ReadyPlanet.com


โหราศาสตร์ขัดกับหลักศาสนาพุทธหรือไม่ครับ


เช่นเรื่องฤกษ์ยาม หลวงพ่อหลายๆท่านบอกว่าฤกษ์ดีคือฤกษ์ที่เราสะดวก เราพร้อม แต่ทางโหราศาสตร์เราต้องคำนวณว่าตอนไหนดี ตอนไหนไม่ดี เรื่องสะเดาะเคราะห์ ก็เหมือนกันครับ ทางหลักพุทธท่านว่าไม่มี ทำอะไรก็ต้องได้รับผล แต่ทางโหราศาสตร์ดูเหมือนว่าจะมีวิธีแก้ วิธีเลี่ยง รบกวนท่าน อจ. ให้ความกระจ่างด้วยครับ


ผู้ตั้งกระทู้ ขอบคุณครับ :: วันที่ลงประกาศ 2008-04-21 17:54:08 IP : 124.120.84.231


[1]

ความคิดเห็นที่ 1 (1339365)

เจอบทความที่พูดถึงเรื่องนี้ ก้อเลยเอามาฝากคับ

http://www.thairath.co.th/news.php?section=hotnews02&content=86601

ผู้แสดงความคิดเห็น ไอ้ตัวเล็ก วันที่ตอบ 2008-04-21 18:15:45 IP : 117.47.219.216


ความคิดเห็นที่ 2 (1339580)

ต้องถามว่ามาตรฐานโหราศาสตร์ในมิติมุมมองของคุณและของพระที่เป็นผู้ให้คำนิยามในบทความนี้เป็นเช่นไรก่อนครับ  ว่ารู้จริงและรู้ลึกขนาดไหน และ พุทธศาสนากับพุทธธรรมในมุมมองของคุณเป็นเช่นใด  มิฉะนั้นจะคุณและถกกันคนละประเด็นอาจจะไม่จบ  เคยอ่านเรื่องที่ อจ.สุลักษณ์  ศิวรักษ์  เคยทูลถามสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณสมเด็จพระสังฆราช วัดสระเกศ ( อยู่  ญาโณทัย ) ซึ่งเป็นโหรชื่อดังในสมัยนั้น ( 2502-2506 )  ว่า เรื่องนี้เป็นอย่างไร  ท่านก็ตรัสว่า เท่าที่ท่านค้นคว้ามาในพระไตรปิฎก ไม่เคยเห็นว่า มีพุทธประณาม ในเรื่องนี้แต่อย่างไร  เพียงแต่ไม่ให้ภิกษุใช้วิชานี้เอามาหากิน ที่เรียกว่า เงยหน้ากิน อีกทั้งมีบทบัญญัติเรื่อง กาลัญยุตา  หรือ การรู้จังหวะของกาลเวลา ว่า เมื่อใดควร เมื่อใดไม่ควร ในเรื่องเกี่ยวกับการเรียนรู้เรื่องเวลาของภิกษุ

เรื่องกรรม  เรื่องวัฏฏะ และ เรื่องอนัตตา โหราศาสตร์เองก็สามารถอธิบายได้ โดยไม่ได้ขัดกับหลักพุทธธรรมใดๆเลย  พระพุทธองค์ท่านถึงได้รับการยกย่องว่า เป็น โลกวิทูร จากปราชญ์ในยุคนั้นมาจนบัดนี้

ผู้แสดงความคิดเห็น ภารต วันที่ตอบ 2008-04-21 18:45:20 IP : 118.172.101.229


ความคิดเห็นที่ 3 (1339616)

  ส่วนการสะเดาะเคราะห์นั้น  อันนี้เป็นเนื้องอกของพุทธศาสนา กับ โหราศาสตร์ ด้วยซ้ำ  ถ้าจะบอกว่า ไม่มีสะเดาะเคราะห์ในโหราศาสตร์บริสุทธิ์ ก็อาจจะไม่เชื่อ เพราะปัจจุบันวิชามันเปลี่ยนแปลงไปมากจากหลักการเดิม 
  โหราศาสตร์เป็นการสร้างเงื่อนไขรองรับในช่วงเวลาที่เหมาะสมกับบุคคลและดวงดาว รวมไปถึง เวลา และ สถานที่ ในกรณีถ้าเลือกสร้างได้ ( ถ้ามี ) เพื่อหลีกเลี่ยงผลร้ายซึ่งไม่พึงประสงค์มากกว่า ซึ่ง ความ
หมายนี้ก็ตีความไปได้หลายอย่าง

    ในตำราโหราศาสตร์คลาสสิค  เขายก โหราศาสตร์  วิทยาศาสตร์ และ ศาสนศาสตร์ เอาไว้เป็นวิชาใหญ่ แบบ 3 เส้า ซึ่งต่างก็เกี่ยวข้องกัน และ มีดีอยู่ในตัวเอง

ผู้แสดงความคิดเห็น ภารต วันที่ตอบ 2008-04-21 18:51:48 IP : 118.172.101.229


ความคิดเห็นที่ 4 (1344007)
ขอบคุณครับ อจ. ขอบคุณ คคห. 1 จริงๆแล้วผมอ่านบทความข้างต้นของท่าน ว. วชิรเมธี นั่นเอง ถึงมีคำถามนี้ขึ้นมา เลยมาสอบถามครับ
ผู้แสดงความคิดเห็น จขกท วันที่ตอบ 2008-04-22 05:43:18 IP : 124.120.84.231


ความคิดเห็นที่ 5 (1344312)

โหราศาสตร์(Astrology) แยกแปลออกตามภาษาลาตินคือ  Astro=เวลา logic=ศาสตร์ วิชาที่ว่าด้วยเรื่องของเวลา

วิชาใดๆก็ตามที่มีคำลงท้ายว่า ศาตร์(Philosophy-Phychology...)ทางวิชาการเขาจะถือว่าเป็นศาสตร์ที่มีเหตุและผล เพราะคำที่ลงท้ายด้วย logic=การสมเหตุ สมผล (ดังในคำสอนของพระพุทธเจ้า ทำดี ได้ดี  ทำชั่วได้ชั่ว)

ข้าพเจ้ารู้ว่า โหราศาสตร์(ทั้งไทย-สากลและยูเรเนี่ยน)และศาสนา พุทธ มีความสอดคล้องกันอย่างกลมกลืน ไม่ได้ขัดกับทางพุทธศาสนาเลย เพราะมนุษย์ในสมัยดึกดำบัน ศึกษา สนใจกับศาสตร์ของเวลา(คือท้องฟ้า) เพื่อที่จะหาความเหมาะสมให้ชนเผ่า ให้หมู่ชุมชนและเพื่อตนเอง เมื่อใดควรเพาะปลูก หน้าร้อน หนาวมาเมื่อใด ฤดูไหน-ช่วงไหนควรหลีกเลี่ยง ไม่ได้คาดหวังเพื่อมาทำนายทายทักกันอย่างในปัจจุบัน

ตามคำถามในเรื่องการสะเดาะเคราะห์ ทางหลักพุทธท่านว่าไม่มี ทำอะไรก็ต้องได้รับผล แต่ทางโหราศาสตร์ดูเหมือนว่าจะมีวิธีแก้ วิธีเลี่ยง?

โหราศาสตร์ยูเรเนี่ยนไม่มีวิธีแก้หรือสะเดาะเคราะห์ใดๆ ยามคนเราตกอยู่ในปัญหา สิ่งที่ทำได้คือ ต้องทำใจและอดทน รอจนกว่าเวลานั้นๆจะผ่านไป (เพราะไม่มีอะไรที่ยั่งยืน เกิด แก่ เจ็บตาย เป็นเรื่องธรรมชาติ(ธรรมะ ก็แปลว่าความจริง) ตามคำสอนพระพุทธเจ้า) หากท่านป่วย ท่านก็ต้องทานยา รักษา พักฟื้นตนเอง ปล่อยนก ปล่อยปลาก็ไม่ได้ช่วยอาการให้หายได้ทันที ต้องใช้เวลาตามอาการที่มี หากป่วยหนัก เช่นเป็นมะเร็งที่เต้านม ท่านก็ต้องไปปรึกษาหมอทางด้านเต้านม ท่านจะไปสะเดาะเคราะห์ให้ตาย มะเร็งที่เต้านมก็ไม่หาย แต่หากมัวยังวิ่งหาที่สะเดาะเคราะห์ ทำพิธีกรรมต่างๆต่อๆไป เต้านมนั้นอาจต้องหาย เพราะถูกตัดออกเป็นแน่แท้(สิ่งเหล่านี้เป็นสัจธรรม หรือความจริงนั่นเอง)

ปัญหาทุกอย่าง ต้องแก้ตามจุด ตามเรื่อง วิชายูเรเนี่ยนไม่ได้ช่วยให้ท่านแก้ปัญหาได้ทุกอย่าง แต่ให้ท่านปรับตัวเข้ากับปัญหาทุกอย่างที่เกิดขึ้นต่างหาก และไม่ควรประมาทปล่อยให้ปัญหาเดิมๆเกิดขึ้นมาอีกซ้ำแล้วซ้ำเล่า(เมื่อคนเราทำพลาดไป) ดังคำเยอรมันที่ว่าไว้ Man muss umgehen, wenn man Problem hat..mit Geduld und Warten bis die Günstige Zeit kommt. Mensch ist nicht vorkommen aber wenn man die Fehler macht, dann weiss man bescheid, dass nächste mal nie wieder passiert. 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ปวีณา วันที่ตอบ 2008-04-22 06:23:45 IP : 78.54.128.169


ความคิดเห็นที่ 6 (1345009)
Vielen Dank!
ผู้แสดงความคิดเห็น -^-^- วันที่ตอบ 2008-04-22 08:21:00 IP : 124.120.84.231


ความคิดเห็นที่ 7 (1345223)
Vielen Dank! ขอบคุณมากครับ คุณปวีนา และ Google Translation tool แหะๆ We must avoid if one problem .. with patience and wait until the effective time. Man can not happen but if the mistake, then you know about it that next time never happens again.
ผู้แสดงความคิดเห็น ภาษาเยอร์มัน ต้องใช้เครื่องมือช่วย วันที่ตอบ 2008-04-22 08:57:09 IP : 124.120.84.231


ความคิดเห็นที่ 8 (1345611)
     กรรมตามสนองเข้าตาม      จังหวะ
เหตุดีผลก็จะ                          ส่งให้
แม้ร้ายก็อาจละ                      เพราะเหตุ  ใส่นา
ถ้าชั่วส่งป่นไซร้                      แม่นแล้ว   มีซวย

    โหรรู้เพราะเรียนรู้               ดวงดาว
วัฏฏะวนล่วงพราว                   แห่งฟ้า
อดีตปัจจุบัน now                  อนาคต   ก็ดี
รู้แจ้งเห็นจึ่งกล้า                     แจงฟ้า    ถึงคน

ผู้แสดงความคิดเห็น ภารต..Translate into โบราณ วันที่ตอบ 2008-04-22 09:55:53 IP : 118.172.97.236


ความคิดเห็นที่ 9 (1347221)

ในหลักพุทธศาสนา องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงสั่งสอนให้เดินทางสายกลาง ไม่เน้นหนักไปข้างใน เพื่อความหลุดพ้น ขจัดอาสวะให้สิ้น

ถ้าจะว่าไปองค์ศาสดา ไม่เคยสรรเสริญใดๆ ที่จะก่อเกิดกิเลส ติดอยู่กับทางโลก แม้การฝึกอภิญญา เพื่ออิทธิฤทธิ์ หรือการเจริญญาณสติ สูงสุดคือการไม่เอาอะไรเลย แต่วิชาเหล่านี้จัดเป็นอุบายเพื่อฝึกฝนให้ได้สติสัมปชัญญะ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในหลักคำสอน และถ้าประโยชน์จากความรู้เหล่านี้เป็นไปเพื่อประโยชน์ทั้งส่วนรวมและส่วนตน ก็ไม่น่าจะมีอะไรเสียหาย เฉกเช่น วิชาโหราศาสตร์ ก็จัดเป็นศาสตร์แห่งความรู้ศาสตร์หนึ่ง เพียงแต่ยังคงต้องวนเวียนอยู่ในวัฏสังสาร ต่อไปแบบเราๆท่านๆ

ทั้งหมดทั้งสิ้น ถ้าถูกนำไปใช้ภายใต้สติสัมปชัญญะ ที่ถูกที่ควรและตั้งมั่นอยู่บนความศรัทธาที่มีเหตุและผล อย่างมีวิจารณญาณ ศาสตร์ทุกศาสตร์คงจะเกื้อหนุนกันมากกว่า ที่จะมาหาข้อขัดแย้งใดๆ

ผู้แสดงความคิดเห็น patoi...อิชั้นคิดว่านะ วันที่ตอบ 2008-04-22 13:18:31 IP : 58.9.203.153



[1]


แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น *
ผู้แสดงความคิดเห็น  *
อีเมล 
ไม่ต้องการให้แสดงอีเมล



Copyright © 2010 All Rights Reserved.