ที่จานกล่าวถึง นามจิต มันคือ อรูปนาม ใช่มั๊ยค่ะ ที่เกิด จาก ภาวะจิตปรุงแต่งขึ้นมา เรื่องศัพท์ในศาสนา เป็นอะไรที่ตีความยากเหลือเกิน ถ้าไม่ได้ศึกษากันอย่างลึกซึ้ง

จุด สัมผัสที่หก เนี่ย เค้าว่ามีกันทุกคน แล้วแต่ว่าใครจะสามารถกระตุ้นจุดนี้ ได้ และด้วยวิธีไหน แต่บางคนก็มีอยู่และใช้งานได้เลยโดยไม่ต้องไปกระตุ้น ในทางโหราศาสตร์  เราจะดูจุดเหล่านี้ จากอะไรได้บ้างค่ะ แล้วทำอย่างไรให้มันทำงาน

บ่นต่อนะ จาน นะ...อยากรู้อ่ะ 

ในโลกนี้ทางศาสนาตะวันออก แบ่งออกเป็น 2 ส่วนคือ ส่วนที่เป็นรูปและส่วนที่เป็นนาม  ถ้าเป็นสิ่งที่มีชีวิต ก็แบ่งออกเป็น 2 คือ กายกับใจ ในภาษาไทย ซึ่งภาษาบาลี เรียกว่า กาย กับ จิต

ถ้าแบ่งตามหลักวิชาแนวขันธ์ 5 ( ขันธ์แปลว่า กอง ) กายก็เป็นรูป  ส่วนจิต นั้นเป็นนาม 

ขันธ์ 5 นั้น ได้แก่ รูป  เวทนา  สัญญา  สังขาร  วิญญาณ

เมื่อรูปขันธ์ เป็นกาย  อีก 4 ขันธ์ ที่เหลือจึงเป็นนาม 

ดังนั้น  คำว่า อรูปนาม จึงไม่มีในทางศาสนาตะวันออก และ นามจิตก็ไม่มี เพราะจิตเป็นนามอยู่แล้ว  เช่นเดียวกับ พลังงานจิต นั้น ไม่มีในพุทธศาสนา เพราะจิตเป็นธาตุรู้  พลังงานเป็น ศัพท์และคำจำกัดความตามวิชาวิทยาศาสตร์

ต้องเข้าใจก่อนว่า สิ่งที่ถูกรู้ คือ รูป  สิ่งที่รู้คือ นาม ตรงนี้สำคัญมากต้องเข้าใจหลักนี้ให้ดี  มิฉะนั้นจะเข้าสู่วิปัสสนา ( วิปัสสนา = รู้เห็นแจ้งตามสภาวะธรรมที่เป็นจริง ) ไม่ได้ หรือได้แต่ไม่สมบูรณ์

การเข้าฌาน ก็ดี การเจริญสติปัฏฐาน 4 ซึ่งผลออกมาเป็น ญาน ก็ดี หลักใหญ่ใจความก็เป็นเรื่องของ การเข้าใจกลไกของ ขันธ์ 5 อย่างถ่องแท้นั่นเอง  เพราะโลกและชีวิต ก็คือ จิตที่รู้อารมณ์ เท่านั้นเอง ตามหลักของ อภิธรรม

ขอบพระคุณค่ะ เห็นมั๊ยค่ะอิชั้นใช้ภาษาผิดอีกจนได้ แต่ดีค่ะจะได้จำ ไม่เผลอเรอ ไปสะเหร่อ อวดรู้ที่ไหน...กับอาจารย์ ยังไงก็ไม่อาย..ต่อๆๆ 

งั้นถามใหม่..อายตน คือ สัมผัสทั้ง5 ใช่มั๊ยค่ะ รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส

เค้าบอกว่าถ้าละประสาทสัมผัสทั้ง 5 ได้ สัมผัสที่ 6 จะเริ่มทำงาน

วิธีการที่จะละสัมผัสทั้ง 5 ได้ ได้มาจากการทำสมาธิ ใช่มั๊ยค่ะ...ต้องถึง ฌาน ด้วยมั๊ยค่ะ

อายตนะ 6 คือ รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส  ธรรมารมณ์  มาเจอกับ อวัยวะรับรู้ 6 อันได้แก่  ตา หู  จมูก ลิ้น กาย และใจ แต่ละส่วน มาเจอกัน เรียกว่า ผัสสะ

สัมผัสที่ 6 ก็คือ เจ้าธรรมรมณ์ นี่แหละ เป็นการรู้ด้วยใจ หรือ จิตตะสัมผัสโส หรือการรู้ด้วยจิต ตรงนี้มีความละเอียดหยาบแตกต่างกันในแต่ละบุคคล ความละเอียดนั้น เป็นได้ทั้ง 2 แบบ คือ เกิดจากการฝึกฝนตามหลักวิชาทางการบังคับกลไกของจิต กับเกิดขึ้นเองทางธรรมชาติแนวชีววิทยาของคนๆนั้น ที่โหราศาสตร์เรียกว่า ในดวงมีจุดตั้งรับแรง ซึ่งก็ยังต้องแยกเป็นระดับได้อีกหลายขั้น

อิอิ...แหม ก็ตอนนี้มันม่ายมีใครมาคุยด้วยอ่ะ...ก็อาจารย์ เป็นคนเริ่มสอนให้อิชั้นนั่งสมาธิ อิชั้นก็ติดหนึบอ่ะ

อ่ะ..เข้าโหราก็ได้ จะดูในดวงอย่างไร ว่าเรามีจุดตั้งรับแค่ไหน จะกระตุ้นได้มั๊ย อย่างไร...จะได้ไปให้มันถูกๆทางหน่อย มัวแต่หลงไปหลงมา มันก็ไม่เข้าเป้าซะที

ไหนๆ จานก็เกื้อหนุนอิชั้นมาขนาดนี้แระ ทั้งโหรา ทั้งคำสอนทางธรรม อีกนิดนึงก็ถึงแล้ว

เห็นคนแก่งแย่งชิงอำนาจกัน อยากเด่นอยากดัง กันจนไม่รู้ว่า จะกอบโกบกันไปถึงไหน...เด๋วก็ตายกันแระ จะเอาไปได้มั๊ยละนี่ ไอ้ที่อยากๆ กันน่ะ ไม่รู้กันเหรอ...

ความสามารถทางจิตที่พิเศษเนี่ย   ท่านปรมาจารย์จรัญ  พิกุล เคยบอกว่า ให้จับตามดูตามสูตร มฤตยู+โครโนส-โปไซดอน และสูตร พุธ+เนปจูน-พฤหัส ว่า อยู่ที่ใดในดูชะตา แล้วลองทำให้ครบฟังค์ชั่นทางพีชคณิต ดู เช่น a+b-c , a+b+c,a-b-c , a/b//b ว่ามีเท่ากับ c หรือ ไม่ และถ้ามีแล้วเข้ากับจุดเจ้าชะตาไหนบ้าง เกิดกับตัวเจ้าชะตาเองหรือแค่ไปเกี่ยวข้องใกล้ชิด

โดยสูตรแรกนั้น ของจริง

ส่วนสูตรหลังเป็นเรื่องรู้น่ะรู้จริง แต่ที่เล่าที่บอกมานั้นน่ะ ต้องฟังหูไว้หูเพราะที่อธิบายมาน่ะอาจจะเป็นไปตามความเข้าใจของเขาเอง แต่ไม่ถูกต้องตามสภาวธรรมจริงๆก็เป็นได้ซึ่งมักจะพบกันเกลื่อนกราด

ส่วนจากการค้นคว้าของผมเอง นั้น เท่าที่พบเห็นมา ใครที่มีสูตร อังคาร+อังคาร-เมอริเดียน = เมอริเดียน จะมีฉันทะวิริยะแรงในการทำสมาธิจิต.....ในทางกลับกันถ้า หาฤกษ์นั่งสมาธิตามนี้ ผสมผสานกับ เวลา VOC. หรือจันทร์ไร้มุม จะเกิดช่วงเวลาที่ จักรวาล หนุนนำให้เข้าถึงจังหวะฟ้ากับสมาธิได้ง่ายและได้ผลน่าพอใจ

ดังนั้นพิธีกรรมหรือเหตุการณ์ใดๆก็ตาม  นักโหราฯเขาดูจากดวง ณ เวลานั้น ว่าของจริงหรือไม่ ไม่ได้ดูจากความเป็นอลังการ์ของพิธีกรรมหรือความน่าเชื่อถือของผู้แสดง

นี่..เห็นมั๊ยค่ะ ท่านผู้อ่าน อาจารย์ดิฉัน ไม่เคยกั๊ก...ขอบอก(ถามติ๊ดเดียว..ตอบยาวๆ) จะไม่ให้ร้ากกก ได้ไงเนี่ย..จะชมอยู่อย่างเงี้ย...ถ้าทนอ่านไม่ได้ ปิดตาซะ...อิอิ)

ขอให้ถามให้ตรงจุด ตรงประเด็น และตั้งใจจริงที่จะเรียนรู้ อาจารย์ท่านให้จนสิ้นเนื้อประดาตัว...แต่ก็อยู่ที่ผู้รับอ่ะนะ ว่าจะรับ และ เกท กันได้แค่ไหน

แต่สำหรับอิชั้น รับมาเท่าไหร่ ถ้าไม่เกท ก็ถามไม่เลิกแหล่ะค่ะ ไม่เคยคิดว่ารู้ไปซะทั้งหมด เมื่อรับมาปฏิบัติแล้ว ย่อมต้องตรวจสอบ จากที่ไหนเหรอค่ะ ....หุหุ จากกระแสเสียงรอบข้างไงค่ะ ผลการทำนาย และการพิสูจน์ให้เห็น

ขอบพระคุณค่ะ...จะนำไปทดลองปฏิบัติ ณ บัด now

ความหมายสำหรับพระเคราะห์สนธิเล่ม 1

AR+VU-PO = Geistige Macht, Großer geistiger Einfluß

อำนาจจิต, อิทธิพลทางจิตมหาศาล

ความหมายสำหรับ ABC für Planetenbilder-  by Udo Rudolph ,Deutsche Erstauflage(พิมพ์ครั้งแรกเป็นภาษาเยอรมันในปี 1996) ณ.เมือง ฮัมบูรก์ ประเทศเยอรมันนี

AR+VU-PO = Einfluß einer Idee im öffentlichen Leben, Erkenntnisse über Gewalt in der Öffentlichkeit, geistige Kraft der Welt, Macht des Gesites in der Öffentlichkeit, öffentlicher Kultur-Einfluß, Vernunft als Stärke im öffentlichen Leben, Wahrheit als öffentliche Macht

อิทธิพลของความคิด ในชีวิตประจำวัน,การเข้าใจเกี่ยวกับความรุนแรงในที่สาธารณะหรือชุมชน,อำนาจทางจิตบนโลก,พลังอำนาจทางจิตในที่แจ้ง-สาธารณะ,สิ่งชักจูงเกี่ยวกับวัฒนธรรมของชุมชนหรือประชาชน,ความพอควรหรือสมเหตุสมผลของประชาชน,ความถูกต้องของอำนาจชุมชน-ประชาชน

ในเรื่องความสามารถทางจิต ดิฉันคิดว่าควรจะใช้สูตร ME+NE, ME+NE-PO= Klarheit durch intuitives Denken

ความชัดแจ้ง ชัดเจนโดยใช้การหยั่งรู้ หรือรู้แจ้งเห็นจริงจากสัญชาตญาณหรือญาณ

จานค่ะ

มฤตยู+โครโนส-โพไซดอน

เมษ+วัลคานุส-โพไซดอน

เข้ว แอดเมตอส ทั้ง สองสมการเลย จะงมงาย หรือลึกซึ้งดีค่ะ

แกน โพไซดอน มีดาวเข้ารูป พุธ/เนปจูน...อิอิ

แกน โครโนส เข้ารูป กับ เมษ/อังคาร และ เมอริเดียน/มฤตยู...อิอิ

สรุปให้หน่อยซิค้า...จะเหมือนที่อิชั้นคิดไว้มั๊ย

อุ่ย..ตัวเล็กไปหน่อย เด๋วจานอ่านลำบาก ขอโพสอีกทีนะค่ะ

จานค่ะ

มฤตยู+โครโนส-โพไซดอน

เมษ+วัลคานุส-โพไซดอน

เข้า แอดเมตอส ทั้ง สองสมการเลย จะงมงาย หรือลึกซึ้งดีค่ะ

แกน โพไซดอน มีดาวเข้ารูป พุธ/เนปจูน...อิอิ

แกน โครโนส เข้ารูป กับ เมษ/อังคาร และ เมอริเดียน/มฤตยู...อิอิ

สรุปให้หน่อยซิค้า...จะเหมือนที่อิชั้นคิดไว้มั๊ย

ดีคร๊าบ...ผมเป็นคนที่สนใจเรื่องสัมผัสที่6มากเลยครับ..

คือสรุป...อยากมีสัมผัสที่6..ต้องทำไงครับ......

ช่วยบอกหน่อยครับ...............

เอาดวงมาแกะดูคับ

อิชั้นจำได้ว่า นอกจากเวลาช่วง VOC ที่ว่ากันแล้ว(จันทร์ไร้มุม ก่อนย้ายราศี) เป็นช่วงจักรวาลพักผ่อน เหมาะกับการนั่งสมาธิ เพราะอะไรนั้น ต้องลองไปหามาอ่านกันดู ในบทเรียนของทางไกลจะมีอยู่ ถ้านักศึกษาลองกลับไปทบทวน ก็จะเข้าใจ

นอกจากช่วง เวลา VOC ที่กล่าวแล้ว เราสามารถ คำนวณ หาเวลาที่เหมาะกับการทำสมาธิ ซึ่งอาจารย์ เคยสอนไว้ พอสมควร...แต่ เผอิญ อิชั้น จำไม่ได้แระ...แหะ แหะ ขออีกทีได้มั๊ยค่ะ(ขึ้นต้นซะดีเชียว...อิอิ)

     เราคำนวณหา เวลาการทำมุมเรียงตามเวลาการทำมุมของจันทร์กับดาวต่างๆ เท่าที่มีจนครบ แล้วนับเวลาจากจุดสุดท้ายนี้ไปถึง จันทร์ยกเข้าราศีถัดไป ช่วงระยะเวลาที่ว่านี้คือ  VOC หรือจันทร์ไร้มุม  ซึ่งบางทีก็สั้นบางทีก็นานพอสมควร  

     ตรวจพิจารณาดูว่า จันทร์เดินองศาจนเข้าราศีถัดไปนั้นกี่องศา  จากนั้นมาดู  ma+ma-mc , su/po และ su/po สะท้อน  ar+kr-po , ar+vu-po อยู่ที่ไหนกี่องศา  ดูว่า ถึงกลุ่มองศาจันทร์ VOC รึเปล่า ( ฟ้าเปิดให้เราไม๊? ในมุมดังกล่าว ) ถ้ามี ถ้าดักนั่งสำรวมจิต ในช่วงก่อนหน้าให้ข้ามช่วงจันทร์ให้คุณดังกล่าว  โดยปรกติมักจะสำรวมดิ่งเข้าเอกคตารมณ์ ( จิตรู้รวมศูนย์ )ได้ง่าย ... มีผลเสมือนชาร์ตแบตเตอรี่พลังจักรวาลเข้าศูนย์กลางดวงจิตชีวิต แนวอายุวัฒนะ ทีเดียวเชียวล่ะ

แหมๆๆ..คุยกัน กระหนุงกระหนิง น่ารักทั้งอาจารย์ และศิษย์

ว่าแล้วเรื่องแม่มดที่จานว่ามานะหนู begin ม่ายช่ายอย่างที่หนูนึกภาพ...อันนี้เป็น แม่มด hi-tech ป้าก็เป็น(จานบังคับ)

ไม่เน้นคุณไสย มนต์ดำฯลฯ อิทธิฤทธิ์ ปาฏิหารย์ เน้น การคำนวณทั้งจากโปรแกรมคอมฯ และมือ ควบคู่ไปกับหลักวิชา...ฝีมือล้วนๆ

จานนะสอนป้ามาแล้ว ยังมีแม่มดประเภทนี้อีกหลายตนนะจะบอกให้ สวยได้สวยดี ทันสมัย ฉลาด มีเหตุมีผล และที่สำคัญ ธรรมะ ธรรมโม ทั้งน้าน

เอ่อ...ว่าแล้ว กระทู้นี้น่าสนใจใช่น้อยนะคะจาน ทำบทความเรื่องนี้เถอะค่ะ อาจารย์จ๋า...สร้างบุญ สร้างกุศล มีคนอีกจำนวนมากที่มองการทำสมาธิเป็นเรื่องยาก เป็นเรื่องไม่อาจเอื้อม จริงๆแล้ว มันเป็นเรื่องสมควรทำอย่างยิ่ง สมาธิ ที่เป็นบ่อเกิดของปัญญา จะนำพาให้เรารู้จัก มีสติ คิด พิจารณา อะไร อะไร ได้อย่างมีเหตุ และผล...มีแต่ประโยชน์นะค่ะ

สร้างสรรบทความดีๆ แบบนี้อีกเถอะค่ะ นะค่ะ จานขา...

คือฉันก็เป็นคนที่มีสัมผัสที่ 6 คนนึง มันเป็นเรื่องที่แปลกมากบางที่ก็มีภาพขึ้นมาในหัวและมันก็เกิดขึ้นจริงในอนาคตหรือบางทีก็นั่งอยู่เฉยๆก็นึกถึงใครสักคนและเขาก็มาหรือบางทีก็โทรศัพท์มาหามันเกิดขึ้นจากอะไรก็ไม่รู้แต่ที่รู้ๆมันก็ดีที่บางครั้งเรารู้อนาคตก่อนแต่มันก็เกิดขึ้นไม่บ่อยหรอกค่ะ

รุ้สึกว่าเมือนจะมีอ่ะ สัมผัสที่6 อ่ะ แต่มันก้อเปนบางครั้งตอน ไม่รุ้สิ แต่ว่าเด๋วนี้ไม่ค่อยจะมีเรย เอาเปนว่าเราก้ออยากมีอ่ะ ไม่รุ้หรอกว่าการมีแล้ว ผลดีกับผลเสียอันไหนจะมากกว่ากานน่ะ แต่ยังไงๆ ก้ออยากมีอ่ะ บางทีน่ะ 0.0 สำคันมากๆ อยากบินได้อ่ะ มีคัยแนะนำด้ายไหม ไม่ได้บ้าน่ะ เราชอบดุการ์ตูนอ่ะ ไม่ก้อพวกหนังที่มันมีกราฟฟิกเยอะๆ แบบแฟนตาซีอ่ะ เรยคิดว่าถ้าเราบินได้ก้อคงจะดี ตอนกลางคืนมองดุดาวแล้วสวยมาก อยากไปดุไกล้ๆไม่ก้อดุลงมาพื้นข้างล่าง ที่มีแสงไฟเยอะๆในความมืดอะ มันจะมีทางไหนบ้างน่ะ -*- ขอย้ำจิงๆ ไม่ได้บ้าน่ะ  

การที่เราจะบินได้มันแทบไม่เกี่ยวกับสัมผัสที่6เลยอ่ะ ถ้าอยากลอยได้ก็ลองเข้าฌาณจนได้ขั้นสูงๆดู เธอก็จะลอยได้ยืนอยู่บนน้ำได้  แต่พอถึงขั้นนั้นแล้วเธอก็คงไม่มีกิเลสในการที่อยากจะบินแล้วล่ะ ซึ่งวิธีนี้เราจึงไม่แนะนำ

พูดในเชิงทฤษฎี  ถึงเราจะเอาปีกมาติดแขนก็บินไม่ได้อยู่ดี เพราะว่าแขนเรายังมีกล้ามเนื้อไม่แข็งแรงเท่ากับสัตว์ปีก   บินได้2-3ทีก็ร่วงแล้วอ่า (พูดอ้างอิงในทางวิทยาศาสตร์นะ มะได้พูดเล่น)

แต่ถ้าเธออยากบินจริงก็  ลองขึ้นเครื่องร่อนดูดิ อาจทำให้พอหายอยากได้

[URL=http://www.pixnice.com/upload/][IMG]http://www.pixnice.com/upload/files/ym02igoydj5knx3zymzy.jpg[/IMG][/URL]

อยากมีสัมผัสที่ 6

เราจะปลุกสัมผัสต่างๆที่อยุ่ในตัวเรายังไงดีคับ แล้ว จะรุ้ได้ยังไงว่าเรามีสัมผัสหรือไม่

ผู้ที่รุ้เกี่ยวกับเรื่องนี้ช่วยบอกทีคับ

แบ่งปันค่ะ น้ำมันเกียร์อัตโนมัติที่ดี ควรมีสารสารป้องกันการเกิดฟองในน้ำมัน, สารป้องกันการเกิดปฏิกิริยากับออกซิเจน , สารช่วยรับแรงกดสูง