ขอแสดงความคิดว่า...

เป็นการพยากรณ์โดยอุปมาอุปไมย (เทียบเคียง) ชนิดหนึ่งน่ะ

แต่ไม่ใช่โหราศาสตร์โดยตรง เพราะไม่ได้ใช้ดาว (ตามนิยามที่แยก โหราศาสตร์ ออกจาก หมอดู เป็นนิยามที่เจาะจงชัดดี) หากให้อธิบายโดยละเอียด อาจพอกล่าวได้ว่า ใช้โหราศาสตร์โดยถ่ายทอดไปทางอ้อม แต่ต้อง ดังนั้น... ดังนั้น... ดังนั้น... ดังนั้น... ไปไกลสักหน่อย

การพยากรณ์ -> การใช้การอุปมาอุปไมย
โหราศาสตร์ -> การใช้อุปมาอุปไมย

อาจมองได้ว่า โหราศาสตร์ (ในที่นี้เราพูดถึง ยูเรเนียน) เป็นศาสตร์เช่นเดียวกันกับ การพยากรณ์ ชนิดหนึ่ง (หรือกลับกัน)

นาย ก เกิดมาจาก แม่
ไอ้ด่าง เกิดมาจาก แม่

อาจมองได้ว่า นาย ก เป็นสัตว์เช่นเดียวกันกับ ไอ้ด่าง

แต่ไม่ใช่สัตว์ชนิดเดียวกัน เพราะเหตุผลที่ใช้ยังไม่แน่นพอ เป็นเพียงคุณลักษณะหนึ่งเท่านั้น ยังสรุปไม่ได้ โดย...

นาย ก เป็น คน
ไอ้ด่าง เป็น หมา

นี่เป็นกลลวงอย่างหนึ่งของตรรกะ (Logic)

ในวงการ ขายตรง MLM เครื่องสำอางค์ การเมือง ศาสนา ฮวงจุ้ย ทายหวย ใช้หลักการแบบนี้หลอกขาย "ของ" กันมาก

ครับ...

ยก "กาลามสูตร" ข้อนี้มาเตือนใจได้ดีเยี่ยมเลยครับ

ก็เป็นเครื่องยืนยันว่า โหราศาสตร์ (ที่แท้) ไม่ใช่แค่เรื่องอุปมาอุปไมย คงมีโหราศาสตร์ "ปลอมบวช" อยู่ คืออุปมาให้ดูสมจริง เพียงเพื่อจะขาย "ของที่ระลึก" ให้คนนึกว่าเป็น "ของขลัง" แต่ขาดซึ่งความจริงของ "ปัจจัยปรุงแต่ง"

การอุปมาอุปไมย ก็มีจุดอ่อนอยู่
ตรรกะ ก็มีจุดอ่อนอยู่ (เราจึงได้เรียน ตรรกะ แค่เป็นบทหนึ่งของวิชา คณิตศาสตร์ หรือ ดิจิตอล เท่านั้นไง เพราะมันไม่ได้มีค่ามากมายอะไรนัก)

(ดังที่ผมยกตัวอย่างในความเห็นก่อนหน้านี้ ซึ่งถ้าสรุปอย่าง "ขายของ" ก็อาจว่า นาย ก = ไอ้ด่าง ดังนั้น นาย ก เป็น หมา)

โหราศาสตร์ที่แท้นั้นคงเป็น "สหวิทยา" (Integrated Science หรือ Integrated Philosophy สมัยก่อน ปรัชญา แปลว่า ความรู้ หรือ วิทยา ในสมัยนี้) ก่อนที่จะถูกจับแบ่งแยกส่วนหนึ่งไปเป็นวิทยาศาสตร์บริสุทธิ์ วิทยาศาสตร์สังคม และอื่น ๆ (ปรัชญา เลยกลายเป็น ความรู้ประเภทคิดคำนึงเก็งความจริงเอา แต่ยกย่องคำว่า วิทยา เป็นความรู้ที่แท้จริง แบบ วิทยาศาสตร์)

หากจะมีบทสวดใดที่นักโหราศาสตร์จะพึงสวดบ่อย ๆ ผมก็ขอเสนอบท "กาลามสูตร" นี่แหละครับ จะเป็นเครื่องเตือนสติให้ระลึกถึงความจริงได้ชะงักนัก

เยอะคับ  บทสวดของโหราน่ะ   โหรรุ่นเก่า  ท่านสวดมหาสมัย กับธรรมจักรกัปปวัตนสูตร  โหรรุ่นใหม่  เขาสวดเพิ่มบท
1 อิทัปปัจจยตาปฏิจฺจสมุปฺปาทปาฐะ 
2 ปรมตฺถสภาวธมฺมปาฐะ 
3 มหาพุทฺธโถมนการปาฐะ 
4 ธมฺมปาหํสนปาฐะ

แถมด้วยบทสวดมาติกาอภิธัมมถสังคหะ ลงไปด้วย  มีในสวดมนต์แปลฉบับสวนโมกข์

อย่างนี้ ก็คงถือว่าเป็นการรบนอกแบบ หรือไหวพริบนักโหราศาสตร์ เพื่อจะให้ได้ชัยเฉพาะกิจอันหนึ่ง

แต่วิธีที่ใช้คงจะนับว่า "โหราศาสตร์ยูเรเนียนมันสามารถบอกได้มากกว่านั้นลึกกว่านั้นมากเท่านั้นเอง" ไม่ได้ คือทำไปโดยนักโหราศาสตร์ยูเรเนียนที่ลงประชันในการณ์หนึ่งจริง แต่ที่จริงไม่ได้ใช้โหราศาสตร์ยูเรเนียน (เสมอไป)

เทียบกับสมัยพุทธกาล ก็คงได้กับกรณีที่ภิกษุแสดงฤทธิ์ดึงให้คนเลื่อมใส แต่ไม่ได้แสดงธรรม

(หรือว่าไงครับ อ.ภารต - พาดพิงแล้วนะ)

มีเรื่องที่ต้องอาศัยสถิติอยู่บ้างแต่เป็นสถิติที่ยังไม่ได้คัดกรองแบบเป็นวิชาการปัจจุบันเป็นเรื่องเป็นราวก็คือเรื่อง องศาเซเบียน กับเรื่องจันทร์เสวยฤกษ์นี่แหล่ะครับ  ผมเองก็ได้ยินได้ศึกษาใน  2  เรื่องนี้มาหลายปีอยู่  จากประสบการณ์ส่วนตัว ( คนอื่นใช้ยังไงผมไม่รู้ )  ถ้าลองเอามาใช้เมื่อไหร่เป็นเจ๊งเข้าป่าทุกทีไป  เพราะขนาดในวิชาโหราสากลยูเรเนียนเอง เรายังต้องมีรุมคือใช้สารพัดจุดสารพัดปัจจัยเอามาวิเคราะห์สังเคราะห์....กว่าจะได้ฟันธง confirm  อะไรออกมาสักอย่าง  ลองอ่านตำราทั้งฝรั่งและอินเดีย  พี่แกแปลออกมา  ตายตัวดิ้นไม่ได้  มิหนำทายเมื่อไหร่เป็นผิดเมื่อนั้น  ( คนอื่นอาจจะใช้ถูกก็ได้  ซึ่งอันนี้ผมไม่ทราบ)   ก็เลยเอามาเล่าให้ฟังนี่แหล่ะคับ

ส่วนเรื่องเชาว์โหราฯ นั้น  ผมเคยไปทำนายงานกาชาดปีหนึ่ง  นานมามากแล้ว  เจ้านายพระองค์หนึ่งเสด็จมาดูดวงที่เต้นท์ของสมาคม  ตำรวจที่ติดตามมาดันมาซื้อบัตรมาดูที่โต๊ะผม  เห็นผมตอนนั้นหน้าอ่อนอยู่  เข้ามาตะแกก็เอะอะ  ตอนนั้นผมใช้ดวงไทยทำนาย ( ท่านนายกโหร พตท. ประสิทธิ ฯ เขาเกณฑ์ขอแรงมาช่วยงาน )  มาถึงก็เสียงดังว่า  ไหนดูซิหมอ  ว่าผมทำงานอาชีพอะไร  ตะแกแต่งนอกเครื่องแบบมา  ก่อนเข้างาน ผมเห็นว่าขัดรองเท้าหนังมามันแผลบส่องหน้าได้  เชาว์บอกมาว่า ไม่ทหารก็ตำรวจแหงเลย   ยิ่งมาเวลาเจ้าจะเสด็จด้วย  มีโอกาสสูงที่จะเป็นตำรวจ  ในดวงเสาร์เด่นกว่าอังคาร  เพราะเป็นเดช  เป็นตนุลัคน์  ก็เลยทำนายว่าเป็นตำรวจ  ข้อแรกถูก  ( มัน ) ดันถามต่อว่า  แล้วรู้ไม๊ยศอะไร  เสียงดังด้วยสิ  ทีนี้ใครๆก็มองมาที่เราน่ะสิว่า  จะทายยังไง  อย่าว่าแต่วิชาโหรไทยเลยคุณ  ขนาดโหรายูเรเนียน ก็คงเต็มกลืน  เชาว์คนมันจะทำนายได้  ก็นึกขึ้นมาได้ว่า  อีตานี่อายุเพิ่งจะ  36  หน้าตา ( มัน ) ไม่โง่ ! น่าจะมาจาก รร.นายร้อยแน่นอน  ลองย้อนเดชเป็นศรี  เป็นมนตรี ตามตำราว่าจะได้เลื่อนยศ  นับ  จากอายุ 22 ถ้าเรียนจบ 
นับจาก รตต. รตท.  รตอ. พตต.  ถึงปัจจุบัน ( ตอนนั้น ) น่าจะเป็น พตท. ในปีที่แล้ว  อ่ะได้การ ตรวจดูลมหายใจเราไม่ติดขัดทั้ง 2 ข้างรูจมูก  ทำให้มั่นใจ  ทายว่า  เป็น พตท.  อีกทั้ง ราหูเป็นปัตตนิ  เป็นดาวเด่น  ด้วย เลยออกคำทำนายไปว่า เป็นพันตำรวจโทรมีเมียเป็นคนต่างด้าว  เท่านั้นแหล่ะคุณเอ๊ย  ( มัน )เอะอะลั่นเต้นท์ว่า  แม๊นเม่น  เที่ยวไปเรียกคนนู๊นคนนี้มาดู  ซึ่งงานนี้ใช้เชาว์ปัญญาล้วนๆไม่มีหลักการอะไรสักเท่าไหร่เลย  เบสิกพื้นๆแท้ๆเชียวเล่นเอา  โหรร่วมเต้นท์ค้อนควักเชียว  เรียกว่าเราดวงดีรอดมาได้ด้วยไหวพริบแท้ๆ  ม่ายงั้นหน้าแตกเชียว

ตอบ  คห.56  ตามพระวินัยท่านถือว่าเป็นปรับอาบัติ ทุกกฎ  น่ะคับhttp://www.tipitaka.com/baatmaijun.htm

ทางโหราศาสตร์เรา คงไม่มีปรับอาบัติ (ไม่ว่า ทุกกฏ หรือ บางกฏ ยอมให้ทำได้เมื่อต้องการเอาชัยเฉพาะสมรภูมิ) จะว่าเป็นการ ยกประโยชน์ให้จำเลย ก็ได้ (ก็กรรมการมองไม่ทันเอง)

บางครั้งก็ต้องว่าเป็นเรื่องของ หมอดูดวงดี (มันต้องมีกันบ้าง ของอย่างนี้ ตั้งดวงผิดแต่ทายถูก เราก็มีโอกาสได้โม้กันว่าใช้โหราศาสตร์กันเต็ม ๆ ตอนทายน่ะ แต่พอรู้ทีหลังแล้วอยากจะบ้าตาย เอาอะไรทายไปหว่า คนเกิดมาเป็นหมอดูน่ะ พูดยาก... เรื่องคลาสสิค/เก๋า ๆ แบบนี้มีประสบการณ์กันทุกคน)

ลงเวทีแล้ว ผู้ชนะเท่านั้นจึงมีสิทธิ์ให้สัมภาษณ์ ก็ต้องถือโอกาสเชียร์ค่ายตัวเองกันหน่อย ...เอ่อ ผมใช้โหราศาสตร์ปล่อยเข้าเบ้าตาไปเต็ม ๆ เลยครับ อันนี้ผู้ชนะเท่านั้นที่พูดได้

คุณตามอ่านครับที่คุณตอบในความเห็นที่ 55 ที่บอกว่าใช้โหราศาสตร์ยูเรเนี่ยนสามารถบอกได้มากกว่านั้นตรงนี้ คือจุดที่ผมอยากรู้ไงล่ะครับว่าโหราศาสตร์ยูเรเนี่ยนใช้ดาวอะไรบอกถึงจำนวนคะแนนล่ะครับถ้าคุณคิดว่าสามารถให้หรือแสดงความรู้นี้เป็นวิทยาทานก็ช่วยแสดงด้วยครับแต่ถ้าแสดงไม่ได้ก็ไม่ว่ากัน สุดแต่ใจครับ