ReadyPlanet.com


สงสัยเกี่ยวกับจุดอิทธิพลบางอย่าง


ผมมีความสงสัยเกี่ยวกับจุดอิทธิพล A+A-B เช่น Ju+Ju-Su หรือศูนย์รังสี A/A//B อย่างเช่น ur/ur//vu ว่าทำไมจึงต้องใช้ A ถึงสองตัว มีเหตุผลอย่างไร และจะมีผลต่างกันอย่างไร กับศูนย์รังสี A/B เช่น Ju/Su หรือur/vu ครับ ขอเรียนถามท่านผู้รู้ช่วยอธิบายด้วยครับ ขอบคุณครับ


ผู้ตั้งกระทู้ ณัฐ :: วันที่ลงประกาศ 2009-01-28 15:35:16 IP : 118.174.176.54


[1] 2 ถัดไป >>

ความคิดเห็นที่ 1 (1894091)

ก็มันเป็นเรื่องของการอธิบายค่าของมุมในรูปของคณิตศาสตร์แนวสมการพีชคณิตที่เกี่ยวกับลีลาในมุมต่างๆของความสัมพันธ์ของปัจจัย 2 ตัว คือ A กับ B โดยที่

A+A-B = 2 A-B
          B = 2 A
         2A = B
           A = B/2
ดังนั้น  ค่าของ A มีค่าเท่ากับ ครึ่งหนึ่งของ B
หรือ  ค่าของ B เท่ากับ  2 เท่าของ A

A/B = (A+B) / 2
หมายความว่า  จุดกึ่งกลางของค่า A กับ B

ส่วน A/A//B = (((( A+A )/2)+B)/2)  
หมายถึง  ศูนย์รังสีของ A+A ทำมุมกับศูนย์รังสีของ B
หรือ ศุนย์รังสีของครึ่งหนึ่งของปัจจัยค่า A กับปัจจัย B

ก็เพราะว่าในบางกรณี  ค่าที่ได้มันต่างกันแต่ค่าที่ว่านี้สามารถโยงกลับไปหาได้ว่ามันมีที่มา  ว่ามาจากปัจจัยทั้งคู่นี้ว่าอยู่ในสมการรูปใด

ในทางปฏิบัติมักจะเจอในรูปแบบของการเข้ารูปของเทคนิคจานสองชั้นในรูปแบบต่างๆของปัจจัยจริงที่ทำมุมต่อปัจจัยจริงด้วยกันและปัจจัยจริงกับปัจจัยสะท้อนแล้วแกะเป็นความหมายออกมา ซึ่งในแต่ละรูปแบบนอกจากให้ค่าองศาที่ต่างกันแล้ว ยังให้ความหมายที่แตกต่างกันด้วยตามหลักของการแปลตามหลักการของไวยากรณ์ดาว  และในบางกรณีเป็นการมองข้ามวงของดวงกำเนิดกับดวงจรวี หรือ กับดวงจรทรานสิต ทั้งโดยอนุโลมและปฏิโลม

   ในแง่ของแปลความหมายแล้ว  ยังมีอีกที่ต้องลงรายละเอียดต่อไปว่า  ใช้กับจานคำนวณชนิดใดด้วย  ซึ่งบางแง่มุมให้ผลในการแปลที่แตกต่างกันอย่างมาก


 

ผู้แสดงความคิดเห็น ภารต...เล่าขยายให้ฟัง วันที่ตอบ 2009-01-28 16:27:20 IP : 118.172.100.180


ความคิดเห็นที่ 2 (1894097)
ในระยะหลังๆหรือยุคของการศึกษาโหราศาสตร์สากลยูเรเนียนนี้  ในประเด็นเรื่องของการใช้จานคำนวณชนิดต่างๆ  มีการพัฒนาการแปลความหมายออกไปได้หลายแนว  หลายชั้น  ทั้งในเชิงประจักษ์ กับ สิ่งที่แฝงรูปแต่ฝังใจ ของเจ้าชะตา  ซึ่งแต่ละสำนักต่างก็พัฒนากันเอง  ในรูปแบบและแนวทางไปต่างๆนานา  ทั้งที่เผยแพร่และไม่ยังไม่ได้เผยแพร่ออกมาให้ศึกษากัน
ผู้แสดงความคิดเห็น ภารต...เล่าต่ออีกนิด วันที่ตอบ 2009-01-28 16:35:50 IP : 118.172.100.180


ความคิดเห็นที่ 3 (1894122)

โหราศาสตร์ยูเรเนียน เป็นเรื่องของการสถาปนาพื้นที่และเวลาด้วยปัจจัยทางดาราศาสตร์ปัจจุบันในรูปแบบต่างๆ  แล้วหาความหมายออกมาตามคำจำกัดความของปัจจัยต่างๆนั้น   ซึ่ง ณ จุดดังกล่าวในเชิงประจักษ์  แม้ว่าจะไม่มีปัจจัยทางดาราศาสตร์ใดๆอยู่ ณ ตรงที่นั้นเลย  แต่ที่เอามาใช้เพราะ โหรเราเรียนรู้ว่า  ในทางกระบวนการคำนวณทางคณิตศาสตร์  ซึ่งได้ค่าสมผุสออกมาค่าหนึ่ง  ซึ่งค่าดังกล่าวสามารถจะชี้บ่งว่า จุดนั้น  พื้นที่นั้น  เวลานั้น  ให้ความหมายออกมาอย่างไร  กับใครหรือสิ่งใด

ผู้แสดงความคิดเห็น ภารต...มันมากกว่าที่นึกลึกกว่าที่คิด วันที่ตอบ 2009-01-28 17:18:44 IP : 118.172.100.180


ความคิดเห็นที่ 4 (1894186)
ขออนุญาตขยายความเพื่อ ทำความเข้าใจเพิ่มขึ้นนะครับ
 
เอากรณีที่ 1 ก่อน A+A-B
 
ถ้าหากมีคัมภีร์สูตรพระเคราะห์สนธิหน้า 115-122 จะอธิบายที่มาของสมการ โดยในหน้าที่ 118 จะอธิบาย A+A-B ซึ่งเมื่อมองจากภาพจะเห็นว่า เกิดจากการที่เอาปัจจัย B ไปสะท้อนกับแกน A นั่นเอง (นี่คือปรัชญาของการใช้ความรู้เรื่องการสะท้อน)
 
ตามที่ท่านภารต อธิบายสมการนั้น ตามความเป็นจริงคือ A มีค่าเท่ากับ ครึ่งหนึ่งของ B หรือ B เท่ากับ  2 เท่าของ A เราจะพบว่าสมการนี้จะเป็นจริงก็ต่อเมื่อ A+A-B=AR(เมษ) และ จะต้องเป็นการกุมกัน หรือ 0 องศา หรือ แต่หากไม่สนใจมุม ก็จะมีความหมายของคำว่า มีค่าเท่ากับ คือ A มีมุมสัมพันธ์ กับครึ่งหนึ่งของ B ซึ่งก็คือ A+A-B สัมพันธ์กับ AR ด้วย สมการจึงจะยังเป็นจริง
 
หากจะเขียนสมการให้ชัดเจนจุดเริ่มต้นจะต้องเริ่มจาก พระเคราะห์สนธิ คือมีเครื่องหมายเท่ากับอยู่ด้วย มิฉะนั้นจะกลายเป็นการไปเพิ่มเครื่องหมายเท่ากับเข้าไปเฉยๆในสมการ
ดังนั้น A+A-B จึงต้องเริ่มจาก A+A-B = ?
 
เริ่มดังนี้ ....แถ่น..แทน..แท๊นนนนนๆๆๆๆ
 
A+A-B = C ----- ในที่นี้จะพิสูจน์เริ่มต้นจาก C = AR(เมษ) ซึ่งก็คือ = 0
A+A-B = 0
2A - B = 0
2A = B
A = B/2 (ซึ่งตรงนี้ที่จริงจะต้องเขียนเป็น A=(AR/B)/2 หรือ A = AR/B)
 
ลองใหม่
 
A+A-B = C ---- กรณีที่ C ไม่ใช่เมษ หรือ C ไม่เท่ากับ 0
2A - B = C
2A = C + B
A = (C+B)/2 ซึ่งก็คือ C/B หรือ B/C
A = C/B อ่านว่า A สัมพันธ์กับศูนย์ีรังสีของ C กับ B
 
กลับมาอีกทีคือ ถ้า C = AR หรือ C คือเมษ ย่อมจะได้สมการเป็น A = AR/B อ่านว่า A สัมพันธ์กับศูนย์ีรังสีของ AR กับ B
 
ดังนั้นเราจึงได้ว่า A+A-B = C ก็คือ A = B/C นั่นเอง
 
ในทำนองเดียวกัน หากเปลี่ยน AR หรือ C เป็นจุดเจ้าชะตาอื่นๆ ผลก็คือเรากำลังมองพระเคราะห์สนธิที่เกิดจากศูนย์รังสีที่ใช้จุดเจ้าชะตาเป็นแขนนั่นเอง นี่คือสิ่งที่อาจารย์มักกล่าวว่า นักโหราศาสตร์ชอบที่จะตรวจสอบเฉพาะการใช้จุดเจ้าชะตาเป็นแกนแล้วนำไปเท่ากับศูนย์รังสีอื่น ทำให้มองภาพได้ไม่ครบถ้วนเพราะ หากเปลี่ยนจากการที่ตรวจสอบโดยใช้จุดเจ้าชะตาเป็นแขนหนึ่งของศูนย์รังสีก็จะได้ภาพขยายความมากขึ้น
 
ยกตัวอย่างดวงของ วันเวลา ตั้งกระัทู้นี้ เราจะพบว่า SU=AR/CU ซึ่งที่จริงก็คือ SU+SU-CU=AR นั่นเอง
หรืออีกอัน AS/CU=VE มันก็คือ AS = VE+VE-CU เหมือนกัน
 
นี่คือเหตุผลหนึ่งที่เราใช้ A+A-B
 
ข้อควรระวังคือ มุมสัมพันธ์และ ระยะวังกะ จะเปลี่ยนไปจากการคูณหรือหาร 2 ของสมการ
ผู้แสดงความคิดเห็น ..มาแว๊ว...ไม่รู้จะทำให้งงมากขึ้นอะป่าว..อิอิ วันที่ตอบ 2009-01-28 21:11:40 IP : 58.64.51.162


ความคิดเห็นที่ 5 (1894192)
ดีคับช่วยๆกันอธิบายหน่อย  ผมก็ชักจะเริ่มงงๆ ก๊งๆ ซะแล้ว 
ผู้แสดงความคิดเห็น ภารต...บางทีก็คิดไม่ถึงเหมือนกันคับ วันที่ตอบ 2009-01-28 21:22:10 IP : 118.172.27.107


ความคิดเห็นที่ 6 (1894204)

เขียนได้ดีมากครับ อ่านเข้าใจง่าย

ผมขอเสริมว่า หากเขียนจากรูปง่ายที่สุด ตามโหราศาสตร์ดั้งเดิม คือจากดาวเดี่ยว Aspect กับดาวเดี่ยว

A = B เมื่อจะเขียนในรูปของศูนย์รังสี ก็จะคือ A/A = B/B หรือ A+A /2 = B+B /2 หรือ A+A = B+B นั่นเอง

แล้วไปสู่ ศูนย์รังสี Aspect ถึงดาวเดี่ยว (หรือ กลัยกันเป็น ดาวเดี่ยว Aspect ถึงศูนย์รังสี)

A/B = C ก็จะคือ A/B = C/C หรือ A+B /2 = C+C /2 หรือ A+B = C+C

แล้วจึงเขียนเป็นจุดอิทธิพล Aspect ถึงดาวเดี่ยวได้ว่า A+B-C = C หรือ A = C+C-B ซึ่งคือรูปข้างต้นนั่นเอง เมื่อ A = AR =0 ก็จะได้ 0 = C+C-B (หรือเขียนใหม่ย้ายข้าง เปลี่ยนชื่อตัวแปลใหม่ให้สวย ๆ ก็จะได้ A+A-B = 0 นั่นเอง)

แล้วไปสู่ ศูนย์รังสี Aspect ถึงศูนย์รังสี

A/B = C/D ซึ่งก็คือ A+B /2 = C+D /2 ซึ่งก็เท่ากับ A+B = C+D นั่นเอง

และปรับใหม่ให้เป็น จุดอิทธิพล Aspect ถึงดาวเดี่ยว ก็จึงได้ A+B-C = D นั่นเอง

หรือจะเขียนในรูปผลต่าง (Difference) จาก A+B = C+D ก็จะได้ A-C = D-B

นี่คือเสน่ห์ยูเรเนียนที่รวมเอาทั้งหมดของ ดาวเดี่ยวถึงดาวเดี่ยว และ Pattern พิเศษต่าง ๆ ที่ต้องท่องจำมาแต่เดิม รวมเป็นสมการคณิตศาสตร์พื้นฐานที่ Derive เป็นหนึ่งเดียวกันได้ทั้งหมด และยังพิสูจน์ใช้ได้กว้างขึ้นอีก เช่น ว่าที่จริงแล้ว A/B = C นั้น ระยะระหว่าง A กับ B ไม่จำเป็นต้องเป็น Aspect เพราะโครงสร้างที่มันตรึงกันหรือสมมาตรกันเป็น A/B = C นั้นแข็งแกร่งชัดเจนพอที่จะแปลความได้ทันที และไม่ขึ้นกับความหมายของ Aspect หรือมุมอีกเลย และหากใช้ในโค้งสุริยยาตร์ (Solar Arc) จะเป็นตัวระบุช่วงเวลาที่จะเกิดเหตุการณ์ได้อย่างแม่นยำ ตามระยะระหว่าง A กับ B นั้นเอง เช่น A-B (เต็มโค้ง), A-B /2 (ครึ่งโค้ง) และเมื่อมี Trigger อื่น ๆ ที่เข้ากระตุ้นที่แกน A/B นั้น เป็นต้น

ผู้แสดงความคิดเห็น อธิ วันที่ตอบ 2009-01-28 21:58:07 IP : 61.90.93.110


ความคิดเห็นที่ 7 (1894209)
ถ้ามีจานคำนวณยักษ์หน้าชั้นเรียน แล้วอาจารย์อธิบายไป เขียนรูปดาวไป จะเข้าใจได้ง่ายครับ รู้สึกว่าเดี๋ยวนี้นักศึกษาโหราศาสตร์ดูดวงผ่าน computer กันหมดแล้ว จึงนึกภาพกันไม่ออก
ผู้แสดงความคิดเห็น nUm วันที่ตอบ 2009-01-28 22:05:39 IP : 119.42.79.114


ความคิดเห็นที่ 8 (1894216)
ใช่ครับ  ในทางปฏิบัติจริงๆ  ต้องดูจากจุดสัมพันธ์บนจานคำนวณ  2 ชั้น  ว่า ณ ตำแหน่งนั้นๆ  มีอะไร ปัจจัยเดี่ยวหรือปัจจัยสะท้อน แล้วมาหาสมมติฐานคำแปลกันว่าจะแปลว่าอะไรได้บ้างในแง่มุมไหน  เพราะจะไม่ค่อยเจอรูปแบบเช่นนี้ในกรณีใช้กับคอมพิวเตอร์  นอกจากจะรู้ที่มาที่ไปของสมการจากจุดศูนย์รังสีอื่นที่เข้าทำมุมร่วมแกนของปัจจัยที่ว่านั้น
ผู้แสดงความคิดเห็น ภารต...ยังโตไม่ทันไปเรียนในรุ่นนั้น วันที่ตอบ 2009-01-28 22:17:47 IP : 118.172.27.107


ความคิดเห็นที่ 9 (1894232)

แล้วถ้าเป็น

A+A+A-B=AR

จะเป็นอย่างไรครับ และจะใช้อย่างไรครับ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ชั่วโมงคณิตศาสตร์ วันที่ตอบ 2009-01-28 22:55:30 IP : 58.10.90.17


ความคิดเห็นที่ 10 (1894234)

ที่จริง A+A-B นั้น สรุปว่า ผมคิดว่าถ้าสำรวจ A = B/C หรือ A/B = C ครบถ้วนทุกแกน มันจะรวมอยู่ด้วยแล้วครับ ไม่จำเป็นต้องหา A+A-B อีกแต่อย่างใด เพราะ A+A-B = C ก็เท่ากับ A+A = C+B หรือ A = C/B หรือ A = B/C นั่นเอง (ไม่ว่า C = AR หรือจุดอื่นใด)

คิดว่าเทคนิคจาน 2 ชั้น นั้นง่ายต่อการหาจุดอิทธิพล เช่น A+A-B มาก ก็จึงเป็นเหตุให้กล่าวถึงมาก

ผู้แสดงความคิดเห็น อธิ วันที่ตอบ 2009-01-28 23:02:59 IP : 61.90.93.110


ความคิดเห็นที่ 11 (1894239)

สรุปอีกทีว่า ในขณะที่ใช้จาน 2 ชั้น หา A+A-B = C นั้น ก็คือการกำลังหา A = B/C นั่นเอง

และในขณะที่ใช้จาน 2 ชั้นในการ A+A-B = -C (ปัจจัยสะท้อน) ก็คือการกำลังหา A+A-B = AR+AR-C นั่นเอง

ผู้แสดงความคิดเห็น อธิ วันที่ตอบ 2009-01-28 23:10:01 IP : 61.90.93.110


ความคิดเห็นที่ 12 (1894241)

ดังนั้น A+A+A-B=AR ก็คือ A+A-B = AR+AR-A นั่นเอง หรือเขียนให้สั้นเข้าก็คือ A+A-B = -A (ปัจจัยสะท้อน) นั่นเอง บ้าคณิตศาสตร์กัน go so far งงกันไปใหญ่หรือป่าวเนี่ย (ใครสักคน...บอกแล้วว่าให้ไปเรียนกันน๊า)

(ซึ่งจาน 2 ชั้นจะหาจุดเหล่านี้ง่ายมากโดยสลับจุดแดง ๆ ดำ ๆ ไปมา เพราะ ณ จุดนั้นก็คือค่าองศาจริงของปัจจัยนั้น ๆ นั่นเอง เมื่อเจอกันก็คือมันสนธิกันตรงนั้นตามเครื่องหมายของตัวมันเองนั่นแล)

ผู้แสดงความคิดเห็น อธิ วันที่ตอบ 2009-01-28 23:18:03 IP : 61.90.93.110


ความคิดเห็นที่ 13 (1894258)
หาได้แล้วจะแปลยังไงล่ะคับ
ผู้แสดงความคิดเห็น ภารต..เฉลยหน่อยดิ วันที่ตอบ 2009-01-28 23:52:18 IP : 118.172.27.107


ความคิดเห็นที่ 14 (1894335)

เรื่องแปลนั้นก็ใช้ทฤษฎีต่าง ๆ ไปตามที่เรียนหรือรู้กันนั่นแหละครับ

ขอสงวนท่าทีที่จะลงรายละเอียดในเรื่องนี้ครับ เพราะอาจจะยืดยาวและมี Impact ที่ไม่ได้เจตนาได้ ขอแสดงความเห็นไว้เพียงเล็กน้อยดังนี้ครับ

การใช้จุดอิทธิพลนี่ละเอียดอ่อน และเฉพาะเจาะจง ส่วนใหญ่แล้วจะใช้ได้พิสดารในระดับทฤษฎี คือใช้เติมรายละเอียดเมื่อเหตุการณ์เกิดแล้ว (รวมทั้งการใช้ควบคู่ระบบพระเคราะห์สนธิกับระบบเรือนชะตา และเรื่องการแบ่งซอยย่อยเรือนชะตาเป็นเสี้ยว ๆ ออกไปอีก) เมื่อเหตุการณ์ยังไม่เกิด โหรฯ ใดก็จะไม่อาจทายโป๊ะ ๆ ลงไปได้เลยจากการใช้จุดอิทธิพล (ตั้งแต่ A+B-C = D ขึ้นไป, = D/E, = D+E-F ยกเว้นกรณีที่ A-F เป็นปัจจัยซ้ำ ๆ กัน เช่น = AR หรือเป็นจุดเจ้าชะตาซึ่งมักใช้การแปลรวบความได้ตามปัจจัยอื่นที่ประกอบในสมการอยู่) เพราะจะมีปัจจัยมากเกินไป (ดังที่พูดเล่นกันว่า กองทัพจุด) และต้องทราบเรื่องราวเบื้องต้นมาก่อนเป็นจำนวนมาก (ดังกรณีเหตุการณ์เกิดแล้ว หรือรู้จักเจ้าชะตาดีมาก เช่น นายกฯ)

พูดเล่น ๆ แรง ๆ ว่าหลับตาจิ้มลงไปเถอะ จุดไหนบนราศีจักร ก็จะเจอ A/B เป็นสิบ ๆ สมการ และ A+B-C เป็นร้อย ๆ สมการ นั่นแปลว่า คุณจะเจอกับคำตอบให้กับทุกสิ่งที่เกิดขึ้นได้หรือคุณมองหาอยู่ (และจากดาว 2 ดวง นั้นน้อยเกินไป อาจทายเป็นอะไรก็ได้มากมาย ดาว 5 ดวง นั้นก็มากเกินไป อาจทายเป็นอะไรก็ได้มากมายเช่นกัน)

แม้จะหาความ "ครบวงจร" แล้ว ก็จะยังพบ A/B, A+B-C อีกนับสิบสมการได้เป็นกรณีส่วนใหญ่

ตามหนังสือหรือตัวอย่างที่แสดงวิธีการใช้ทฤษฎีที่ละเอียดลึกซึ้ง ดูพิสดารมหัศจรรย์นั้น ทำได้หลังจากที่เกิดเหตุการณ์แล้วเป็นส่วนใหญ่ คนธรรมดาไม่อาจจะชี้ชัดพยากรณ์ไปได้ถึงขนาดนั้นเมื่อทายก่อนเกิดเหตุการณ์ จะมีแต่ความก้ำกึ่งเต็มไปหมด ยิ่งใช้ทฤษฎีที่เจาะละเอียดยิบ ๆ สมการย่อย ๆ ก็จะยิ่งสร้างความไม่แน่ใจหรือสับสน

โหราศาสตร์ไม่ได้ทำให้เราพยากรณ์ได้ชัดเจนทุกครั้งทุกเมื่อเชื่อวัน ในช่วงที่ข้อมูลขัดแย้งสับสน เราจะทายได้อย่างมีประสิทธิภาพน้อย ในช่วงที่ข้อมูลโน้มเอียงไปในแนวทางเดียวกันมาก ๆ นั่นแหละ (ดี ร้าย ไม่จำเป็นต้องเป็นดาวหรือสมการเดียวกันซ้ำกันเป๊ะ ๆ แต่ทิศทางนัยไปทางเดียวกันหมด)  ผู้ปฏิบัติการโหราศาสตร์จึงจะปฏิบัติได้อย่างมั่นใจในความสัมฤทธิผล

หนังสือหรือฝรั่งที่สามารถเขียนสมการยิบย่อยได้นั้น เพราะเขียนหลังเกิดเหตุการณ์แล้วหรือทราบข้อมูลอื่น ๆ ที่เป็นจริงแล้วของสิ่งแวดล้อมเหตุการณ์หรือเจ้าชะตาเป็นตัวช่วย

ผู้แสดงความคิดเห็น อธิ วันที่ตอบ 2009-01-29 07:16:13 IP : 61.90.93.110


ความคิดเห็นที่ 15 (1894395)

มันก็เลยต้องมีการหาตัวช่วยคัดกรองบีบประเด็นให้เหลือแต่ส่วนที่มีความน่าจะเป็นที่สุด   ในทางปฏิบัติก็ต้องใช้หลายดวง ที่จะเกี่ยวข้องกับกรณีนั้น  เข้ามาเทียบ  เพื่อหาประเด็นที่คล้องจองกัน  แล้วอ่านตามที่ดวงกับดาวบอก  ไม่ใช่อ่านตามที่อยากจะให้มันเป็น  อย่างเช่น การเมือง  นอกจากดวงนายกแล้ว   ก็ต้องใช้ดวงเมืองในสารพัดรูปแบบ  มาคัดกรองหาประเด็นแนวโน้มรวบยอดเอา  แล้วบีบหาเวลาในช่วงดังกล่าวเพื่อเข้าประเด็น  ส่วนดวงบุคคล ก็เช่นกัน  ก็ต้องใช้ทั้ง  ดวงกาลชะตา  ดวงวัย  ดวงปี  เดือน  ในรูปแบบต่างๆ  รวมไปถึง จุดกรรม  จุดชะตาต่างๆ  เพื่อช่วยคัดกรอง ให้เหลือประเด็นน้อยลง รวมทั้งเทคนิคเครื่องมือรูปแบบต่างๆมาช่วยใช้   พวกวิธีการเช่นนี้เขามีมานานแล้วอีกทั้งพัฒนาต่อเนื่องกันมาอีกเยอะ  ก็จะพอรับมือกับกองทัพจุด+กองกำลังเรือนชะตา  ที่มากับคอมพิวเตอร์ โดยบีบให้มันเดินเข้าซอยเรียงเดี่ยวเข้ามาทีละตัวก็พอจะรับมือได้อยู่   แต่ถ้าหวยออกแล้ว  อะไรมันก็แกะออกได้ทั้งนั้น   เพราะ ประเด็นมันตีกรอบให้อยู่แล้วให้นิ่ง  เปรียบเทียบเหมือน การจัดห้องของนิทรรศการ  คนจัดซึ่งจัดทางเดินให้เป็นช่องเดิน  เรียงลำดับเหตุการณ์นับจากทางเข้าจนถึงทางออก  ส่วนคนจัดเองมีมุมมองของทั้งห้อง  เป็นเหตุการณ์เดียวกัน   เหมือนมองลงมาจากฝ้าเพดาน  หรือ bird eye จุดรับรู้ของคนเดินดูกับผู้จัดจะต่างกัน  

ผู้แสดงความคิดเห็น ภารต...หวยออกแล้วจึงอ๋อจะมีฤทธิขึ้นมา วันที่ตอบ 2009-01-29 08:58:01 IP : 118.172.100.201


ความคิดเห็นที่ 16 (1894436)
ขอแก้คำผิดนิดนึงตรงนี้ ใน คห.ที่ 4
 
จากเดิม A = B/2 (ซึ่งตรงนี้ที่จริงจะต้องเขียนเป็น A=(AR/B)/2 หรือ A = AR/B)
แก้เป็น. A = B/2 (ซึ่งตรงนี้ที่จริงจะต้องเขียนเป็น A=(AR+B)/2 หรือ A = AR/B)
 
ขอตอบคำถามของ จขกท. ให้หมดก่อน แล้วข้าพเจ้าจึงจะรวมแสดงความเห็นในส่วนที่ท่านอื่นถามมาต่อนะครับ(เขียนทีไรยาวทุกที สั้นๆเขียนไม่เป็น)
 
ส่วนในกรณีที่ 2 ซึ่งข้าพเจ้าเข้าใจว่าน่าจะเป็น A/B//C มากกว่าจะเป็น A/A//B
 
เรื่องนี้ในคัมภีร์สูตรพระเคราะห์สนธิ ในส่วนหน้าไม่มีอธิบายไว้ แต่กลับพบในบทหลัง ที่ว่าด้วยเรื่องของ จุดอิทธิพลอาชีพ เข้าใจว่าที่ไม่อธิบายไว้ส่วนหน้า เพราะน่าจะเข้าใจได้ว่า มันก็คือศูนย์รังสีของศูนย์รังสีกับปัจจัยเดี่ยวซ้อนอีกครั้งนั่นเองจึงไม่จำเป็นต้องอธิบาย ซึ่งอาจารย์ประยูรใช้สัญลักษณ์เป็น A//B/C ซึ่งเขียนเหมือนกันไม่แปลกครับ เพราะ A,B,C มันคือตัวแปรซึ่งอาจแทนค่าด้วยปัจจัยใดๆ
 
แต่ A/A//B นี่สิแปลก เพราะตอนเห็นในอีกกระทู้หนึ่งที่ว่า ur/ur//vu ตอนนั้นก็ไม่ได้ตามดูว่าหมายถึงอะไร เพราะนึกว่าจะหมายถึงว่า (ur+(ur+vu)/2)/2 หรือ A/B//B แต่นี่อธิบายว่าคือ ((ur+ur)/2)+vu)/2 หรือที่เขียนว่า (((A+A)/2)+B)/2) นี่แหละ เพราะมันก็คือ (A+B)/2 หรือ A/B นั่นเอง ซึ่งในที่นี้ก็คือ ur/vu
 
ในกรณีนี้จึงไม่เห็นว่ามีความจำเป็นจะต้องใช้เป็น ur/ur//vu แต่อย่างใด ก็ใช้ ur/vu ซะเลยเพราะมันคือจุดเดียวกันที่มีองศาเท่ากัน มันเหมือนกับวิชาเลขเศษส่วนที่เราจะใช้เศษส่วนต่ำ คือ เราไม่ใช้ 4 ส่วน 8(ถ้าไม่จำเป็น) แต่เราจะใช้ 1 ส่วน 2 ซะมากกว่า คือลดรูปให้เป็นเศษส่วนสัมบูรณ์ แม้บางทีภาพดารานิมิตมันจะขึ้นมาให้เห็น(โดยเฉพาะในจาน 2 ชั้น) แต่หากเรามองเชิงสมการแล้วก็ปรับมุมมองได้ครับ
 
สำหรับ A/B//C นั้น ในเชิงเทคนิคของการใช้ Midpoint ก็อาจจะเป็นการแตกลูกไปอีกได้เป็น B/C//A กล่าวคือเกิดเป็นจุดอิทธิพลได้ 2 จุด ในความหมายที่ใกล้เคียงกัน แต่ในด้านความแรงถ้าเราพูดว่า ปัจจัยเดี่ยว แรงกว่า ศูนย์รังสี นั่นก็หมายความว่า A/B//C ยิ่งมีความแรงลดลงจาก A/B ไปอีกเท่าตัว นั่นอาจหมายความว่าเราควรให้น้ำหนักกับมันลดลงไปอีกก็ได้ โดยเฉพาะระยะวังกะก็ควรต้องแคบลงไปอีก หากจะคงความแรงไว้
 
ทีนี้ที่ถามต่อว่า จะมีผลต่างกันอย่างไร กับศูนย์รังสี A/B เช่น Ju/Su หรือ ur/vu
 
กรณีนี้ขออธิบายเฉพาะ A+A-B  นะครับ เพราะ A/A//B ให้ความเห็นไปแล้ว
 
ขอยกตัวอย่าง AR กับ MC ซึ่งก็จะมีสมการที่เป็นไปได้คือ AR/MC , AR+AR-MC , MC+MC-AR ดูคำแปลจากคัมภีร์นะครับ
 
AR/MC = สัมพันธภาพของเจ้าชะตาที่มีต่อบุคคลทั่วไป ฉัน ผู้มีกายอยู่ในโลกนี้ ฉัน ในสาธารณชน ลักษณะพิเศษในขณะนั้นของบุคคลจำนวนมากในสถานที่แห่งนั้น
AR+AR-MC = "ฉัน" ในฐานะเป็นผู้มีสัมพันธภาพกับประชาชนทั่วไป
MC+MC-AR = ท่าทีทางจิตที่มีต่อบุคคลทั่วไป
 
พอมองเห็นความแตกต่างในความคล้ายกันไหมครับ คือถ้าเทียบกัน A/B มันเป็นการเอา A ผสมกับ B ตรงๆ (ทางเคมีถือว่าสัดส่วนเท่ากัน) ส่วน A+A-B บางคนบอกว่ามี A 2 ตัวดังนั้นอาจหมายถึงว่าใส่ความหมายของ A มากกว่า B หรือไม่ ก็คงจะไม่เชิงอย่างนั้นครับ ถ้าเราเข้าใจว่า A+A-B มาจากการที่เราเอา B ไปสะท้อนกับแกน A เกิดเป็นจุดที่อยู่อีกฝั่งหนึ่ง(สะท้อน) เราก็จะแปลว่า A+A-B คือ เงาสะท้อนของ B เกิดจากกระจกเงา A นั่นเอง แปลว่าคือ B ซึ่งได้รับอิทธิพลของ A เข้าไปประกอบเป็นความหมายด้วย เอ หรือจะแปลว่า A ได้รับการกระตุ้นจาก B ดีล่ะ
 
อันนี้คือการแปลความทางทฤษฎี แต่ในทางปฏิบัติแล้ว เราใช้ความหมายของ A/B แทนก็พอจะได้ครับ หากไม่ซีเรียสจนเกินไป
 
หรือตัวอย่างการใช้งานจริงหากอ่านคำแปลจากคัมภีร์ หากเราพบว่าดวงตัวอย่างหนึ่งมี SU/PL=JU ให้นึกถึงว่ามี SU=JU+JU-PL อยู่ด้วยครับ เปิดคำแปลจะได้เป็น
 
อาทิตย์/พลูโต=พฤหัส
พัฒนาการที่ก่อให้เกิดความสมบูรณ์ มีไขมันมาก
 
อาทิตย์ = พฤหัส+พฤหัส-พลูโต
จุดเจ้าชะตา = การเปลี่ยนแปลงหรือพัฒนาการที่มีโชค
 
จะเห็นว่ามีความหมายในคัมภีร์ต่างกันอยู่บ้าง ก็ต้องรู้จักเลือกใช้ครับให้เข้ากับเรื่องที่ต้องการจะสืบค้นนั่นแหละ
 
การอธิบายหากเป็นจากภาพ ไม่ว่าจะเป็นจานคำนวณหรือ หน้าจอคอมพิวเตอร์ ชี้ให้ดูตามภาพ จะเข้่าใจได้ง่ายกว่าเขียนเยอะครับ เวลาอ่านจากสมการเราก็ต้องจินตนาการตามไปด้วยว่าจุดนี้มันสัมพันธ์กับอีกจุดอย่างไร เพราะบางทีมันมีกลลวงทางคณิตศาสตร์แฝงอยู่เยอะครับในสมการ ในเชิงทฤษฎีเราอาจสร้างสมการต่อไปได้ไม่จำกัด แต่ในทางปฏิบัติล่ะ ทำอย่างไร ใช้อย่างไร เพื่ออะไร เพราะโหราศาสตร์ ไม่ใช่ คณิตศาสตร์นะครับ
 
อย่างสมการ A+A+A-B=AR เราอาจแปลงเป็น A+A-B= -A หรือ A+A-AR=AR+B-A หรือ A=(-A)/B ก็ย่อมได้ แต่คำถามคือ So What ? เพราะเดี๋ยวจะมีสมการอื่นตามมาอีกเช่น A+B+C+D-E  , A/B//C/D , A/B+C-D  ...etc
 
ชักมึนแฮะ คงต้องมาต่อในตอนต่อไป พักโฆษณาครับ
ผู้แสดงความคิดเห็น ..มาแว๊ว...ถ้าคุณแน่คุณต้องไม่แพ้เด็กประถม วันที่ตอบ 2009-01-29 09:53:08 IP : 58.147.56.135


ความคิดเห็นที่ 17 (1894445)
แพ้คับ  เด็กประถมเดี๋ยวนี้  สวยไวขึ้น  ขนาดตัดผมชิดใบหู ยังดูน่าร๊ากเลย  ยิ่งถักเปียด้วยยิ่งไปกันใหญ่
ผู้แสดงความคิดเห็น ภารต..เล่าฟามหลัง ชอบของขม ชมเด็กสวย วันที่ตอบ 2009-01-29 09:58:43 IP : 118.172.100.201


ความคิดเห็นที่ 18 (1894547)
so far so good too far no good oh my god.. pls forgive me.. it gonna be OK. all the times.. all the ways..
ผู้แสดงความคิดเห็น อธิ วันที่ตอบ 2009-01-29 11:58:53 IP : 119.31.76.79


ความคิดเห็นที่ 19 (1894734)

สปอนเซอร์เข้าเยอะเลยนาน

ผู้แสดงความคิดเห็น ภารต...gone with the wind วันที่ตอบ 2009-01-29 18:17:30 IP : 118.172.100.201


ความคิดเห็นที่ 20 (1894761)
ขอบคุณครับสำหรับคำอธิบายทั้งของคุณภารตและคุณมาแว๊ว...ถ้าคุณแน่คุณต้องไม่แพ้เด็กประถม จะลองมาทำความเข้าใจดูครับหากมีข้อสงสัยอะไรจะขอถามเพิ่มเติมครับ
ผู้แสดงความคิดเห็น ณัฐ วันที่ตอบ 2009-01-29 19:36:00 IP : 118.174.142.31


ความคิดเห็นที่ 21 (1894924)

การเขียนสมการดาว หรือพระเคราะห์สนธินั้น อาจารย์ประยูร ได้พูดถึงในหลักการคือ

1. ในเรื่องของความหมาย หรืออิทธิพลนั้นก็คือ อิทธิพลผสมของดาวที่มาเข้าสมการกัน เชjo A+B-C  หรือ  A+B+C หรือA/B-C ความหมนก็คือ การเอา A B C  มาผสมกัน โดยสลับความหมายไปมา ตามกรรม โดยกฏแห่งกรรม ที่เราไม่ค่อยไม่ค่อยได้พูดถึงกัน เช่น

        1.1 SU+CU-SA  แปลว่า  ชายที่แต่งานแล้วมีการพลัดพราก หรือสรุปว่าเป็นหม้าย

        1.2 SU+SA-CU แปลว่า ชายที่เป็นหม้ายแล้วแต่งงานใหม่

2. เครื่องหมายทางคณิตศาสตร์นั้นไม่มีผลในทางการพยากรณ์ เครื่องหมายทางคณิตศาสตร์จะนำมาใช้เพื่อหาว่า ปัจจัยที่นำมาสนธิการกันนั้น จะมีวิธีสนธิกันได้กี่รูปแบบ เช่นในทางเลขคณิต

1+2+3+4 = 10

1+2+3-4 = 2

1+2-3+4 = 4

1-2-3-4 = -8

ดังนี้เป็นต้น ซึ่งจะเห็นว่า ที่มาของสมการคือ เลข 1 2 3 4 แต่เมื่อนำมาสนธิด้วยเครื่องหมายทางคณิตศาสตร์กันแล้วจะให้ผลลัพธ์ที่แตกต่างกัน ซึ่งในทางโหราศาสตร์นั้น อิทธิพลของการสนธิปัจจัยที่มีตำแหน่งต่างๆกันนั้นก็เพื่อจะใช้หาว่า ปัจจัยที่สนธิกันนั้น มีมุมสัมพันธ์กับเจ้าชะตาหรือไม่ เช่น

A + B - C = จุดเจ้าชะตา เช่น MA+JU -AD = SU แปลว่า เจ้าชะตามีโชคจากกิจกรรมเกี่ยวกับที่ดินเป็นของตนเอง หรือของบิดามาตั้งแต่เกิด

A + B - C = C  เช่น MA+JU-AD = AD แปลว่า ในดวงชะตานี้มีกิจกรรมเกี่ยวกับที่ดิน ซึ่งยังไม่มีจุดเจ้าชะตามีสนธิในสมการ ก็แสดงว่า เจ้าชะตาอาจจะเกี่ยวหรือไม่เกี่ยวโดยตรงก็ได้ ก็ต้องไปพิจารณาในเรื่องของโค้งสุริยยาตร์ ว่าอายุเท่าไรถึงจะเกี่ยว

กรณีของคำถามในกระทู้นี้ ผมมีความสงสัยเกี่ยวกับจุดอิทธิพล A+A-B เช่น Ju+Ju-Su  ขอตอบดังนี้

1. ในเรื่องของความหมายหรืออิทธิพลนั้น ก็คือความหมายผสมระหว่าง พฤหัสและอาทิตย์ และเมื่อรวมกฏแห่งกรรมด้วยแล้วจะแปลได้ว่า " โชคลาภของกาย หรือชายผู้นั้น " ซึ่งต้องไปพิจารณาความสัมพันธ์ว่า ไปสัมพันธ์กับเรื่องใด

2. ซึ่งจะมีความแตกต่างกับ SU+SU-JU ซึ่งแปลว่า "เจ้าชะตาเป็นผู้มีโชค หรือเป็นผู้มีปัญญา"

คงอธิบายแค่นี้ เพราะที่จริงแล้ว ควรอธิบายกันในห้องเรียน หรือห้องบรรยายพิเศษ ซึ่งน่าจะอธิบายพร้อมจานคำนวน จะทำให้เห็นภาพได้ชัดเจนยิ่งขึ้น

ผู้แสดงความคิดเห็น อ.วิโรจน์ กรดนิยมชัย วันที่ตอบ 2009-01-30 09:39:54 IP : 203.146.104.42


ความคิดเห็นที่ 22 (1895077)

ขอบพระคุณคับ ท่าน อ.วิโรจน์ แหมหายไปนานคิดถึงอยู่  ได้ข่าวว่ามาเชียงใหม่ก็ไม่บอกกันมั่ง  ว่าจะชวนไปเลี้ยงใส้อั่วเจ้าอร่อยเชียว

จุดอิทธิพลบางจุด  หรือศูนย์รังสีบางตัว  อาจจะตัดทิ้งมองข้ามไปได้เลยก็ได้  เพราะในทางปฏิบัติจริงเขาให้พิจารณาเฉพาะจุดที่ว่านี้ส่งผลรุนแรงกับจุดเจ้าชะตาในรูปต่างๆเท่านั้น  โดยต้องรวบรวมมาประมวลหาความแรงก่อนแล้วจึงค่อยๆนำมาขยายความ   ส่วนรูปแบบแปลกๆที่ว่านั้น ถ้าเกิดเป็นจุดเจ้าชะตาเอง  ก็ต้องพิจารณาแปลความหมายโดยอ่านไปตามหลักของไวยากรณ์ดาวมาตรฐาน

ผู้แสดงความคิดเห็น ภารต...คิดสิไม่แปลกไม่คิดสิน่าแปลก วันที่ตอบ 2009-01-30 13:09:22 IP : 118.172.38.74


ความคิดเห็นที่ 23 (1895088)
2 เดือนนี้ไป 3 รอบ ไม่มีเบอร์โทร. เลยไม่ได้ไปรบกวน ไว้คราวหน้าถ้าไปอีก จะถือว่า อ. ภารต สัญญาแล้วจะได้ไปกินใส้อั่วของชอบ
ผู้แสดงความคิดเห็น อ.วิโรจน์ กรดนิยมชัย วันที่ตอบ 2009-01-30 13:27:14 IP : 203.149.16.31


ความคิดเห็นที่ 24 (1895097)

คับผม  ใส้อั่วนะเจ้านี้รำแต๊รำว่า  ทานกับน้ำพริกข่าแนมกับเห็ดนางฟ้า  แคบหมูไร้มัน  ไหนจะแก๋งแคไก่  น้ำพริกหนุ่ม  แก๋งฮังเล  รถด่วน  กุ้งเมืองทอด  ข้าวนึ่งร้อนๆ นะคับ   สัญญาว่าจะพาไปทาน

ผู้แสดงความคิดเห็น ภารต...โหนต้นยาง วันที่ตอบ 2009-01-30 13:38:48 IP : 118.172.38.74


ความคิดเห็นที่ 25 (1895298)
ช่วยบอกชื่อร้านหน่อยได้ไหมครับเผื่อคนอื่นมีโอกาสไปเจียงใหม่ จะได้แวะไปชิมบ้างครับ
ผู้แสดงความคิดเห็น คนผ่านมา วันที่ตอบ 2009-01-30 23:17:13 IP : 118.174.211.174


ความคิดเห็นที่ 26 (1895345)
ตามคห.ที่ 9 ที่ถามว่า แล้วถ้าเป็น A+A+A-B=AR จะเป็นอย่างไรครับ และจะใช้อย่างไรครับ
 
คราวที่แล้วผมทิ้งท้ายไว้ว่า อย่างสมการ A+A+A-B=AR เราอาจแปลงเป็น A+A-B= -A หรือ A+A-AR=AR+B-A หรือ A=(-A)/B ก็ย่อมได้ แต่คำถามคือ So What ? เพราะเดี๋ยวจะมีสมการอื่นตามมาอีกเช่น A+B+C+D-E  , A/B//C/D , A/B+C-D  ...etc
 
แล้วก็พักโฆษณา .....ข้ามวันกันไปเลย อิอิ กลับมาลองดูต่อก็ได้ว่ามัน So What ? ยังไง
 
คำถามข้อ 1 จะเป็นอย่างไรครับ
 
ก็ต้องตอบว่า เป็นงงสิครับ เพราะหากจะหมุนจานนี่ผมว่า มองหาไม่ค่อยเจอนะครับ ยกเว้นว่าจะตั้งใจจริงๆ หรือปัจจัยนั้นจะมีตำแหน่งที่สมมาตรกับแกนเมษ หรือเป็นมุม Harmonic กับแกนเช่น A=30 และ B=90 หรือ A=15 และ B=45 อย่างนี้มองด้วยตาเปล่าเห็น เราก็จะสร้างสมการ A+A+A-B=AR อีกทั้ง A ยังสัมพันธ์กับ B อีกด้วย
 
แต่ถ้าไม่เป็นอย่างข้างบนก็ไม่ได้แสดงว่าจะไม่มี A+A+A-B=AR เช่นถ้า A=7 และ B=21 จะได้ A+A+A-B=AR เช่นกัน แต่ A จะไม่สัมพันธ์กับ B (ณ.ขณะเวลานั้น)
 
คำถามข้อ 2 และจะใช้อย่างไรครับ
 
ถ้าจะใช้มันจริงๆ ก็สามารถหาวิธีใช้จนได้แหละ เช่นการย้ายข้างสมการไปมาตามแบบข้างบน ขอเพิ่มอีกซักอันที่เป็นไปได้คือ A=B-A-A
 
ในเมื่อผู้ถามใช้นามว่า ชั่วโมงคณิตศาสตร์ งั้นก็จะแนะนำการใช้แบบหนึ่ง เชิงพิศดารที่เกี่ยวข้องกับมิติเวลา(อายุขัย)ให้อีกอย่าง โดยจะเฉลยผลลัพท์ให้ แต่ไป ซ.ต.พ. สมการเอาเองนะครับ..(เป็นการบ้าน อิอิ)
 
คือ ถ้าเราพบว่า A+A+A-B=AR ก็หมายความว่า เมื่อใดที่โค้งสุริยาตร์มีค่าเป็น 2 เท่าของค่าองศาของ A เมื่อไร Av ณ เวลานั้นจะสัมพันธ์กับ Br คือ Av=Br
 
ปล. ถ้าจะพิสูจน์ให้ง่ายก็ปรับค่าองศาของ A ให้อยู่ในมุม Harmonic ที่ 16 คือไม่เกิน 22:30 องศา
ผู้แสดงความคิดเห็น ..มาแว๊ว...งานเข้าก็งี๊แหละ..โฆษณาเลยเยอะ..อิอิ วันที่ตอบ 2009-01-31 08:48:17 IP : 58.64.51.162


ความคิดเห็นที่ 27 (1895360)
ร้านดาวคะนอง  เมืองลำพูนคับ  กับคุ้มเวียงยอง  เมืองเชียงใหม่  ของเปิ้นลำแต๊ๆ   ไม่ได้ค่าโฆษณาหรือแม้แต่ส่วนลดเลยสักบาท  จ่ายเต็มๆไม่เคยแปะ  รับแขกแก้วมาเยือนกันที่นี่แหล่ะคับ  สังเกตว่าคนทำเป็นคนลำพูนทั้งนั้น 
ผู้แสดงความคิดเห็น ภารต...เขยเมือง วันที่ตอบ 2009-01-31 09:19:41 IP : 118.172.24.130


ความคิดเห็นที่ 28 (1895363)

มีโฆษณาร้านอาหารคั่นรายการ

ผู้แสดงความคิดเห็น ภารต...โหรอ้วนชวนชิม วันที่ตอบ 2009-01-31 09:24:21 IP : 118.172.24.130


ความคิดเห็นที่ 29 (1895462)
ความเห็นที่ 9 (1894232)

แล้วถ้าเป็น

A+A+A-B=AR

จะเป็นอย่างไรครับ และจะใช้อย่างไรครับ

 

สมการดาวพระเคราะห์ หรือพระเคราะห์สนธิ โดยปกติจะเป็นการเขียนสมการด้านเดียว เช่นตามคำถามนี้ ก็จะเป็น A+A+A-B ซึ่งก็ต้องหาว่าอยู่ที่ไหน โดยการเอาค่าดาวมาคำนวน บวก ลบ กัน ผลลัพธ์ที่ได้จะเป็นตำแหน่งของสมการ ซึ่งต้องไปพิจารณาว่า สัมพันธ์ หรือ = อะไรหรือไม่ ในดวงชะตา ถ้าสัมพันธ์ถึงจุดเจ้าชะตา ก็แสดงว่ามีผลต่อเจ้าชะตาโดยตรง แต่ถ้าไม่สัมพันธ์ถึงจุดเจ้าชะตา ซึ่งในทุกดวงชะตาก็จะมีจุดเช่นนี้เหมือนกัน ก็แสดงว่า ไมมีผลต่อเจ้าชะตา

 

ไม่ทราบว่าความเห็นนี้ไม่ตรงคำถามหรือเปล่า?

 

 
ผู้แสดงความคิดเห็น อ.วิโรจน์ วันที่ตอบ 2009-01-31 14:33:08 IP : 125.25.126.68


ความคิดเห็นที่ 30 (1895469)
ปัญหาพวกนี้ในการปฏิบัติจริงมันจะไม่เจอ  เพราะในจุดองศาที่ว่านี้  ยังมีจุดศูนย์รังสี และจุดอิทธิพลอื่นๆเข้ามาให้พิจารณาได้มากกว่า   แต่ถ้าจะถกกันในทางปัญหาคณิตศาสตร์ ก็อีกเรื่องหนึ่ง  และสุดท้ายก็คงเป็นแนวอภิธรรม คือ จิต ( เห็นปัญหา ) เจตสิก ( จินตนาการ ) รูป ( ผลลัพธ์ ) นิพพาน ( หามีตัวตนไม่ )  ทั้งๆที่เป็นประเด็นโหราศาสตร์ทฤษฎีอยู่นี่แหล่ะ
ผู้แสดงความคิดเห็น ภารต...อจินไตย วันที่ตอบ 2009-01-31 15:01:25 IP : 118.172.92.14


ความคิดเห็นที่ 31 (1895617)

เมื่อมองที่ MC ของความเห็นที่9 พบว่า

MC=NE+NE-AR=0 แปลว่า ความงุนงง ......

MC=MO+SA-PO =0 แปลว่า สนใจในสิ่งที่เป็นปัญญาอย่างจริงจัง ชั่วโมงอบรม ชั่วโมงตอนเย็นซึ่งอุทิศให้กับสิ่งทางปัญญา  

หรืออธิบายด้วยสมการนี้ด็ได้ครับ MO/SA=AS/SU.NO=MC/PO

 

จากสมการ A+A+A-B=AR

เงื่อนไข =>เมื่อ AR=0

A+A+A=B

3A=B

A:B=1:3 ผลต่างเท่ากับ 2

สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ดังตาราง

เมื่อ A มีค่าเป็น    B จะมีค่าเป็น    ผลต่างเท่ากับ   Harmonicที่    Dial

           3                    1                2                 2              180

        6                     2               4                  4                90

        9                     3               6                  6                60   

       12                    4               8                  8                45

       15                    5              10                10               36

       18                    6              12                12               30

       21                    7              14                14               25:42’:51’’

       24                    8              16                16               22:30’

       27                    9              18                18               20

       30                   10             20                20               18

       33                   11             22                22               16:21’:49’   

       36                   12             24                24               15

ทำอย่างนี้เรื่อยๆไป.....................................................................................

       45                   15             30                30               12

       48                   16             32                32               11:15’

        54                   18             36                36               10

       60                   20             40                40                9

       72                   24             48                48                7:30’

 

จากตาราง จะเห็นได้ว่า มี Dial เป็นจำนวนมาก ที่พวกเราคุ้นเคย

ผมเคยใช้วิธีการนี้อ่านดวงที่ตั้งคำถามมา 15 ข้อ ได้คำตอบถูกต้อง 14 ข้อ

ข้อที่ผิด คิดว่าน่าจะมีความคลาดเคลื่อนของข้อมูล

เมื่อก่อน มีข้อจำกัดในการใช้อยู่บ้าง เพราะ ผลต่าง มักไม่เป็นเลขจำนวนเต็ม

ปัจจุบัน   Janus Software มี Dial ต่างๆให้เลือกใช้ได้

 

นี่คือบางส่วนของ “Key to Success in Uranian Astrology and Cosmobiology”

ข้อคิด “หลง  คณิตศาสตร์ อาจเสียเวลา  หลง  ปรัชญาอาจเสียอนาคต”

กว่าที่จะนำเอาสมการ E=mc2 มาใช้ให้เป็นจริงได้  นักวิทยาศาสตร์ก็หัวโตกันเป็นแถวแหละครับ

 

ผมไม่ได้เรียนยูเรเนียนจากอาจารย์ใหญ่เหมือนกัน และเหมือนกับหลายๆท่านในที่นี้

แต่อาจารย์ที่ผมไปเรียนมานั้น “ท่านได้สร้างฐานความรู้ที่ยิ่งใหญ่ ให้มีอยู่ในตัวของผม”

แล้วท่านหละ คิดเช่นไร

อดิเทพ  

ผู้แสดงความคิดเห็น อดิเทพ ศรีรัตนไพฑูรย์ วันที่ตอบ 2009-02-01 06:42:44 IP : 58.10.90.40


ความคิดเห็นที่ 32 (1895620)

แก้คำผิด คห.31

MC=NE+NE-AR=180 =AS=90

MC=MO+SA-PO=180=AS=90

 

ผู้แสดงความคิดเห็น อดิเทพ ศรีรัตนไพฑูรย์ วันที่ตอบ 2009-02-01 06:50:52 IP : 58.10.90.40


ความคิดเห็นที่ 33 (1895653)

ความรู้ใหม่เลยครับ  เคยเรียนแต่  1 โค้ง  2 โค้ง  ครึ่งโค้ง  3/4 โค้ง และ 1/4 โค้ง  แล้วก็บีบจานลง เป็น 360 ,90 , 45 , 22.30 , 7.30 และ 3.45 โดยเป็นประยุกต์หา วงรอบอายุบ้าง  หาดาวหรือศูนย์รังสีแฝงแต่ให้ผลอย่างรุนแรงซึ่งส่งผลต่อตัวเจ้าชะตาบ้าง  หรือ ใช้หา สมการร่วม  a/b=c/d = e/f แล้วหาความหมายในแง่ดาวเดี่ยว  ออกมา  ว่าจะแปลได้ความหมายอย่างไร  พอท่าน อจ.อดิเทพ  แง้มเรื่องนี้ออกมาทำให้สามารถขบคิดต่อไปได้อีกหลายทิศทาง  ต้องขอขอบพระคุณมากคับ  ที่อุตส่าห์หาเพลงกระบี่ใหม่ๆ ในประเด็นที่ไม่เคยคิดถึงมาให้พวกเราๆได้เล่นกัน

ผู้แสดงความคิดเห็น ภารต...เอาอีกๆ encore วันที่ตอบ 2009-02-01 10:47:01 IP : 118.172.60.198


ความคิดเห็นที่ 34 (1895660)

ขอรบกวนท่าน อ.อดิเทพ ช่วยยกตัวอย่างประกอบหน่อยครับ

ผมรู้สึกเหมือนกับว่าจะมี 4-5 เดียวกันอยู่ในเนื้อความครับ

โดยในเวลาที่โพสต์นั้น...

MC/AR = ME = MA = PL = VU = AP = CE

นับว่าเป็นเวลาที่ "แรง" มาก ๆ ครับ กล่าวคือ...

พุธ.อังคาร.พลูโต
ประมวลความคิดได้เร็วและแสดงออกมาให้ทราบ ปฏิบัติตามแผนการที่คิดไว้อย่างรอบคอบแล้ว มีความสามารถในการทำงานได้หลายสาขา

พุธ.อังคาร.อาพอลลอน
กิจกรรมทางวิชาการอันเคร่งเครียด เก่งในการแสดงออก

พุธ.พลูโต.อังคาร
คิดแล้วเข้าใจแล้วจึงลงมือกระทำ วางแผนและดำเนินการบางสิ่งบางอย่าง

พุธ.พลูโต.อาพอลลอน
ต้องคิดถึงหลายสิ่งหลายอย่าง บุคคลหลายคนเปลี่ยนใจ

พุธ.พลูโต.วัลคานุส
คิดเร็วหรือต้องคิดโดยเร็ว การเปลี่ยนแปลงอันใหญ่หลวงในทางความคิด รู้แจ้งถึงการเปลี่ยนแปลงอันใหญ่หลวงอย่างหนึ่ง

พุธ.อาพอลลอน.อังคาร
การโต้คารมกันอย่างเผ็ดร้อนกับบุคคลจำนวนมาก การกล่าวทางวิชาการ

พุธ.อาพอลลอน.พลูโต
คนจำนวนมากสนทนากันเกี่ยวกับการปรับปรุงและการเปลี่ยนแปลงความเห็นของเขา การพูดกับบุคคลจำนวนมากเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงอย่างหนึ่ง

พุธ.อาพอลลอน.วัลคานุส
การมีประสิทธิภาพในทางความคิดอันรุนแรงของบุคคลจำนวนมาก ประสบความสำเร็จอย่างใหญ่หลวงจากการปรึกษาหารือกับบุคคลจำนวนมาก ได้รับความเข้าใจโดยอาศัยบุคคลจำนวนมาก

พุธ.วัลคานุส.อังคาร
ไม่แยแสต่ออุปสรรค ดำเนินการอย่างเข้มแข็ง

พุธ.วัลคานุส.พลูโต
มีความรู้แจ้งถึงการเปลี่ยนแปลงอันใหญ่หลวงในสิ่งหนึ่ง

พุธ.วัลคานุส.อาพอลลอน
คิดการสิ่งใดก็สำเร็จ ความคิดอันถูกต้อง

อังคาร.อาพอลลอน.พุธ
การขัดแย้งทางวิทยาการ

อังคาร.พลูโต.พุธ
วิจารณ์, อภิปรายหรือโต้แย้งแผนการอันหนึ่ง

อังคาร.วัลคานุส.พุธ
การอภิปรายอย่างเผ็ดร้อน

พลูโต.อาพอลลอน.พุธ
การคิด การสนทนา ความคิดเห็นเกี่ยวกับการเปลี่ยนรูปและพัฒนาการ

พลูโต.วัลคานุส.พุธ
ครุ่นคิดถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่อันหนึ่ง การสนทนา การออกความเห็น การเจรจาถึงเรื่องนั้น ต้องปรับตัวอย่างรวดเร็ว

อาพอลลอน.วัลคานุส.พุธ
ได้รับการยอมรับ ได้รับความเข้าใจในความเห็น ความคิดและความคาดหมาย

พุธ.ซีรีส.พลูโต
ทำการสอนในเรื่องสัญลักษณ์โบราณ

พลูโต.ซีรีส.พุธ
การอภิปรายแลกเปลี่ยนความคิดเห็นที่มากนำไปสู่การวัดผลอย่างรุนแรง

อาพอลลอน.ซีรีส.พุธ
การศึกษาอย่างเอาจริงเอาจังผ่านการสำรวจตรวจสอบหาความจริงโดยส่วนตัว (ด้วยตัวเอง)

วัลคานุส.ซีรีส.พุธ
การพูดในลักษณะที่ตัดสั้นและรัดกุม

ผู้แสดงความคิดเห็น อธิ วันที่ตอบ 2009-02-01 11:11:06 IP : 61.90.91.127


ความคิดเห็นที่ 35 (1895665)

สำหรับเวลาที่ อ.ภารต โพสท์นั้น...

MC/AR = NE = CU = AD = CH = VX

ซึ่งก็มีความหมายที่น่าสนใจ ว่า...

เนปจูน.คิวปิโด.แอดเมตอส
การแตกแยกกันกับมิตรสหายผู้หนึ่งหรือกับพันธมิตร

เนปจูน.แอดเมตอส.คิวปิโด
การแยกตัวออกจากหมู่คณะ การเปลี่ยนแปลงในสัมพันธภาพทางหมู่คณะ

คิวปิโด.แอดเมตอส.เนปจูน
การเปลี่ยนแปลงสภาพในหมู่คณะหนึ่ง นำแฟชั่นเข้ามาใหม่ ต่อต้านประเพณีเก่า ๆ มรรยาทและขนบธรรมเนียมอย่างใหม่ ฐานะทางสังคมที่ไม่แน่นอน พันธมิตรที่ไม่ซื่อสัตย์

เนปจูน.คิวปิโด
การแตกร้าวในในหมู่คณะ(AA: หมู่คณะทางความเชื่อหรือศรัทธาหรือปรัชญา)

เนปจูน.แอดเมตอส
การเปลี่ยนแปลงจากสภาวะการรวมตัวจากสภาวะหนึ่งไปสู่อีกสภาวะหนึ่ง (AA: ทางตันของการเมือง, การหยุดชะงักของการเมือง)

คิวปิโด.แอดเมตอส
ถูกละเลยหรือปฏิเสธที่จะร่วมหมู่คณะกับผู้อื่น การสลายตัวของหมู่คณะหนึ่ง

เนปจูน.ไครอน
ทางออกที่ค่อย ๆ เลือนหายไป (dissolving door)

คิวปิโด.ไครอน
AA: หัวเลี้ยวหัวต่อในเรื่องหมู่คณะ

แอดเมตอส.ไครอน
AA: หัวเลี้ยวหัวต่อของความจำกัดอันใหญ่หลวง,

คิวปิโด.เวอร์เท็กซ์
AA: เจ้าชะตาที่เกี่ยวข้องกับหมู่คณะ

ไครอน.เวอร์เท็กซ์
AA: หัวเลี้ยวหัวต่อระหว่างเจ้าชะตาที่มีสัมพันธภาพกับผู้อื่น

ผู้แสดงความคิดเห็น อธิ วันที่ตอบ 2009-02-01 11:19:49 IP : 61.90.91.127


ความคิดเห็นที่ 36 (1895690)

อ้าว! ผมแกะดูแล้ว กลับแปลได้ว่า  ar/mc นั้น  ชาวบ้านเค้าเห็นว่า  = -ju = ผมอารมณ์ดี =mc/ve= ne = ur/ap = แต่พาให้งงหรือสับสนในข้อเขียนนี้ในเรื่องเกี่ยวกับโหราศาสตร์ยูเรเนียน = sa/vu=sa/ap=ma/ur  ทำให้มีอุปสรรคในการศึกษาต่อหรือทำให้ต้องครุ่นคิดอย่างเคร่งเครียดตาม  ( ว่าคุยกันเรื่องอารายวะ  ตูอ่านแล้วสับสน...งง...ไม่รู้เรื่อง )  ประเภทรู้กันเองคุยกันเองนี้หว่า

ส่วนขณะโพสผมคิดอะไรอยู่นั้น  ต้องดูที่ mc/as ที่เชียงใหม่เจ้า

ผู้แสดงความคิดเห็น ภารต...แน่ะดูว่าเข้า วันที่ตอบ 2009-02-01 11:54:26 IP : 118.172.60.198


ความคิดเห็นที่ 37 (1895699)

ผมยังเรียนมาแบบรุ่นเก่าอยู่ ยังหัว conservative อยู่มาก คือยังไม่ใช้ดาวพระเคราะห์น้อยในการผูกดวงและแปลความหมาย  เนื่องจากยังไม่เชื่อในความหมายของดาว 

คำแปลกุญแจที่เรียนรู้มา  เช่น Ceres = ความอุดมสมบูรณ์ ,Vesta = ไฟ , ความอบอุ่นหรือ สาวพรหมจรรย์ , Pallas = ปัญญาและสันติภาพความสงบสุข , Juno = ความสวย ความเป็นแม่ หรือผู้ให้กำเนิด ความโหด***มเข้มงวด  

ยังไม่เคยเอามาทำเป็นพระเคราะห์สนธิเต็มรูปแบบกับเค้าเลย  นอกจากเอามาแกะในบางประเด็นบางดวงโดยเฉพาะดวงหญิงที่ชีวิตอาภัพรักแนวต่างๆ  เช่น แต่งช้า ขึ้นคาน  รักทิ้ง  รักคุด  รักวัยเด็ก รักวัยสาว ชะตาแม่ม่าย  แม่แสนร้าย  แม่ยายแสนซึ้ง บทบาทต่างๆในแต่ละวัยที่ก้าวล่วง ซึ่งเจ้าชะตาคุณมักไม่ค่อยจะรู้ตัวกัน ฯลฯ ซึ่งก็ให้แง่คิดแปลกๆของดวงชะตาออกมาได้ในแง่จิตวิทยา ซึ่งก็ทายสนุกไปอีกแบบนึง  ส่วนดวงคุณผู้ชายจะดูไม่สนุกเพราะรู้เช่นเห็นชาติกันอยู่  ขืนไปทำนายเข้าโหราอาจจะซวยซะเอง

ผู้แสดงความคิดเห็น ภารต...เล่าต่อ วันที่ตอบ 2009-02-01 12:21:38 IP : 118.172.60.198


ความคิดเห็นที่ 38 (1895721)
เพิ่งสังเกตว่า MC/AR = NE -> MC = NE+NE-AR อันเดิมกับที่ อ.อดิเทพ ยกมาเลยแฮะ ผมว่าไปตามดาวน่ะครับ อาจผิดก็ได้ ขอโทษครับที่คำแปลมันแรง ไม่ได้เขียน "พระเคราะห์สนธิ" ของดาวเคราะห์น้อยเองหรอกครับ แปลมาจากของ Emma Belle Donath ครับ
ผู้แสดงความคิดเห็น อธิ วันที่ตอบ 2009-02-01 13:06:44 IP : 202.149.25.238


ความคิดเห็นที่ 39 (1895733)
ขออธิบาย ตามการศึกษาจาก  ผลปรากฏการณ์ของ ตำแหน่งการสนธิดาวคับ

ผมมีความสงสัยเกี่ยวกับจุดอิทธิพล A+A-B เช่น Ju+Ju-Su หรือศูนย์รังสี A/A//B อย่างเช่น ur/ur//vu
ผมเคยอ่านเจอบทความชองท่าน อ.จรัญ ท่านเคยเขียนแสดงความเห็นว่า ในหนังสือสูตรพระเคราะสนธิ ที่หัวข้อ ดาว + ดาว แล้วให้อ่านตัวลบตามคำอธิบายไล่ลงมาตั้งแต่ เมอริเดียน ถึง โพไซดอน นั้น
อันที่จริงน่าเขียนเป็นตัว / (สัญญาลักษณ์ศูนย์รังสี) ถึงจะถูกต้อง......ฯ
(ไม่ทราบว่าจะเป็นเรื่องเดียวกันหรือเปล่า ที่ทำให้สับสนในการที่ผู้ศึกษามองจากสัญญาลักษณ์)

ว่าทำไมจึงต้องใช้ A ถึงสองตัว มีเหตุผลอย่างไร
เหตุผลหมายถึงการแสดงถึง ศูนย์รังสี ของดาวนั้นๆ เมื่อค่าเท่ากับดาว - อะไร ก็แสดงถึงความหมายนั้นๆ

 และจะมีผลต่างกันอย่างไร กับศูนย์รังสี A/B เช่น Ju/Su หรือur/vu ครับ ขอเรียนถามท่านผู้รู้ช่วยอธิบายด้วยครับ ขอบคุณครับ
ไม่แตกต่างคับ ในด้านความหมาย ที่แสดงถึง ตำแหน่งนั้นคือ ตำแหน่งศูนย์รังสีคับ 

ผู้แสดงความคิดเห็น มองปรากฏการณ์ แล้วนำมาหาความหมาย วันที่ตอบ 2009-02-01 13:43:15 IP : 58.9.210.72


ความคิดเห็นที่ 40 (1895797)
ตอนผมตอบ คห7 ที่ว่าให้ใช้จานคำนวณอธิบาย ตรวจพบโครงสร้าง T72 MC=MO/SA แปลว่า อนุรักษ์นิยม เป็นพวกชอบของเก่า 555
ผู้แสดงความคิดเห็น nUm วันที่ตอบ 2009-02-01 16:37:34 IP : 119.42.77.252


ความคิดเห็นที่ 41 (1895824)

ความเข้าใจส่วนตัวของผม

ตำราใหม่ๆ ต้องเกิดจากตำราเก่าเสมอ

ส่วนการค้นพบสิ่งใหม่ๆความคิดใหม่ๆ ไม่จำเป็นต้องเกิดจากความคิดเก่าตำราเก่าเสมอไป

เมื่อเป็นดังนี้

1)จึงต้องมีนักอนุรักษ์เพื่อดำรงไว้ซึ่งสิ่งสำคัญๆให้คงอยู่และส่งต่อให้ชนรุ่นต่อๆไป

2)จึงเกิดการคัดกรองสายพันธุ์ในคนรุ่นใหม่หรือความรู้ใหม่ๆ เพื่อให้ย้อนกลับไปเป็นข้อที่1

เมื่อรวมทั้งสองข้อเข้าด้วยกัน จะทำให้เกิดคำกล่าวที่ว่า "A New Day Has Come"

นักอนุรักษ์ในมุมมองของผมนั้น มักต้องมีโครงสร้างของ HA/AD และหรือ VE/SA ทำมุมกับจุดเจ้าชะตา หรืออย่างน้อยต้องเป็นดาวพุธ ส่วนจะแรงขนาดไหนต้องไปดูว่ากระทบจุดใด ระยะเชิงมุมเท่าใด และมีความคลาดเคลื่อนเท่าใด 

ผู้แสดงความคิดเห็น อดิเทพ ศรีรัตนไพฑูรย์ วันที่ตอบ 2009-02-01 17:51:41 IP : 58.10.90.87


ความคิดเห็นที่ 42 (1895833)

ดวงผมมี   ฮาเดส+โปไซดอน-อาทิตย์ = เมอริเดียน เลยล่ะคับ  ยังดีนา ที่เข้า = พฤหัส = อาทิตย์ / จันทร์ 

มิน่ายิ่งแก่ยิ่งขี้บ่น ยึดมั่นถือมั่นจนเกินเหตุ วันๆเปิดดูแต่ History Channel ช่อง 48 วนไปวนมาซ้ำซากไม่รู้เบื่อ ส่วน MTV ดูไม่รู้เรื่องเข้าไม่ถึงเช่นเดียวกับการ์ตูนญี่ปุ่นพยายามอ่านหลายรอบแล้ว ก็ไม่ติดใจเอาซะเลย ไม่เหมือนนิยายจีนดันติดงอมแงม

ผู้แสดงความคิดเห็น ภารต...โบร่ำโบราณ วันที่ตอบ 2009-02-01 18:16:00 IP : 118.172.35.16


ความคิดเห็นที่ 43 (1895845)
ส่วนคัมภีร์โหราศาสตร์ของท่าน Emma Belle Donath น่ะ โดยเฉพาะเล่ม Asteroids in Synastry มีบางอย่างผมแปลออกมาแล้ว   ตามความเข้าใจของผมเอง ยังข้องจิตข้องใจหลายอย่าง โดยเฉพาะความหมายการแปลผสมดาวกับปัจจัยอื่น  บางทีก็คล้ายกันแต่บางทีก็ไปกันคนละทาง  จับเอามาใช้ยกศัพท์บางทีก็ไม่ลงรอยกัน   แต่อันนี้เป็นความเข้าใจของผมคนเดียวในแง่การแปลเทียบกับ เทพปกีรณัม กรีก โรมัน กับโหราศาสตร์สากลที่เรียนมาแต่เดิม  คงต้องมีการค้นคว้าศึกษากันต่อไปอีกล่ะครับ
ผู้แสดงความคิดเห็น ภารต...ยังต้องเถียงครูอยู่หลายเรื่อง วันที่ตอบ 2009-02-01 19:15:04 IP : 118.172.35.16


ความคิดเห็นที่ 44 (1895861)
ข้อสังเกตเรื่องดาวเคราะห์น้อยอีกอย่างหนึ่งคือ  ถ้านำมาใช้กับดวงชะตาเพศหญิง จะอธิบายได้ค่อนข้างลึกซึ้งวิจิตรพิศดาร ในแง่จิตวิทยาพฤติกรรม  แต่พอใช้กับดวงชายมันแป๊กผมแปลไม่ค่อยออก  อ่านไม่ค่อยเข้าใจ   นอกจากพวกเกย์พวกตุ๊ดแต่ว ไปโน่นเลย อันนี้เป็นประสบการณ์ผมส่วนตัวนะคับ   เพราะผมก็พยายามศึกษาใช้ทุกรูปแบบอะไรที่มีใน โปรแกรม Solarfire น่ะ แสดงว่าต้องใช้ได้ มีการใช้ได้จริงและเป็นที่ยอมรับกันในทางสากลแล้ว  เพียงแต่เรายังต้องศึกษากันต่อ   คือยังเรียนไม่รู้จบสักที 
ผู้แสดงความคิดเห็น ภารต...หลายปีแล้วนะเนี่ย วันที่ตอบ 2009-02-01 19:58:07 IP : 118.172.35.16


ความคิดเห็นที่ 45 (1895864)

ความเห็นส่วนตัวระหว่าง ความเก่า และ ความใหม่

"เป็นสองสี่งที่ถ่วงดุลย์กัน และสามารถทำให้เกิดเสถียรภาพได้"

ความรู้ใหม่ ไม่ได้ดีไปกว่าความรู้เก่า เพียงแต่ความรู้ใหม่หรือวิธีการใหม่ อาจมีที่ใช้ที่สอดคล้องเหมาะสมกับโลกปัจจุบันมากกว่า

สรรพสิ่งบนโลกใบนี้ ล้วนอยู่ท่ามกลางความเก่าและความใหม่ มันอยู่ตรงที่ว่า "เราเหมาะกับสิ่งไหน และสิ่งไหนเหมาะกับเรา"

แต่ที่ต้องระวังก็คือว่า "ความเข้ากันไม่ได้หรือการขัดกันในบางส่วนระหว่างความเก่าและความใหม่ ซึ่งจะสร้างปัญหาใหม่ตามมา"

"ผู้มีใจอิสระ ไม่มีที่เหมาะสำหรับเขา เหตุเพราะเขาเหมาะสำหรับทุกที่"

"ผู้มีใจที่ไม่อิสระ ที่ไหนๆก็ไม่เหมาะสำหรับเขา เหตุเพราะ เขาไม่เหมาะสำหรับทุกที่"

---------------------------------------------------------------------

เมื่องานชุมนุมนักโหราศาสตร์ครั้งแรก ผมได้มีโอกาสได้พูดคุยกับท่าน อ.จรัญ สองหรือสามนาที ผมนำดวงของผมไปให้ท่านดู ท่านกรุณาดูแผ่นดวงที่ผมถือไป แล้วท่านได้ถามผม ด้วยสำเนียง เสียงที่นุ่ม เล็ก และใส ว่า

“รู้จักใครที่เกิดข้างแรมแก่ๆบ้างหรือไม่” ท่านหยุดนิ่งไปอึดใจหนึ่ง แล้วพูดต่อว่า

“ต่อไปเอ็งเก่ง” แล้วท่านก็คืนแผ่นดวง จากนั้นท่านก็เดินเข้างาน........

เขียนมาตรงนี้ บางท่านที่อ่าน อาจมองว่าผมมาคุยโว

ไม่ใช่นะครับ

ผมต้องการจะบอกกับท่านว่า  “จากทั้งสองประโยคที่ท่านอ.จรัญ พูด ได้เปิดประตูฟ้าให้ผม” แต่เป็นแผนที่ลายแทงของ “ขุมความรู้”

 

อดิเทพ

(กว่าผมจะพิมพ์เสร็จ ท่านภารต ว่าไปแล้วสองชุดใหญ่)

ผู้แสดงความคิดเห็น อดิเทพ ศรีรัตนไพฑูรย์ วันที่ตอบ 2009-02-01 20:10:14 IP : 58.10.90.31


ความคิดเห็นที่ 46 (1895867)
ช่วยอธิบายต่อขยายความต่อทีเถอะคับท่าน อาจารย์อดิเทพ  ว่าหมายความอย่างไรกันเหรอ  คุยแบบสำนักเซ็น  แนวปริศนาธรรมหรือโกอันกงอั้นเนี่ย  บางทีก็เข้าใจยากหรือตีความได้คลาดเคลื่อนไม่เป็นไปในแนวเดียวกันได้   บางทีหลายคนอาจจะเข้าใจไปว่า ท่านอาจารย์อดิเทพ  กำลังให้ท่านอาจารย์จรัล  ช่วยหาคู่ครองแนวคนที่เกิดข้างแรมแก่ๆให้ที  ซึ่งผมว่าไม่น่าจะใช่แนวนี้นี่นา
ผู้แสดงความคิดเห็น ภารต...ตกลงช่วยขยายหน่อยนะคับ วันที่ตอบ 2009-02-01 20:22:07 IP : 118.172.35.16


ความคิดเห็นที่ 47 (1895868)

ท่านภารต คงต้องทำบุญมาเยอะ ถึงมีพฤหัสที่โดดเด่นดังว่า

ถ้าไม่มีพฤหัสโดดเด่น

โครงสร้างของ HA+PO-SU=MC อาจถูกจัดเข้าในกลุ่มของ "เณรห้องเย็น" เลยนา

ผู้แสดงความคิดเห็น อดิเทพ ศรีรัตนไพฑูรย์ วันที่ตอบ 2009-02-01 20:24:10 IP : 58.10.90.31


ความคิดเห็นที่ 48 (1895872)

หนังสือของ Emma Belle Donath ต้องเล่ม Asteroids in Midpoints, Aspects and Planetary Pictures ครับ จึงมี "พระเคราะห์สนธิโดยตรง" รวมการผสมกับดาวทิพย์ด้วย

ส่วนเล่มอื่นไม่เกี่ยวโดยตรงกับ "ยูเรเนียน พระเคราะห์สนธิ" ครับ ใช่อ่านเอาปรัชญาประกอบ ๆ กันก็ดี เท่าที่ผมเหลือบเห็นใกล้ ๆ ตัวเวลานี้มี...
- Relocation
- Minor Aspects Between Natal Planets
- Asteroids in Synastry

ผู้แสดงความคิดเห็น อธิ วันที่ตอบ 2009-02-01 20:46:12 IP : 61.90.93.45


ความคิดเห็นที่ 49 (1895878)

มีคำถามที่คล้าย ๆ กัน "พอดี" อ่านเจอจาก Uranian Forum XXXIII May 1990 หน้า 26-28 ว่า...

... Also, is there an explanation for why a planet is added to itself. For example Sun + Sun"

[...แสดงการคำนวณผลบวกซึ่งเกิน 360 แล้วเอา 360 ลบออกเพื่อให้ขึ้นรอบใหม่ในวงกลมของราศีจักร...]

Would this be a valid point and all its squares, semisquares, conjuncts etc?
I want to test this as soon as I can as well as some family patterns too, since I am working on the family history - oh, for exact times.

Rose Sansone
Port St. Lucie, Florida

--- In your expample you added your Sun plus Sun mathematical calculation. Notice you subtracted 360 because your total was greater than 360. What you were actually doing, but unaware of, was subtracting the Aries axis from your Sun plus Sun. Therefore, on all pages where Planet plus Planet is shown at the top of the page, the results is the same as Planet plus Planet minus Aries.

Any two planets added together (or single planet added to itself) will be the same as subtracting the Aries axis which is 0 and cannot be subtracted. (See diagram)

Sun + Sun - Aries (90 Dial)

[คำอธิบายวิธีคำนวณลงจาน 90 องศา และวิธีตั้งแกนหาศูนย์รังสีโดยสะท้อนจุดเมษรอบจุด Sun + Sun]

Now we come to the "why" of the matter. A "sensitive point" is always found on one of the side arms of what is called a midpoint planetary picture. To find the formula we first place the movable dial pointer on the "midpoint" to visually find the sensitive point. Once the degree of the sensitive point formula is found (see above) the arrow is placed on that degree and the aspects and pictures at that location are studied to find that formulas influence on the life of the native.

In this case the arrow on the movable dial would be placed on [76:32] to find the expression of this important formula which tells you about physical (biological) influences on the personal level, and will relate public life. Plantes and pictures found within 1 degree of this axis will also let you know details concerning health Rose. This particular formula (the midpoint of Sun/Aries as well as the sensitive point Sun + Sun - Aries being the same as Sun + Sun) is one that I personally favor as one of the most important to study in the chart.

Penny (หมายถึงผู้ตอบคือ Penny Bertucelli)

ผู้แสดงความคิดเห็น อธิ วันที่ตอบ 2009-02-01 21:08:43 IP : 61.90.93.45


ความคิดเห็นที่ 50 (1895895)

คห.46 ของท่านภารต

MOt=NEt/HAt =0ความไม่แจ่มแจ้ง

เอาดาวพุธไปลบพบว่า

NEt+HAt-MEt ความคิดที่สับสน ไม่สามารถจะสำรวจความคิดได้ เท่ากับ MCt/ASt =0 เชียงใหม่พอดี

MAt ก็ทำมุม 180 กับ MCt/ASt ซะด้วยสิ

ไม่ทราบว่า NEt+HAt-MEt ไปกระทบจุดใดในดวงของท่านภารตกันเนี่ยะ

"เอ.....ปรัชญญาของท่านก็มากโขอยู่นา

ท่านจะแกล้งเฉไฉ หรือเปล่าน้า....?"

ผู้แสดงความคิดเห็น อดิเทพ ศรีรัตนไพฑูรย์ วันที่ตอบ 2009-02-01 22:23:08 IP : 58.10.90.31



[1] 2 ถัดไป >>


แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น *
ผู้แสดงความคิดเห็น  *
อีเมล 
ไม่ต้องการให้แสดงอีเมล



Copyright © 2010 All Rights Reserved.