป จึงรู้ว่าการที่จะจับชนวิชาโหราศาสตร์สากลกับยูเรเนียนทำได้อย่างไรให้กลมกลืน และอะไรที่โหรายูเรเนียนยังขาดไปซึ่งรอยต่อนี้ยิ่งมายิ่งเยอะและไม่เคยเจอในตำราใดๆมาก่อน  จะว่าเป็นเคล็ดลับก็ไม่ได้แต่ถือเป็นการต่อยอดทางศาสตร์นี้มากกว่า และมีอีกมากที่จะต่อไปได้อีก

   เรื่อง Direct และ Indirect Midpoint นี่ก็เหมือนกัน สามารถที่จะพัฒนาบีบลงไปได้อีก ว่าตัวไหนกระทบจริงตัวไหนกระทบปลอม บางทีไม่ออกทางไดเลค (ตรง)ก็ไปออกทางอินไดเลค (อ้อม) ซึ่งในความเป็นจริง ตัวอ้อมไม่น่าจะแรงก็กลับแรงกว่า ซึ่งเรื่องนี้มันก็มีหลักเกณฑ์ที่แน่นอนตายตัว อย่าว่าแต่ ศูนย์รังสีอ้อมหรือตรงเลย แม้แต่จุดอิทธิพล( 3 จุด) ชุด 4 จุด หรือเป็นพวงดาว ตัวไหนมาตัวไหนแรงๆอย่างไรก็รู้ ซึ่งก็คือวิธีการใช้จาน 2 ชั้นขั้นพิศดารนี่แหละ

 ครับใช่เลยครับ ผมกำลังถามเรื่องที่คุณ Pallas เข้าใจนั้นแหละครับ  เพราะว่าผมดูแล้วว่า ถ้าเป็นแบบนั้นคือ สามารถ indirect midpoint ได้ จุดอิทธิพลของผมก็มีโอกาสโดนุดเจ้าชะตา (ไม่ว่าจะเป็นมุมสัมพัน หรือศูนย์รังสี มุมศูนรังสี )  อย่างงี้ผมเองก็โดนจุด อิทธิพลของจุดอิทธิพลหลายชนิดซิครับ?

ควรระมัดระวัง วังวนลึกแห่งโหราในประเด็นนี้เรื่องสูตรยัดดาว...โดยควรจะต้องตอบปัญหาประเด็นนี้ให้ได้ว่า รู้เรื่องนี้แล้วสามารถนำมาใช้การอะไรได้ต่อไป

อาจารย์ประยูรเคยเขียนไว้ใน "คู่มือการพยากรณ์ดวงชะตาเอง" ไว้ว่า

"ในกรณีมีปัจจัยหลายปัจจัยอยู่ตรงขีดที่หมายไว้นั้น การแปลจะต้องแยกแปลทีละปัจจัย ซึ่งอาจมีทั้งเรื่องดีและเรื่องร้ายผสมกันไปก็ได้ ซึ่งเจ้าชะตาจะประสบทั้งกรรมดีและกรรมร้ายตามคำพยากรณ์เหล่านั้นทุกประการ ไม่มีการหักกลบลบล้างกัน ..

ตัวอย่าง Ar = Mc/Ve = Mc/Sa = Mc/Ne เปิดดูคำแปลในสูตรพระเคราะห์สนธิแบบย่อ ทีละชุดๆดังต่อไปนี้
(1) Mc/Ve = Ar ได้ว่า "ความน่ารักใคร่ การได้รับความนิยมโดยทั่วไป ประชาชนโดยทั่วไปให้ความรักอย่างมากมาย
(2) Mc/Sa = Ar ได้ว่า "มีทุกข์หลายเรื่อง ถูกตัดหางปล่อยวัด"
(3) Mc/Ne = Ar ได้ว่า "ชอบทำให้เกิดการเข้าใจผิด หลอกลวงบุคคลทั้งหลายหรือทำให้บุคคลทั้งหลายเข้าใจผิดหรือเกิดความคลุมเครือ
เจ้าชะตาจะประสบโชคชะตาตามคำพยากรณ์ทั้ง (1) (2) และ (3) อย่างครบถ้วน ซึ่งท่านอาจเอาคำพยากรณ์เหล่านี้มาต่อกันให้เป็นคำพยากรณ์ประโยคยาวๆดูบ้าง ก็อาจกระทำได้ ดังนี้คือ
"เจ้าชะตา เป็นบุคคลที่น่ารักใคร่ เป็นบุคคลที่ได้รับความนิยมโดยทั่วไป ประชาชนโดยทั่วไปให้ความรักอย่างมากมาย แต่เป็นบุคคลที่มีความทุกข์หลายเรื่อง จะถูกตัดหางปล่อยวัด ชอบทำให้เกิดการเข้าใจผิด หลอกลวงเขา หรือทำให้บุคคลทั้งหลายเข้าใจผิด หรือเกิดความคลุมเครือ"
หากท่านมีความรู้ทางการประพันธ์ ท่านก็อาจประดิษฐ์คำพูดให้สวยงามอย่างไรก็ได้ แต่ต้องมีความหมายอยู่ในขอบเขตของคำพยากรณ์เหล่านี้"

หวังว่าตัวอย่างที่ยกมาน่าจะเป็นแนวทางให้คุณ A^^ ได้บ้างนะครับ

อย่างไรก็ตาม การตะลุยอ่านกองทัพพระเคราะห์สนธิไม่ใช่เรื่องสนุกสำหรับผมเท่าไหร่ครับ ผมจึงไม่นิยมอ่านพื้นดวงจากพระเคราะห์สนธิก่อน แต่จะเริ่มจากภาพดวงทั้งภาพก่อน และเน้นปัจจัยโดดก่อนศูนย์รังสี จะใช้ศูนย์รังสีหรือพระเคราะห์สนธิต่อเมื่อมีเรื่องที่ต้องการเจาะลึก

ไหนๆคุณ A^^ ก็เรียนจากอาจารย์อยู่แล้ว ผมว่าค่อยๆเรียนตามลำดับที่อาจารย์ท่านสอนดีกว่าครับ ส่วนที่คุณงงกับคำตอบของอาจารย์นั้น ผมอ่านดูแล้ว คิดว่า คุณอาจจะตั้งคำถามไม่ชัดเจนมากกว่าครับ ลองกลับไปถามอาจารย์ตัวต่อตัวจะได้คำตอบชัดกว่าครับ การตอบคำถามเรื่องศูนย์รังสีหรือพระเคราะห์สนธิผ่านเว็บบอร์ดให้เข้าใจไม่ง่ายเลยครับ เพราะไม่เห็นภาพเคลื่อนไหว ใจเย็นๆนะครับ ค่อยๆฝึกฝนเรียนรู้ไป เดี๋ยวก็เชี่ยวชาญเอง

อ่านกระทู้นี้แล้วทำให้คิดว่า ผมน่าจะให้ความคิดเห็นบางประการเกี่ยวกับ "โหราศาสตร์" ประการสำคัญ เรายังติดยึดกับคำว่า โหราศาสตร์สากล และโหราศาสตร์ยูเรเนียน จึงทำให้การจะตอบหรือไขปัญหา ทำให้เหมือนมีเส้นแบ่งพรมแดนระหว่างกัน อยากนำคำพุดของอาจารย์ประยูรมาเสนอดังนี้ "โหราศาสตร์นั้นไม่มีแบ่งหรอกว่าเป็นอะไร หากเราสามารถรู้ เรียนรู้วิธีการต่างๆ แล้วนำมาใช้ให้ถูกวิธี" อาจารย์ประยูรเองมีความปรารถนาที่จะไม่เรียกยูเรเนียน หรืออะไรทั้งสิ้น อยากจะเรียกโหราศาสตร์ เฉยๆด้วยซ้ำไป เพราะจะทำให้เส้นแบ่งพรมแดนหายไป การเรียนโหราศาสตร์ เราเรียนพื้นฐานมาแล้ว เราเรียนรู้วิธีการต่างๆ ซึ่งเป็น "เครื่องมือ" ช่วยให้เรานำมาใช้อ่าน หรือพยากรณืดวงชะตา อาจารย์ประยูรท่านเป็นนายทหาร ท่านมักเปรียบการเรียนรู้วิธีการต่างๆเหมือนทหารที่ต้องเรียนรู้การใช้อาวุธหลายชนิด เพื่อให้เราสามารถนำมาใช้ให้ถูกจังหวะ และความจำเป็น แต่เบื้องต้นต้องไม่ลืมพื้นฐาน การใช้โหราศาสตร์ก็เช่นกัน หลายๆคนมักแบ่งว่า หากเป็นยูเรเนียนแล้วต้องเริ่มต้นด้วย การหาสมการพระเคราะห์สนธิ ซึ่งบอกได้เลยว่า "ผิด" พื้นฐานของการอ่านดวงชะตานั้นจะต้องเริ่มต้นด้วยการอ่าน ดาวในราศี ดาวในเรือนชะตา ความสัมพันธ์ต่างๆระหว่างดาวในดวงชะตา ผมเองใช้พระเคราะห์สนธิน้อยมาก  ใช้เมื่อจำเป็นต้องการหาจุดพิเศษเฉพาะเจาะจง ไม่ใช้แบบพร่ำเพรื่อ และประการสำคัญหลายคนใช้พระเคราะห์สนธิไม่เป็น ไม่ครบถ้วน หลายคนไม่เคยใช้หลักปรัชญา ไม่เคยใช้หลักการอุปมาอุปมัย ไม่เคยใช้ปรัชญาสำคัญที่อาจารย์ประยูรพร่ำสอน หลายคนดัดแปลงและไปสร้างกลไกเพื่อประโยชน์ของตนเองโดยทำให้เสน่ห์ของโหราศาสตร์ลดน้อยถอยไป "เครื่องมือ" และ "หลักการ" ที่ดีๆ ไม่ได้ถูกนำมาใช้ หลายคนละเลย อาจจะละเลยเพราะความไม่รู้ หรือไม่เอาใจใส่ หรือยังไม่เข้าใจเพียงพอจึงไม่กล้าที่จะนำมาใ นำมาสอนต่อ

ปัญหาหลายปัญหาตามเวบบอร์ด นักศึกษาไม่ว่าสมัยไหนก็เหมือนกัน คือ "ใจร้อน" อยากรู้ในสิ่งที่ยังไม่ควรรู้แต่คิดว่าน่าจะรู้ ขาดความอดทน "รอ" ไม่สามารถรอให้ถึงบทเรียน ยิ่งสมัยนี้มีการใช้อินเตอร์เนท ก้เลยทำให้มีช่องทางแสวงหาความรู้เพิ่มขึ้น จากที่แต่เดิมนั้นต้องรอจากอาจารย์ท่านเดียว วันนี้คนเรียนสามารถเลือกเรียนได้จากแหล่งต่างๆ แม้กระทั่งเรียนโดยไม่ต้องมีอาจารย์เป็นตัวเป็นตนก็มี

การเรียนโหราศาสตร์เพื่อให้ได้ความรู้นั้น การหมั่นฝึกฝนทำแบบฝึกหัด เป็นเรื่องที่ดี และสมควรกระทำเป็นอย่างยิ่ง และที่สำคัญกว่านั้นก็คือการทำแบบฝึกหัดด้วยความรู้ของตนเอง เพื่อเป็นการตรวจสอบตนเองว่า สิ่งที่อาจารย์สอนมานั้น เราสามารถรับรู้ได้แค่ไหน เรามีความเข้าใจแค่ไหน เพียงใด และอะไรบ้าง การมาแสวงหาคำตอบด้วยการสอบถามตามเวบนั้นก็เปรียบเสมือนการที่เด็กนักเรียนลอกการบ้านส่งครู เพราะการลอกไปนั้นก็เพื่อให้ได้ส่งการบ้าน แต่ไม่รู้หรอกว่าผิดหรือถูก เราลืมไปแล้วที่มีสุภาษิตที่ว่า "ผิดเป็นครู" นักเรียนหลายคนยอมลอกการบ้านเพราะไม่ต้องการทำการบ้านผิดแล้วจะต้องมาแก้ไขครั้งใหม่ สมัยก่อน เวลาทำการบ้านผิด ครูจะให้นักเรียนแก้ข้อที่ผิดอย่างน้อยก็ 5 เที่ยว เพื่ออะไร ก็เพื่อให้จดจำ คนสมัยก่อนจึงมีความรู้แน่นกว่าคนรุ่นใหม่ที่ สมัยนี้ นักเรียนทำการบ้านผิดก็เอาน้ำยาลบคำผิดมาลบที่ผิดแล้วแก้ให้ถูก แล้วก็ไม่เคยจำได้ว่าเคยผิด พอสอบก็ผิดอีก

ทั้งหมดที่เขียนมานี้ไม่ได้มีเจตนาจะล่วงเกินผู้ใดทั้งสิ้น เพียงแต่อยากฝากข้อคิดเอาไว้ หวังว่าคงไม่ทำให้รำคาญกันนะครับ

ไม่รำคาญหรอกครับท่านอาจารย์วิโรจน์  ยินดีและเป็นเกียรติซะด้วยซ้ำ เพียงแต่ว่าผมเป็นคนอยู่วงนอก ก็เอาประสบการณ์จากคนที่อยู่วงนอกที่ศึกษาด้วยตนเองมาเล่าให้ฟัง ว่าข้างนอกน่ะ เขาคิดแบ่งกันอย่างนี้จริงๆนะครับ  และสมัยก่อนเมื่อไม่นานมานี้สัก 20 กว่าปีนี้เอง ( ใช้สำนวนถูกรึเปล่า?)โหราศาสตร์สากลนี่น่ะหายไปเลย จนเดี๋ยวนี้ไม่มีใครพูดถึงโปรเกรส พลาซิดุส โซล่าร์รีเทิร์น ลูน่าร์เฟส เทอร์เทียรี่  ไมเนอร์ เดคคลิเนชั่น คอมไบน์ ราฟาเอล ไม่มีแล้วครับหายไปหมดเลยครับ แม้กระทั่งในนิตยสารโหราศาสตร์ชั้นนำต่างๆในเมืองไทย  เช่นโหราเวสม์ หรือพยากรณ์สาร มีแต่ทายอีแปะผูกแบบปฏิทินสากล รู้สึกว่าหลังมรณกรรมของท่านเจ้าคุณบริรักษ์เวชชการ นายกสมาคมโหร และ ท่านพันเอกจง แปลกบรรจง ก็หมดไปเลย...มีแต่คนพูดถึงแต่ ดาวทิพย์ ค่าโค้งสุริยาตร์ดาวสะท้อน ศูนย์รังสี จุดอิทธิพล เรือนชะตาสะท้อนต่างๆ จาน 90 องศา  มีอยู่ทั่วไป  และจริงๆแล้วผมก็เพิ่งท่านอาจารย์วิโรจน์ และท่านอาจารย์วินัย นี่แหละ ที่เริ่มเขียนบทความเป็นโหราสากล เรื่องวงรอบอายุ และใช้มุมอ่อน ในฮาโมนิคอื่น ในบทความและก็เริ่มสอนให้มันกลมกลืนไปได้ เมื่อสักเร็วๆนี้แหล่ะ ก็ยังสงสัยอยู่ว่าปรับปรุงกันใหม่แล้วเหรอ? ... จริงๆแล้วโหราศาสตร์ที่ใช้ดวงดาวมันก็มีวิชาเดียวนี่แหล่ะ เพียงแต่ว่าแยกออกไปเพราะพาณิชยกรรมมันเข้ามาแยก....แต่เท่าที่สังเกตมา ... คนรุ่นหลังตั้งแต่พ.ศ. 2515 ขึ้นมา จะรู้จักแต่ยูเรเนียนเท่านั้น เหมือนกับว่า โหราศาสตร์สากลล้มหายตายจากไปนานแล้วในเมืองไทย...พวกผมก็เลยเอามาปัดฝุ่นกันใหม่ไม่ให้สูญหายไปดาวอังคารพร้อมกับท่านปรมาจารย์จรัญ  พิกุล..AFBA จาก LONDON

สวัสดีครับ

ขออนุญาติแสดงความคิดเห็น ในฐานะที่ผมเป็นนักศึกษาโหราศาสตร์ รุ่นใหม่ เริ่มศึกษาได้ประมาณ 2-3 ปี ทั้งเรียนในชั้นเรียนจนจบคอร์สพื้นฐานแล้ว ทั้งศึกษาเองจากตำราต่างๆเท่าที่จะควานหาได้ ทุกวันนี้ก็ยังเรียนอยู่ เรียนตะลุยมันทุกอย่าง จนงงไปหมดแล้วว่า จะเอาอะไรมาใช้บ้าง มันเยอะไปหมด

ถ้าถามว่าสามารถพยากรณ์ได้มั๊ย พอได้ครับ แล้วส่วนใหญ่ก็ถูกด้วย ตรงใจท่านผู้ฟัง คนฟังอึ้งใช้ได้เลย (ผมดูแค่ภาพรวมของดวง ทั้งจร และกำเนิด) เคยมีหลายๆท่านผู้รู้บอกว่า แค่ทายให้ถูกก็ใช้ได้แล้ว แต่ผมมีความรู้สึกว่ามันยังไม่ถูกใจผมเอง มันมีอะไรอีกหลายอย่างที่ผมยังไม่เข้าใจ ที่ผมยังหาคำตอบไม่ได้ คนที่มาให้ผมทำนาย ต้องการฟังนิดเดียว แต่ผมเองเสียอีกที่รู้สึกว่า มันน่าจะมีอะไรมากกว่านั้น นี่เป็นอีกเหตุผลนึงที่ทำให้ผมยังค้นคว้าอยู่ รู้สึกว่ายังเรียนเท่าไหร่ก็ไม่จบซักที เหมือนที่ อ.ภารตว่าไว้ ว่า ที่แรกก็คิดว่าข้าแน่! ข้ารู้! แต่จริงๆแล้ว ยังอีกไกล

ปัญหาจริงๆของผมก็คือ การจะนำความรู้เหล่านี้มาใช้ อย่างไร ผมอ่านคำทำนายของอ.ภารต ในเวปนี้ แล้วทึ่ง ทำไม อ.ดูออก ซึ่งตอนแรกผมดูเองกลับไม่เห็น

ทำอย่างไร ดีครับ เมื่อไหร่ผมถึงจะเก่งแบบอาจารย์ทั้งหลาย ผมหลงทางหรือเปล่าเนี่ย!!  

   2.ช่วงเวลา (ดวงวัยในระบบต่างๆ ซึ่งมีไม่ต่ำกว่า 8 แบบ )

   3. ขณะของเวลา ( เวลาประสงค์หรือ ดวงจรทรานสิต)

    ...เท่าที่เห็นมา ผู้เรียนมักสับสนปนเปแยกกันไม่ออกแล้วจะงงมองไม่เห็นภาพใหญ่องค์รวมองค์แยก ซึ่งโดยแต่ละเรื่องก็มีที่มาที่ไปเฉพาะแบบ ที่ต้องคล้องจองกัน เมื่อใดก็ตามที่ตีความ    เรื่องกล่าวมานี้ออก  ก็จะแยกโจทย์ได้ว่าอยู่ในส่วนไหน ซึ่งแต่ละส่วนก็มีวิธีการเป็นเฉพาะเรื่องไป

    ตรงนี้กระมังที่เค้าว่าอาจจะเป็นเคล็ดลับสำคัญ ในการศึกษาวิชานี้

เรื่องของเรื่องคือ คิดมากไปหรือเปล่า ไปสนใจแค่จุดเล็กๆ ทำให้จับประเด็นหลักไม่ถูก เพราะบางทีเวลา ผมดูดวง กำลังดูเรื่องหนึ่งอยู่แท้ๆ หาไปหามา มันขยายเรื่องราวไปไหนต่อไหน ดูตรงไหนก็สัมพันธ์หมด ดีร้ายปนกันยุ่ง จนหาขอสรุปไม่ได้บางทีต้องเลิก นั่งพัก แล้วเริ่มใหม่

การตีความและความรูสึกของเราก็มีส่วนในการมองโจทย์ ยิ่งถ้ามีอคติ ยิ่งไปกันใหญ่ ผมมักจะดูดวงคนที่ไม่ค่อยสนิท ได้ถูกต้องกว่า แต่พอเจอคนสนิทๆมักเขว บางทีดูอะไรไม่ออก เลยใช้ความรู้สึกตัดสินไปเลย ใช้ได้บ้างไม่ได้บ้าง

อ.เคยเป็นบ้างอย่างนี้มั๊ยครับ

 อ๋อ!อ๋อย! มั่ง..... อิอิ

ท่าน อ.สัจจะ คงหายดีแล้วนะครับ  ^^  แข็งแรงๆนะครับโผม..... ;-)

ฮั่นแน่!! จะหนีคังซีฮ่องเต้  ไปนอนร้องเพลงสิบแปดลูบคลำ พร้อมเมีย 7 คน ที่เกาะไฮโล น่ะสิ...คิดได้ยางงายเนี่ย....

เรื่องแปลงวิกฤตให้เป็นโอกาสเนี่ย ...ผมคนหนึ่งล่ะที่ต้องยอมรับท่านสัจจะเชียว...วันก่อนทำนายไว้ก่อนร่วมเดือนว่าวันที่ 28 ถึง 30 เมษา จะมีเรื่องหนักหนาสาหัสสะเทือนใจจากเพศตรงข้าม...ที่ไหนได้คุณท่านมีความสามารถพิเศษ แปลงศาสตราวุธเป็นแพรพรรณ ..ได้อย่างไม่น่าเชื่อ...ตรงตามดวงแต่ไม่ร้ายตามที่ทำนายจน ผู้ทำนายได้แต่นั่งอ้าปากหวอทำหน้าง่าว...ตื่นตะลึงไปเลย....นับถือๆ จิงๆ ...ต้องครูพักลักจำแอบนำไปใช้...

เจ็บลึก....อีกนาน....เจ็บนี้....ไม่ลืม...อุ๊บบบ

อ้าวว.... เนื้อร้องผิดวิกแล้วน้องจ๋า

อ้าวว...เหรอ   ท่านพี่มัวแต่มะงุมมะงาหราอยู่น่ะจ้ะ