เรื่องนี้ถ้าตอบตามโหราศาสตร์  เค้าก็มีทฤษฎีหลายอย่าง 

    อย่างแรกคือ  ในพื้นดวง มีทุกข์ใจอะไรหนักๆ  เช่น  ดาวร้ายมากดเมอริเดียน หรือศุนย์รังสีที่เป็นจุดเจ้าชะตาแรงๆ  เช่น เมอริเดียน /จันทร์   หรือ เมอริเดียน/อาทิตย์    เช่น  เสาร์ทับ  เสาร์เล็ง  เสาร์ฉาก  โดยดาวเสาร์ที่ว่าจะออกอาการตามเรือนชะตาเดิมและเรือนชะตาครอง  โบราณว่าเสาร์นี้แปลความหมายว่า ใจที่จดจ่อกับเรื่องนั้น

    อย่างที่สองก็คือ  วัยที่แปรเปลี่ยน  ซึ่งมี 2 แบบคือ สั้นกับยาว
  โดยสั้นเป็นแค่ช่วงประมาณ 1 ปี ที่เรียกว่า พวกดวงจรสุริยยาตร์ เช่น วี 1 , วี 2 หรือ ดวงทินวรรษ  บ้างแล้วแต่จะหาเจอ
   ส่วนแบบยาว อันนี้เป็น ดวงโปรเกรส ซึ่งดวงโปรเกรสนี้ในบางคนให้ผลรุนแรงเหลือหลาย   เช่น  นักโทษที่ติดคุกนานๆ  ให้ดูว่าจะพ้นโทษเมื่อใดนั้น  ดูจากดวงจรอื่นไม่ได้เลย  เช่นตัดสินมา 20 ปี  ติดจริง อาจจะ 8 - 11 ปี  เรียกว่าจะทายพ้นโทษออกจากคุกเมื่อใดเนี่ย  ดูจากดวงโปรเกรสอย่างเดียวตัดสินได้แทบจะ 80 เปอร์เซนต์เชียว
    อย่างที่ 3 คือ ชะตากรรมรังแก  เป็นจุดโหรา ( แอตเมตอส / วัลคานุส ) ที่มีทุกคน แล้วแต่ว่า จะไปเจอเรื่องใด ถ้าทำเงื่อนไขตามนั้นจะโดนใจให้ทุกข์ยากอุปสรรคสิ้นดี  ถ้าไม่ทำก็ไม่โดน เช่น  ถ้าไปคบอีตาคนนี้ ดวงบอกว่าจะโดนชะตากรรมรังแก  ถ้าไม่สร้างสัมพันธ์ต่อ  ก็ไม่เป็นไม่โดน  เรียกว่าตัดกันตั้งแต่เหตุเพื่อไม่ให้เกิดผล  หรือบางท่านก็มีทุกข์เรื่องการมีบุตร  ถ้าไม่มีซะมันก็ไม่เกิดเรื่อง

    สรุปว่า  ความทุกข์ในจิตใจมันก็มีอายุขัยของมัน   เกิดขึ้น  ตั้งอยู่  ดับไป  เป็นอนิจจัง  เหมือนกัน  ถ้าไม่มีใจให้มัน  มันก็หายไปได้  และถ้าสังเกตให้ดี  ก็จะเหมือนกับที่พระท่านว่า  สิ่งทั้งหลายทั้งปวงไม่ควรยึดมั่นถือมัน  อุปาทานยึดครองเมื่อไหร่เป็นทุกข์ทั้งสิ้น  มากน้อยแล้วแต่กรรม  คือ ดวงกำเนิดมันตั้งรับกับเรื่องนี้ได้นานแค่ไหนต่างหากคับ 

โรงเรียนโหราศาสตร์กรุงเทพ
หลักสูตรโหราศาสตร์ประยุกต์
ดวงชะตาประจำวัน
พลตรี ประยูร พลอารีย์
2 เม.ย. 2532

....

ข. อาทิตย์กำเนิด

อาทิตย์กำเนิดในดวงชะตาผู้ใดก็ตาม จะแทน กาย ของผู้นั้นเสมอไป ระยะเชิงมุมระหว่างอาทิตย์กำเนิดถึงอาทิตย์จรสุริยคติ คือ อายุ ของเจ้าชะตา และโค้ง อาทิตย์กำเนิด - อาทิตย์จรสุริยคติ มีชื่อเรียกเป็นพิเศษว่า "โค้งอิทธิพล" (Sensitive Curve)
ความยาวของโค้งดังกล่าว ซึ่งก็คือระยะเชิงมุมระหว่างอาทิตย์กำเนิดกับอาทิตย์จรสุริยคตินั้นเอง มีชื่อเรียกโดยทั่วไปว่า "โค้งสุริยยาตร์" มีประโยชน์อย่างยิ่งในการกำหนดเหตุการณ์ล่วงหน้า

ค. โค้งอิทธิพล (Sensitive Curve)

ดังได้กล่าวมาแล้วในข้อ ข. โค้งอิทธิพลได้แก่ โค้งตามแนวระวิมรรค ซึ่งเริ่มตั้งแต่ อาทิตย์กำเนิดถึงอาทิตย์จรสุริยคติ

หากปรากฏว่ามีดาวพระเคราะห์ใด ๆ ก็ตามโคจรอยู่บนโค้งอิทธิพลนี้ ดาวพระเคราะห์ดวงนั้นก็จะสำแดงอิทธิพลที่เกี่ยวกับ ทางกาย เรื่อยไปจนกว่าจะโคจรออกจากโค้งนี้ไป หรือก็คือจนกว่าจะถึงอาทิตย์จรสุริยคติ ซึ่งอาจเป็น ปี เป็น เดือน หรือเป็น วัน ก็ได้ สุดแท้แต่ว่าดาวพระเคราะห์ดังกล่าวจะเป็นดาวอะไร ถ้าเป็นดาวพระเคราะห์โคจรเร็วก็เร็วหน่อย ถ้าเป็นดาวพระเคราะห์โคจรช้าก็คงต้องนานเป็นปี ๆ ซึ่งเหตุการณ์ที่เกี่ยวกับทางกายนี้อาจเป็นทั้งทางด้านร้ายหรือทางด้านดีก็ได้ ตามอิทธิพลของดาวพระเคราะห์นั้น ๆ เช่นหากเป็นบาปเคราะห์ก็มีแนวโน้มไปทางด้านร้าย หากเป็นศุภเคราะห์ก็ไปทางด้านดี มีความสุข เช่น ศุกรกำลังโคจรอยู่บนโค้งอิทธิพล เป็นต้น อาจเป็นช่วงที่เจ้าชะตามีผิวพรรณดี ฯลฯ แต่ถ้าเป็นบาปเคราะห์สำคัญ เช่น เสาร์ เป็นต้น ก็คงเป็นรื่องของโรคภัยไข้เจ็บเรื้อรังยาวนาน อาจนานเป็นปีสุดแต่ความยาวของโค้ง ถ้าเด็ก ๆ ระยะเวลาก็สั้น สูงอายุก็นานหน่อย

(บันทึก: อาจารย์กล่าวในชั้นเรียนว่านี่เป็นเหตุผลที่ว่าทำไม เด็กป่วยจึงหายเร็ว คนแก่ป่วยจึงหายช้า)
......

อ๋อ  เข้าใจแล้วคับ  เข้าใจตรงที่ว่า ถ้ามีดาวจรปัจจุบันมาสถิตย์บนเส้นโค้งที่ว่านี้ 

ok  เข้าใจแล้วคับ  เห็นจริงด้วย

ขอบพระคุณมากที่นำมาอธิบายให้ฟัง

บทเรียน 18 บท ชุดนี้ผมว่าผมเคยอ่านแต่คงข้ามไป  หรือที่มีอยู่ก็อาจจะไม่ใช่ชุดนี้

น่าจะจริงคับ  ผมก็ว่าผมอ่านมาทั่วแล้ว เพิ่งจะเคยได้ยินคำนี้นี่แหล่ะ  อ่านตอนแรกยังเข้าใจประเด็นผิดไป   ลืมนึกถึงจาน 360 พื้นฐาน

เช่นเดียวกับมุมสัมพันธ์ ( Aspect ) ของดาวจรปัจจุบันที่มีค่าเท่ากับค่าโค้งอายุนี้ ให้ผลรุนแรงถ้าทำมุมกับดาวกำเนิด  อันนี้ก็จำมาจากเอกสารหรือตำราไหนก็ไม่รู้ลืมไปแล้ว  เอามาใช้หากินทายกันได้มากมายแล้ว ก็เพิ่งจะรู้วิธีพิสูจน์ที่มาก็ในเว็บคุณ holis กับ horauranian นี่แหล่ะ