ถ้าใครจะไปโทรมาถามทางได้นะครับ 0866278194

จะอำนวยความวสะดวกให้ ถ้ามีเป็นกลุ่มจะได้จัด Zone ให้

ตอบสั้นๆ แบบมั่นใจ "ไปครับ !"
ว่าแต่ นัดแรก จะไปกันวันไหนดี...

วันเสาร์ ๕ กรกฎา มาเจอกัน
วันนี้แรงดีไม๊ท่านกิจการโหร
ฤกษ์ดีแน่แค่รวมใจใช่ซ่องโจร
น่าจะโดนดีชะมัดฉันจัดให้

เริ่ม ๑๗ เสร็จ ๒๒ ต้องรีบมา
สายไม่ว่าช้าจะรอขอกันได้
เนิ่นนานมากไม่รอขออภัย
เกรงใจคนส่วนใหญ่เขาเฝ้าแต่เย็น

ฉันจะขอแนะนำตามวิสัย
ในโปรแกรมตัวใหม่ให้ท่านเห็น
ฤทธิ์เดชกล้าแกร่งปานไสยไปล่ชัดเจน
"เอรีส" เผ่นโผนผาดผงาดฟ้า

ใครที่มาอาจเจอดีมีของแปลก
ซีดีแจกจ่ายให้ไปต่างหน้า
เวอร์ชั่นแท้แต่จำกัดที่เวลา
เม้นไว้ว่าเผื่อวิพากษ์จักแก้เอย

ขอให้สนุกสนมกันถ้วนหน้า กับการเปิดตัวโปรแกรมใหม่ สุขีทั่วกันในวัน ซาทวน (Saturn) 

เคยอ่านจากยูเรเนียนสัมพันธ์ของท่านปรมาจารย์ เห็นว่าท่านก็มักจะมีมีตติ้ง กับพวกพ้องอยู่เป็นประจำ เวลาไป ก็give & take จริงๆ ใครกำลังค้นอะไรได้ ก็เอามาแบ่งปัน เอาบทความใหม่ หนังสือใหม่ แนวคิดใหม่ มาถกกัน หรือแนวคิดเดิมแต่ได้ทดลองทดสอบได้ผลอย่างไร ต่างก็เอาไป shareกัน แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน ดูท่านก็ไม่เบื่อที่จะไป หากเรามาในแนวนี้ ก็คิดว่าการพบปะจะดำเนินไปได้เรื่อยๆ ตราบเท่าที่หัวใจยังหมกมุ่นกับโหราศาสตร์กันอยู่ ขอปรบมือสนับสนุนกับท่าทีของคุณอธิครับ 

เสียดายอยู่ไกล ไม่ได้ร่วมแจมกับคุณอธิ  อยากไปใจจะขาด คงมีโอกาสสักวันนะครับ

ขอเปลี่ยนแผนนิดหน่อยในเรื่องของโปรแกรม เอรีส นั้น ...เฉพาะท่านที่นำโน้ตบุ๊คมาด้วยเท่านั้น... จึงจะได้รับการติดตั้งโปรแกรมเวอร์ชั่นทดลองใช้ให้ครับ (ไม่มีการแจกซีดี)

หัวข้อที่อาจจะได้แลกเปลี่ยนกันอาจจะสะเปะสะปะตั้งแต่ ดวงเมือง ภัยธรรมชาติ ไปจนถึงโชคลาภ ความรัก... แล้วคราวต่อไป (ถ้ามี) ค่อยมีรายการหัวข้อที่จะมาคุยกันในแต่ละครั้ง...

รายงานบรรยากาศ จากกร(ล)มประชาสัมพันธ์
- ผู้ร่วมกิจกรรม :
  มีผู้สละเวลามาร่วมกิจกรรม มากหน้า หลายตา (1 คนก็ 1 หน้า และ 2ตา แล้วครับท่าน)
  จัดเป็นวันเบาๆ (ไม่ใช่วันมามาก)
- สถานที่ :
  โอ่โถง สะดวกสบาย หายใจสะดวก สงบ และเป็นสัดส่วนพอสมควร
- บรรยากาศ :
  กิจกรรมดำเนินไปด้วยความเรียบง่ายแต่ได้ประโยชน์ ทำนองคนคอเดียวกันมาคุยกัน
  ไร้เส้นไร้สาย ไม่มีค่ายไม่มีสังกัด บรรยากาศเป็นไปเหมือนกับบางวันที่เราไปนั่งทาน
  อาหารเย็นกับกลุ่มเพื่อนฝูงขนาดกลางๆหลังเลิกงานนั่นเอง
- ภาพรวม
  แม้จะไม่ได้เจอคนที่อยากเจอ (อยากเจออยู่หลายคนเลยแหละ) เพราะเขาไม่ได้มา
  อาจไม่ทราบข่าว ไม่คุ้นกับสถานที่ ติดธุระไม่สะดวก ไม่ชอบเดินทาง หรือด้วยเหตุผลอื่นใดๆ
  แต่บรรยากาศก็ดูสบายๆ คล้ายๆกับการนัดเพื่อนเก่ามางานรวมรุ่น บางคนก็มาได้ บางคนก็ไม่ได้มา
  จากที่ได้คุยกับคนที่มา เขาตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า เรื่องที่คุยกันแม้จะไร้ Topic แต่มีคุณค่ากับ
  การจุดประกายให้คิดต่อยอด และเป็นการสะสม "ชั่วโมงโหราฯ" ในนักโหราศาสตร์รุ่นใหม่
  (คงคล้ายๆสะสมไมล์ในสายการบิน) และบางท่านที่ไม่ได้มาตัดพ้อต่อว่ามาว่า "ทำไม่ไม่บอก"
  ผมก็ต้องตอบล้อๆกลับไปว่า "ก็พี่ไม่ได้ถาม" :) เอาเป็นว่า ครั้งหน้าชวนดังๆว่า ใครอยากมา
  ก็มากันครับ และที่แน่ๆเช็คแล้ว ไม่มีธุรกิจแอบแฝง ไม่มีการขายอะไร และแต่ละคนที่มาเสีย
  ค่าเครื่องดื่มกันส่วนตัวดูแลตัวเองกันครับ
- ความเห็นส่วนตัว
  ฟังมาว่าบางคนเห็นว่ากิจกรรมนี้ไม่มีหัวข้อในการคุยให้แน่ชัด (ขาด Topic) เลยไม่แน่ใจในการมา
  เพราะต้องเดินทางมา และไม่รู้ว่าจะมาทำไม อืม..นะ ก็เห็นด้วยครับ แต่ถ้าตั้งใจว่า "มากระชับมิตร
  และเกาะติดกระแสดาว" แบบนี้จะดูเข้ากับคอนเซปต์ของงานมากกว่า เพราะเรามีห้องเรียนให้เรียนรู้
  จากอาจารย์แต่ละท่านอยู่แล้ว และมีกิจกรรมบรรยายวิชางานพร้อมงานทำบุญบูรพาจารย์อยู่อย่างต่อ
  เนื่องไม่ขาดสาย ชั่วโมงที่จะ "พบกันนอกห้องเรียน แลกเปลี่ยนวิชาการ" ระหว่างศิษย์แต่ละค่ายแบบ
  "ไร้สายไร้ตะเข็บ" ให้และรับประโยชน์กันทุกฝ่ายจะตรงกับคอนเซปต์ของงานนี้มากกว่า ไม่งั้นจะพบ
  กันที่ร้านกาแฟทำไมล่ะครับ (ตอนนี้ไม่มีกาแฟแล้ว เป็นชากับเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพแทน)
      แต่แว่วๆมาว่าตัวตั้งตัวตีในการจัดงานก็มีแนวโน้มจะเห็นด้วยว่าจะมีการระบุ Topic ไว้สักเรื่องหลักๆ
  คุยเรื่องหลักเสร็จแล้วก็ไหลตามดาว
 
  ชวนทุกคน เจอกันคราวหน้าครับ (เมื่อไหร่จะจัดอีกทีน้อ...)

รายงานบรรยากาศ จากกร(ล)มประชาสัมพันธ์
- ผู้ร่วมกิจกรรม :
  มีผู้สละเวลามาร่วมกิจกรรม มากหน้า หลายตา (1 คนก็ 1 หน้า และ 2ตา แล้วครับท่าน)
  จัดเป็นวันเบาๆ (ไม่ใช่วันมามาก)
- สถานที่ :
  โอ่โถง สะดวกสบาย หายใจสะดวก สงบ และเป็นสัดส่วนพอสมควร
- บรรยากาศ :
  กิจกรรมดำเนินไปด้วยความเรียบง่ายแต่ได้ประโยชน์ ทำนองคนคอเดียวกันมาคุยกัน
  "ไร้เส้นไร้สาย ไม่มีค่ายไม่มีสังกัด" บรรยากาศเป็นไปเหมือนกับบางวันที่เราไปนั่งทาน
  อาหารเย็นกับกลุ่มเพื่อนฝูงขนาดกลางๆหลังเลิกงานนั่นเอง
- ภาพรวม
  แม้จะไม่ได้เจอคนที่อยากเจอ (อยากเจออยู่หลายคนเลยแหละ) เพราะเขาไม่ได้มา
  อาจไม่ทราบข่าว ไม่คุ้นกับสถานที่ ติดธุระไม่สะดวก ไม่ชอบเดินทาง หรือด้วยเหตุผลอื่นใดๆ
  แต่บรรยากาศก็ดูสบายๆ คล้ายๆกับการนัดเพื่อนเก่ามางานรวมรุ่น บางคนก็มาได้ บางคนก็ไม่ได้มา
  จากที่ได้คุยกับคนที่มา เขาตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า เรื่องที่คุยกันแม้จะไร้ Topic แต่มีคุณค่ากับ
  การจุดประกายให้คิดต่อยอด และเป็นการสะสม "ชั่วโมงโหราฯ" ในนักโหราศาสตร์รุ่นใหม่
  (คงคล้ายๆสะสมไมล์ในสายการบิน) และบางท่านที่ไม่ได้มาตัดพ้อต่อว่ามาว่า "ทำไม่ไม่บอก"
  ผมก็ต้องตอบล้อๆกลับไปว่า "ก็พี่ไม่ได้ถาม" (>.<) เอาเป็นว่า ครั้งหน้าชวนดังๆว่า ใครอยากมา
  ก็มากันครับ และที่แน่ๆเช็คแล้ว ไม่มีธุรกิจแอบแฝง ไม่มีการขายอะไร และแต่ละคนที่มาเสีย
  ค่าเครื่องดื่มกันส่วนตัวดูแลตัวเองกันครับ
- ความเห็นส่วนตัว
  ฟังมาว่าบางคนเห็นว่ากิจกรรมนี้ไม่มีหัวข้อในการคุยให้แน่ชัด (ขาด Topic) เลยไม่แน่ใจในการมา
  เพราะต้องเดินทางมา และไม่รู้ว่าจะมาทำไม อืม..นะ ก็เห็นด้วยครับ แต่ถ้าตั้งใจว่า "มากระชับมิตร
  และเกาะติดกระแสดาว" แบบนี้จะดูเข้ากับคอนเซปต์ของงานมากกว่า เพราะเรามีห้องเรียนให้เรียนรู้
  จากอาจารย์แต่ละท่านอยู่แล้ว และมีกิจกรรมบรรยายวิชางานพร้อมงานทำบุญบูรพาจารย์อยู่อย่างต่อ
  เนื่องไม่ขาดสาย ชั่วโมงที่จะ "พบกันนอกห้องเรียน แลกเปลี่ยนวิชาการ" ระหว่างศิษย์แต่ละค่ายแบบ
  "ไร้สายไร้ตะเข็บ" ให้และรับประโยชน์กันทุกฝ่ายจะตรงกับคอนเซปต์ของงานนี้มากกว่า ไม่งั้นจะพบ
  กันที่ร้านกาแฟทำไมล่ะครับ (แซวหน่อย..ตอนนี้ไม่มีกาแฟแล้ว เป็นชากับเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพแทน คอกาแฟบ่นมาเบาๆ)
      แต่แว่วๆมาว่าตัวตั้งตัวตีในการจัดงานก็มีแนวโน้มจะเห็นด้วยว่าจะมีการระบุ Topic ไว้สักเรื่องหลักๆ
  คุยเรื่องหลักเสร็จแล้วก็ไหลตามดาว
 
  ชวนทุกคน เจอกันคราวหน้าครับ (ว่าแต่เมื่อไหร่จะจัดอีกทีน้อ...)

แหม...ใครจะไปนินทาล่ะครับ ครูบาอาจารย์เนี่ย มีไว้ยกย่องต่างหากครับ : )

ในส่วนของผมโดยส่วนตัวนั้น ยังคงติดค้างเพื่อน ๆ ผู้นำโน้ตบุ๊คมาในเรื่องโปรแกรม เอรีส | Aries ว่าจะได้รับการติดตั้งให้ได้ทดลองใช้งาน

ต้องขออภัยที่ไม่ได้ติดตั้งให้แก่โน้ตบุ๊คของผู้ใดเลย เพราะมัวแต่โม้จนหมดเวลาเสียก่อน

ผมบ้านอยู่ ถ.พระราม 2 สะดวกที่คาร์ฟูร์ สาขา พระราม 2 (ตอนนี้รถเสีย จอดในลานอยู่ 3 คืนเข้านี่แล้ว) หากท่านใดมาได้ ขอให้มารับการติดตั้งโปรแกรม เอรีส | Aries เพื่อทดลองใช้งานได้เลยทุกวัน (โทรนัดมาได้เลย ก่อนเที่ยง ผมจะยังทำตัวเตร็ดเตร่ง อยู่แถวคาร์ฟูร์ได้ บ่ายเที่ยงค่อยเข้าทำงานประจำ)

ท่านที่ไม่ได้มาร่วม "ชุมนุม" ก็นัดมาได้นะครับ โทร 0811422888 ผมเพียงต้องการพบหน้า พูดจารู้จักกันบ้างสักหน่อย ว่าคนที่จะใช้นั้นจะเข้าใจในมุมมองของลูก เอรีส บ้าง ก่อนจะปล่อยให้ลูก เอรีส ไปอยู่ใกล้ ๆ (ลูกสาว เอรีส ไม่ค่อยจะเหมือนใคร เดี๋ยวคนเลี้ยงจะเอาใจไม่ถูก)

สำหรับเนื้อหาในการ "ชุมนุม" ครั้งนี้ ผมขออนุญาตสรุปในแบบไม่เป็นเรื่องเป็นราวของผมว่า...

- ทำไมถึงใช้ดาวเคราะห์น้อย-เคราะห์แคระ 
- ใช้เวลาเกิดใดในการพยากรณ์หุ้นขึ้นลง จึงทำได้ละเอียดถึงระดับ "เดย์เทรด"
- จะพิจารณาอย่างไรว่า โครงสร้างอะไรในดวงกำเนิดจะเกิดสำแดงเมื่อใดในชีวิต ในระบบพระเคราะห์สนธิ
- จะพิจารณาอย่างไรว่า ดาวจรชุดใด ส่งผลอย่างสำคัญต่อชีวิตช่วงหนึ่ง ๆ ในระบบพระเคราะห์สนธิ
- ระเบียบวิธีที่แน่นอน มีแน่นอน ไม่ต้องเลือกปฏิบัติ มีขั้นตอนชัดเจน (แบบ "บางครั้ง" ใช้ บางครั้ง "ไม่เจอ")
- การแยกแยะที่ชัดเจนว่า กลวิธีใดใช้กับระบบเรือนชะตา กลวิธีใดใช้กับระบบพระเคราะห์สนธิ ที่ยังแยกกันไม่ออกหรือไม่คิดจะแยกกันนั้นเพราะเหตุใด
- จานหมุนแบบโปร่งใส (Transparency Dial) ที่คิดแหกโค้ง อวด "มฤตยู" ที่มีในตน ใช้ฮาร์โมนิกส์ H16 เป็นหลัก ให้ H12 เป็นรอง และ H5, H7 ก็เป็นรองเช่นกัน จึงนอกกรอบแต่ตรวจสอบได้ จับต้องได้ ดูก็สบายใจ หาข้อมูลอะไรก็เจอ ง่ายจัง (ท่านหนึ่งถามว่า "ทำไมเพิ่งคิดได้" ก็ได้แต่อึ้ง ก็เพิ่งเกิดนี่นา)

ก็ในครั้งต่อไป คิดว่าน่าจะได้แยกว่าจะลงลึกในเรื่องใดเป็นพิเศษ เพื่อแลก "ความคิด" กันโดยเฉพาะเรื่องนั้น เผื่อใครจะทำการบ้านมา แต่เรื่องอื่น ๆ ก็สลับฉากเพื่อดึงอารมณ์ที่เน้นหนักให้กลมกลืนตามสภาพการณ์ รอวันขึ้นเป็นหัวข้อใหญ่ได้บ้าง

พยายามเล่าแล้วนะนี่ เรื่องมันยาว...

เรื่องดาวเคราะห์น้อยเคราะห์แคระเนี่ยน่าสนมาก  โดยเฉพาะ เจ้าเคราะห์แคระ  อีรีส เนี่ย เพราะเห็นภาพมวลเชิงประจักษ์ว่าใหญ่กว่า พลูโต แถมมีดวงจันทร์เป็นบริวารซะด้วย  เห็นเค้าว่า มี กุญแจความหมายว่า  วุ่นวาย  ตัวอื่นๆ ผมยังไม่ค่อยกล้าใช้ เอาเท่าที่มีอยู่ก็ได้ผลเป็นที่น่าพอใจแล้ว  ส่วนดาวทิพย์ทั้ง 8 นั้น ตามความเห็นของผมเองคนเดียวน่าจะเป็น แบบ เกตุไทย มากกว่า เป็นการสร้างขึ้นมาจากอิทธิพลของการคำนวณปัจจัย เพราะถ้าเจอมวลจริงส่องกล้องปัจจุบันหาเป็นต้องเจอมานานแล้ว  อีกทั้งวงโคจรก็เป็นวงกลมจนเกินไป ไม่เป็นไปในแนวฉวัดเฉวียนแบบพลูโต อีกทั้งเทคโนโลยี่ของ กล้องอวกาศฮับเบิล ปัจจุบันมันไปไกลลิบลับแล้ว ยังไม่เห็นมีข่าวคราวใดๆเพิ่มเติมเลย จะว่าไปอยู่ในกลุ่มเมฆอ๊อต  มันก็กว้างไกลเกินไป จะต้องโคจรช้ากว่านี้เยอะ 

    ถ้าเป็นไปตามนี้น่าจะมีการคำนวณสร้าง ดาวทิพย์ใหม่ๆได้อีก จากหลักการการแกะรอยการสร้างจากของเดิมแต่เป็นปัจจัยตัวใหม่ๆ บังเอิญผมรู้มาน้อย ขอเป็นแค่คนทดลองใช้ ก็พอ  คนรุ่นใหม่ๆหัวคำนวณเก่งลองคิดหาวิธีกันดู     คน  ไทย ร.4 ท่านยังบุกเบิกคิด สร้างเกตุได้เลย

อืม...สงสัยอยู่เหมือนกัน

คำที่ว่า พิสดาร ที่กระผมใช้กันก็ตามประสาเด็กวัด มิใช่จะเพ่งบารมีเทียบชั้นกับใครดอกครับท่านสมภาร

ตำนานที่ท่านเล่า ฮ่ำน้อยนี้ก็อ่านหลายรอบแล้ว

ความรู้โหราศาสตร์นั้นปราชญ์ท่านก็คิดไว้หมดแล้ว กระผมไม่มีอะไรใหม่หรอกครับ

เพียงแต่บางวัน เด็กวัดก็พากันออกนอกกรอบไปวิ่งเล่นกันได้ เจอปริศนาธรรมบ้าง ก็ยิ้มหัวร่อกันไปบางยาม ก็เท่านั้น

กระทบ "อหังการ์" ใครเข้าล่ะ ยังไม่หลงไม่ลืมเลยนะท่านสมภาร ใครพูดอะไรสะดุดหู ล้วงปูงัดปี พ.ศ. มาใช้ได้ชะงักนักทุกคราวไป

สรุปว่าอะไร ๆ มันก็มีอยู่ในใบลานหมดแล้วนั่นละหนอ! โอละพ่อ!

เอ้าไม่ได้สิ  ผมมันก็พวกหิวโหยวิชาคนหนึ่งนี่นา  บ้าเข้าขั้นเหมือนกัน  อะไรที่ได้ยินมาแล้ว เรารู้สึกเหมือนไม่รู้ไม่มี  ในทางโหราศาสตร์นี่  มันจะผึ่งขึ้นมาโดยอัตโนมัติเชียว  เรื่องของเรื่องคืออยากจะรู้กะเค้าบ้าง  เรื่องของเรื่องก็เลยถามไงล่ะ ก็ไม่ได้ไปฟังด้วยนี่นา 

  เรื่องของคุณใน block ผมก็ไปตามอ่าน ยังชื่นชมอยู่ว่า ไปหาไอเดียต่างๆมาจากไหนเยอะแยะสนุกดี  บางทีบางหัวข้อผมยังแอบขโมยมาใช้มาหาเมฆหาหมอกใช้ต่อยอดเป็นประเด็นหากิน และได้กินไปแล้วตั้งหลายอย่างหลายสตางค์ด้วยสิ  เรื่องที่ไม่เคยรู้และไม่รู้จะถามใครก็เรื่อง secondary progress นั่นไง ผมยังเคยสงสัยว่า แล้วเจ้า primary progress มันอยู่ที่ไหนอยู่ตั้งหลายปี  ไม่รู้จะไปถามใคร ก็มารู้จาก block คุณนี่แหล่ะ  ว่าจะขอบใจอยู่เนี่ย

   ส่วนคำว่า อหังการ์ มนังการ์ อะไรนั้นท่านจัดว่าเป็น กิเลส พวก มานะ  จัดเป็นส่วนหนึ่งของสังโยชน์ แม้พระอนาคามีท่านยังตัดได้ไม่หมด  ผมเองนั้นยังไม่มีวาสนาไปถึง ดังนั้นจึงมีอยู่เพียบ  และก็ยังไม่ได้เป็นอัลไซเมอร์จะลืมอะไรจนน่าเกลียด นี่นา  เวลาอ่านอะไรได้ยินอะไรผ่านหูผ่านตาก็เคยยังคงพอทรงจำได้บ้าง

   ไหนๆว่าเรียกเราสมภาร ซึ่งก็เกือบจะได้เป็นจริงๆ เพราะตอนผมบวช  สมเด็จพระสังฆราชพระองค์ก่อนจะส่งผมไปเป็นสมภารวัดล้างที่ปีนัง  บังเอิญผมไม่รักดีเลยขอสึกออกมาซะก่อน  พูดถึงความจำสมเด็จท่านแม่นมาก เคยทูลถามท่านว่า ทำไมพระชนม์ร่วม 90 ยังจำอะไรได้ไม่หลงลืม ท่านทรงเล่าว่า ท่านสมัยเป็นเณร เคยเห็นสมเด็จชินวรสิริวัฒน์ พระสังฆราชองค์ก่อนท่านจะท่องปาฏิโมกข์ และ บาลีไวยากรณ์ ก่อนจำวัดทุกวันไม่มีเว้น และปาฏิโมกข์นั้นท่องทั้งเดินหน้าและย้อนหลังด้วย !สำหรับสมเด็จพระสังฆราชพระองค์นี้นั้นผมเคยได้ยินกับหูตนเองมาว่าท่านใช้เวลา จาก ที่ผมเคยสวดกันทั่วไปชั่วโมงครึ่ง ของพระองค์ว่าได้เร็วจนเหลือ 38 นาทีโดยชัดถ้อยชัดคำไม่มีตกหล่น ผมจับเวลาเองกับมือ...ดังนั้นความทรงจำท่านไม่มีหลงลืมจนทึ่งแม้จะสูงวัย...ท่านเคยบอกว่าเป็นพระผู้ใหญ่แล้ว ถ้าเผื่อพระเณรมาถามวิชาบาลีไวยากรณ์หรือปาฏิโมกข์ศีล ตอบเขาไม่ได้ตนจะเก้อ....เล่าไว้เป็นเกล็ดแบบมุขปาฐะ ประเภทพงศาวดารกระซิบ

ที่จริงก็อยากจะให้ท่านสมภารมาด้วย (ยังแอบหวังไว้เช่นนั้น เพราะมีเพื่อนท่านหนึ่งคาดว่าอย่างนั้น) จะได้สมผัสบรรยากาศด้วยตนเอง อาจารย์บางท่านก็บอกลูกศิษย์ที่มาว่า "แล้วกลับมาเล่าให้ฟังบ้างนะ"

ผมคิดว่ากลับไปก็เล่าได้ไม่เหมือน โดยเฉพาะบรรยากาศนั้นอาจเล่าแทบไม่ได้เลย บางครั้งคุยกันเรื่องเล็ก ๆ แต่ในอารมณ์ของคนที่คุยกันกำลังออกรสตอนนั้น มันก็ใหญ่ในหัวใจของทุกคนพร้อม ๆ กัน แต่พอเอาไปไขข้างนอกกลายเป็นเรื่องใหญ่เข้าจริง ๆ คือฟังแล้วอัตตามันปูดโปนได้ง่าย ๆ

จึงอยากให้มากันด้วยตัวเอง เพราะอยากให้มีเข้าใจกัน หล่อหลอมกันก่อน มาพร้อม ๆ กัน คุยไปพร้อม ๆ กัน เติบโตกับบรรยากาศนั้นไปด้วยกัน ผิดพลั้งกันบ้างก็แก้ให้เข้าใจกันได้ทันที

สถานที่นี้เป็นห้างทันสมัย ใครพาเพื่อน แฟน ลูกมา ก็ให้ช็อปปิ้งรอได้สบาย ๆ

การทดลอง Teleconference ผ่านเน็ตนั้น น่าจะต้องเดินหน้าต่อเพื่อคนที่อยู่ไกลจริง ๆ อย่างท่านสมภารนี่แหละ (ฝากคุณ JigSaw เดินต่อนะครับ ต้องทำคนละเรื่องสองเรื่องครับ เพื่อให้เป็นเรื่องของทุกคนไปในที่สุด)

เรื่องจานโปร่งใสนี่คุณ Holis ก็คงต้องเป็นผู้เดินต่อ แม้ว่าเกือบจะใช้โปรแกรมกันหมดแล้ว แต่ดูจักรยานเถิด ก็ยังให้โลกที่สวยงาม ยามที่ใจขุ่นมัว และไม่ต้องการให้โลกหมุนเร็วนัก (เดี๋ยวนี้ความหมายของจักรยานก็เปลี่ยนไป ขายได้คันละหลายหมื่นบาททีเดียว) ในยามที่อ้างว้างเดียวดาย จานโปร่งใสนี้จะนำเรากลับเข้าสู่ด้านใน (Meditation) ที่อบอุ่นได้ไม่น้อย

งานอย่างนี้เรามาซึมซับกับมันครับ ประโยชน์โดยตรงนั้นอาจได้แค่ประโยคเดียวก็คุ้มแล้ว (บางท่านบอกว่า กลับไปนี้จะตั้งโจทย์ให้ตัวเองบ้าง เพื่อเป็นตัวปลุกให้ฝึกฝนตื่นตัวอยู่เสมอ)

ครับ... ในส่วนของผมนั้น ...ผมขอสรุปจากใจว่า มันเป็นรื่องเล็ก ๆ ที่ใหญ่โตในหัวใจของคนที่ยังมีหัวใจซุกซน ค้นหา เป็นที่ที่เรามาเล่นด้วยกัน เป็นกองทรายแห่งจินตนาการ (รอเวลาที่พวกผู้ใหญ่จะเรียกกลับเข้าบ้าน กินข้าว แล้วก็หลับเป็นตาย ไม่ฝันอะไรเลย เพราะไม่มีอะไรเก็บกดไว้ฝันอีกแล้ว ได้แต่นอนยิ้มปริ่มใจ น้ำลายไหล)

ท่านอื่นคิดว่าไงกันครับ...

นอกเรื่องไปกับอาจารย์ภารตหน่อยครับ

เรื่องสวดปาติโมกข์ เป็นความมหัศจรรย์ของสมองคนเราเลยทีเดียวครับ ไม่น่าเชื่อว่าจะจำอะไรได้มากขนาดนั้น ผมเองไม่ได้มีโอกาสฟังสวดปาติโมกข์จากสมเด็จญาณฯให้เป็นบุญหูซักครั้ง (แอบอิจฉาอาจารย์ภารตครับ :) ตอนบวชอยู่ เคยได้แต่ร่วมอยู่ในโบสถ์ปาติโมกข์เดียวกันกับท่าน ก็เกิดปีติรู้สึกได้ถึงทุกวันนี้

เรื่องความเร็วในการสวดนั้น เท่าที่เคยได้ยินมา เจ้าคุณอาจารย์วัดบวรฯที่อบรมผมท่านเคยทำสถิติไว้ 34 นาที (ถ้าจำไม่ผิดนะครับ) เป็นที่สบายใจของพระสงฆ์ในโบสถ์มาก เพราะไม่เมื่อยเท่าไหร่ ;)

ไหนไหนก็ไหนๆ แวะเอาเรื่องปาติโมกข์บ้างครับ
ผมเคยได้มีโอกาสบวชเมื่อปีที่แล้ว วัดมหาธาตุฯท่าพระจันทร์ หลังจากสึกมาแล้วยังไม่ได้โอกาสไปเยี่ยมพระท่านสักเท่าไหร่ เคยได้เป็นบุญหู วันเข้าพรรษา พระหนุ่มคณะอะไรไม่ทราบได้ ท่านสวดไวมากเหมือนกัน สามสิบนาทีหน่อยๆ ไม่น่าเชื่อว่าเมื่อมาเห็นตัวอักขระที่ต้องอ่านออกเสียง ปริมาณมหาศาล นอกจากต้องจำต้องท่องแล้ว ยังต้องท่องดังฟังชัด ถูกอักระ วรรคตอน แล้วยังต้องเร็วอีกด้วย ไม่งั้นคณะสงฆ์จะต้องเป็นเหน็บกันแน่นอน เพราะต้องนั่งคุกเข่า ยกส้นเท้าตามมาตรฐานอีกด้วย ฟังไม่ทัน แต่รู้สึกขลังมากๆ

ใครยังไม่ทราบก็ขอเล่าว่า ญาติโยมที่ไปวัด (วัดไหนก็น่าจะมี) ในวันนั้นนิยมไปเก็บน้ำมนต์มาเป็นศิริมงคลกันครับ ใครสนใจก็ เล็งๆวัดใกล้ๆบ้านวันเข้าพรรษานะครับ

เห็นเพื่อน ๆ และท่านสมภาร-ต มีประสบการณ์ได้บวชกันดี ๆ อยากจะบวชอีกซักที แหมเตื้อ (อู้จะอี้ ถูกเปล่าหว่า?)

บางทีผมก็ชอบคุยทางนี้มากกว่าทางโทรศัพท์นะครับ บางทีเพื่อนโทรมาเกี่ยวกับหัวข้อในเวบ ก็อยากจะบอกว่าให้ไปคุยในเวบ ทำไมไม่เขียนไปในบอร์ด -- แต่ถ้ากวนกันมากก็ชักจะ (ตัวเอง) ไม่ไหว แล้วก็พาตัวเองให้กวนกลับ สองง่ามสามแง่ไปกับเกมส์อักษรด้วย ตามปฏิภาณและกระแสจิตในขณะนั้น อันนี้ต้องขออภัยท่านสมภาร-ต มาด้วยความจริงใจขอรับ เพราะมีหลายครั้งที่ไม่เข้าใจวัฒนธรรมของคนที่นี่

เกล้าว่า ถ้า 27 ก.ค. มิได้ติดขัดอันใด จักโจนรถไฟไปแอ่วเจียงใหม่อีกซักเตื้อ

แต่ไม่ขอเป็นสัญญาของหนุ่มกรุงเทพฯ กับสาวเครือฟ้านะสู

หากฮาได้นอนวัดสักคืน คุยกันเรื่องโหราฯ ในแสงเทียน กลิ่นธูป พระพุทธรูปอยู่ต่อหน้า ลมโชยพัดมาเอื่อย ๆ ฮาว่าสมองจะทำงานดีชะมัด

(ภาษาผมมันมั่วมากเลยใช่ไหมครับ!)