ประเด็นนี้แยกได้หลายอย่างคับ  จะว่าทางโหราศาสตร์สากลก็ไปอย่างหนึ่ง  อีกทั้งพวกที่เรียนมาทางสายยูเรเนียนชนิดเจาะศูนย์รังสีและเรือนชะตาแนวพิศดารก็จะอีกอย่างหนึ่ง 

ผมเองนั้นเห็นว่า  ควรต้องกลับมาที่เงื่อนไขแรกคือ ในดวงของเจ้าชะตานั้น   สิ่งดีๆของเจ้าชะตาเป็นเรื่องอะไร  ซึ่งขึ้นอยู่กับเรือนชะตาที่พฤหัสกำเนิดไปอยู่  และมีมุมอะไรสัมพันธ์ อยู่กับพฤหัสของดวงกำเนิดที่ว่านี้ ว่าจะแสดง action อย่างไร สิ่งนั้นจึงจะเป็นสิ่งที่ดีๆของเจ้าชะตา  ซึ่งแต่ละเจ้าชะตาก็มีไม่เหมือนกันซะอีก รวมทั้งสิ่งที่พฤหัสกำเนิดของเจ้าชะตาพ่วงเอาศูนย์รังสีอะไรมาด้วยในดวงกำเนิดนั้น 

จากนั้น มาดูว่า  วันนี้มีอะไร  ซึ่งได้แก่ แกน เมษ/อาทิตย์  ซึ่งแปลว่า  วันนี้  และอาทิตย์จร   ว่าทำมุมกับปัจจัยอะไรบ้าง  ทั้งปัจจัยตรงและปัจจัยสะท้อน รวมไปถึงศูนย์รังสี ของวันนั้นเอง ว่า โลกวันนี้มีเหตุการณ์อย่างไร  และจุดวันนี้นั้น เข้าทาทำมุมกับดวงกำเนิดของเจ้าชะตาแล้ว  ตรงกับเรื่องอะไรบ้าง  มีปัจจัยหรือศูนย์รังสีซ้ำกันหรือเหมือนกันรึเปล่า  ถ้ามีได้แก่เรื่องอะไรบ้าง 

ในกรณีที่มีซ้ำกัน  ก็ต้องมาพิจารณาดูว่าปัจจัยศูนย์รังสีนั้น มาจากเรื่องอะไร  คือมาจากเรือนชะตาไหน  ให้ความหมายอย่างไร ซึ่งเหตุการณ์ก็จะเกิดขึ้นตามนั้น  ตามลีลาของเรื่องนั้น เกิดกับตัวเองหรือกับคนอื่นที่เกี่ยวข้อง  ก็ต้องไปพิจารณาดูที่ จุดเจ้าชะตาต่างๆของดวงกำเนิดนี้ครับ 

ส่วนจะดีหรือไม่ดีนั้น นอกจากจะใช้พฤหัสแล้ว  ศุกร์ก็เป็นอีกตัวหนึ่งที่ใช้ได้ในกรณีนี้  ( ความเป็นจริงในวิธีนี้ใช้ได้ทุกตัวตามความหมายดาว )

แล้วเอาจุดมกรจี้ลงไปที่พฤหัสกำเนิดสิคับแล้วดูว่า พฤหัสนี้  ได้พลิกพริ้วพิสดาร ไปเข้ากับเรือนชะตาอะไรแล้วแล้วยังไปสะท้อนให้ความหมายอะไรอย่างอื่นได้อีกครับ

ขอบพระคุณครับท่าน อ.ภารตะ  คนแก่อ่านแล้วก็ยังงงอยู่เพราะสมองทำงานช้า  แต่ก็จะพยายามทำความเข้าใจและค่อย ๆ แกะครับ  แต่จากคำตอบข้างต้น  ถ้าได้ศูนย์รังสีที่ไม่เหมือนกันละครับจะเป็นอย่างไร  ท่าน อ. ไม่ได้อธิบายไว้ 

มีอีกคำถามครับ  คือท่านปรมาจารย์จรัญ พิกุล  เคยเขียนไว้นิดหน่อยในเรื่องศูนย์รังสีที่เท่ากับค่าโค้งจรสุริยาตร์  อ.ช่วยกรุณาอธิบายด้วยครับและนำไปใช้พยากรณ์อย่างไรครับ  ขอบพระคุณครับ

ถ้าศูนย์รังสีที่ไม่เหมือนกัน  จะมีอิทธิพลน้อยมากครับ โดยมามักจะมาทางอ้อม เช่น ได้รับข่าวบ้าง  อ่านหนังสือพิมพ์บ้าง  ดูโทรทัศน์ หรือ สารคดี  ละคร ที่เป็นไปในของความหมายตามแนวปัจจัยนั้นๆแทนครับ

ส่วนศูนย์รังสีที่มีค่าเชิงมุมนับตั้งแต่ราศีเมษ 0 องศาและบังเอิญว่า  เกิดไปมีค่าเท่ากับ  เมษวี 1 ( อาทิตย์จรสุริยยาตร์ - อาทิตย์กำเนิด ) กรณีนี้จะเป็นศูนย์รังสีที่สำคัญ  ในช่วงเวลานั้นเป็นกรณีพิเศษเพราะว่า  จะแสดงผลออกมาเมื่อเวลานั้นซึ่งจะส่งให้เจ้าชะตาดังกล่าวมีอาการออกมาตามสภาวะความหมายของศูนย์รังสีนั้นๆครับ

เรียนท่าน อ.ภารต

มีคำถามต่อเนื่องครับ คือ

1.  ที่ว่ามีศูนย์รังสีที่เหมือนกันนั้น  หมายความว่ามีรูปดาวเหมือนกัน  หรือแค่มีความหมายคล้ายกัน ครับ

2.  เท่าที่อ่านพบ  การพิจารณาจรสุริยาตร์  เท่าที่อ่านพบมักจะเน้นไปที่การพิจารณาจุดเจ้าชะตาวี 1 - 2  กันเป็นหลัก  ในเมื่อศูนย์รังสีที่เท่ากับค่าโค้ง ฯ ก็มีความสำคัญมากอย่างนี้  ทำไมจึงไม่ค่อยพิจารณากันเลย  แม้แต่ในบางตำราก็ไม่พูดถึงเลย  แล้วอย่างนี้  เราควรจะให้ความสำคัญทั้งสองอย่างนี้อย่างไร  หรือจะต้องพิจารณาควบคู่กันไปครับ

ขอบพระคุณครับ

ตอบได้ดังนี้ครับ
  1. ต้องรูปดาวซ้ำกันครับ  เช่น  ศุกร์/อังคาร  กับศุกร์/อังคาร

  2. ปัญหานี้เป็นเรื่องใหญ่ของผู้ที่ศึกษาโหราศาสตร์สากลยูเรเนียน ในแนวจิ๊กซอร์  หรือศึกษากันด้วยตนเอง  โดยอ่านจากตำราบ้างหรือ ได้รับบทเรียนมาแบบกระจัดกระจาย 

 เรื่อง วี1  กับวี 2 นี้บางเล่มบางบทเรียนก็มี  แต่โดยมากมักไม่ครบ  มีกันแต่อธิบายในแนว วี 1 เรื่องนี้ในความเป็นจริงนั้น  ทฤษฎีทางโหราศาสตร์มีมากมายครับ  เฉพาะที่หลักก็เยอะ และที่แตกย่อยออกไปก็นับแทบไม่ถ้วน  การใช้งานก็แล้วแต่ผู้ที่จะใช้ว่า ในประเด็นที่ต้องการ  ตามถนัด  ตามอัธยาศรัยว่า จะหยิบอะไรออกมา  และที่ไม่ได้หยิบออกมา ก็ไม่ได้หมายความว่า ใช้ไม่ได้ซะเมื่อไหร่  บางครั้งบางกรณี  ก็แสดงให้เห็นมีมากมาย

   เรื่อง วี1 นี้  ต่างจาก วี 2 ตรงที่ว่า เรื่องที่เกิดจาก วี 1 เป็นไปในแนวมุมมองของตัวเจ้าชะตาเอง   ส่วน วี2 นั้นเนื่องจากเป็นการสะท้อนภาพของดวงเจ้าชะตาผ่านแกนโลกมา  ( 360 - วี1) ให้ความหมายในกรณีที่ว่า  คนอื่นเห็นว่าเจ้าชะตาเป็นอย่างไร  ในทางปฏิบัติจริงผู้ใช้มักจะชำเลืองไปดูทั้ง 2 แบบครับ และยังมีไปต่อถึง  ครึ่งหนึ่ง  และ 2 เท่า  ทั้งของค่า  วี1 และ วี 2 ไปซะด้วยซ้ำไป  ยิ่งในกรณีที่หวยออกแล้วหรือทราบคำตอบแล้ว  ว่าเกิดเหตุอะไร  พอไปหาใน วี 2 หรือ พวก ครึ่งโค้ง  หรือ โค้ง 2 เท่า กลับเห็นได้ชัดมากกว่า ตัว วี 1 เองซะอีก  ก็บ่อยมากครับ