ReadyPlanet.com


ทายซิคะ?


ว่าเมื่อสี่โมงเย็นไปไหนมาเกิดอะไรขึ้น....


ผู้ตั้งกระทู้ ปรียา...รร... :: วันที่ลงประกาศ 2009-01-17 21:52:43 IP : 117.47.240.37


<< ก่อนหน้า 1 [2]

ความคิดเห็นที่ 51 (1889760)

ว่าเกินไปคุณ  การขาดจากความเป็นพระ  ต้องขโมยนะคุณ โดยมีมูลค่าทรัพย์ เงินเกิน 5 มาสก ประมาณ 10 บาท ( มูลค่าปัจจุบัน )  ถึงเป็นจะต้องอาบัติปราชิก  ขาดจากความเป็นพระ   ถ้าไม่ได้ขโมยถือว่าแค่จับต้องเงินอันนี้ไม่เกี่ยวเป็นอาบัติหนัก  เป็นแค่  นิสสัคคีย์ ปาจิตตีย์ อาบัติชนิดเบา ตอนเย็นทำวัตรปลงอาบัติซะก็เจ๊ากันหาย  พรุ่งก็ปลงกันใหม่ในโบสถ์   .... 

ส่วนกินเหล้าก็เช่นกัน  อาบัติน้อยปลงก็หาย  แต่เป็นโลกะวัชชะ แปลว่า ชาวบ้านติเตียน  โดยมากเขาจับสึก  เพราะมีภาวะหยาบแบบวิสัยชาวบ้าน 

ส่วนที่แย่สุดตอนนี้ก็คือ ผู้วิเศษทั้งหลายต่างหาก  อ้างว่าเห็นเทวดา  เห็นพระพุทธเจ้า  หรือตาทิพย์นั่งเห็นอย่างนั้นอย่างนี้ นี่แหล่ะ ที่อุตริสิ่งไม่มีในตน  มาแสดงออกทั้งทางตรงและทางอ้อม  เที่ยวไปทักคนนั้นคนนี้ว่าชาติที่แล้วเป็นนั่นเป็นนี่  เห็นนิมิตต่างๆ   อันนี้สิ   อาบัติปราชิก ข้อ 4  ปัจจุบันผมเห็นให้เกลื่อนไป  พระผู้ใหญ่ก็เยอะทั้งที่มีชีวิตและที่ตายไปแล้วก็มาก

ปัญหาอีกอย่างก็คือ   พวกเกย์กระเทยมาบวชเยอะมาก  ก็อุปัชฌาย์บางองค์ยังเป็นเลย   ยิ่งทางเหนือด้วย  อยู่กันเป็นแกงค์เป็นก๊วน  ศีลาจารวัตร ไม่ต้องพูดถึง ยังกับทิฟฟานี่  ยิ่งต่อไปยิ่งมีอำนาจมากขึ้นจะฉิ บหายแน่ ครอบงำกันตั้งแต่เณรขึ้นไปเชียว  เรื่องนี้ไม่ต่อว่าเกย์กระเทยแต่ไม่เหมาะที่จะมาเป็นนักบวชในพุทธศาสนา

ผู้แสดงความคิดเห็น ภารต..อายะติง อาวุโส สังวะเรยยาสิ วันที่ตอบ 2009-01-19 10:11:51 IP : 118.172.99.215


ความคิดเห็นที่ 52 (1889842)
โห อจ. วันนี้พูดเรื่องพระเรื่องเจ้าเยอะเลย แกะจากฟ้าเห็นไหมครับเนี่ย
ผู้แสดงความคิดเห็น JigSaw..ห่างวัด วันที่ตอบ 2009-01-19 11:51:47 IP : 124.120.84.244


ความคิดเห็นที่ 53 (1889862)

คำอธิบายนั้นทำให้เข้าใจมากขึ้นครับ แสดงว่าครอบครองเป็นเจ้าของ และใช้ซื้อของนี่เกิน 5 มาสกได้ใช่ไม๊ครับ แต่ขโมยไม่ได้ เปิดบัญชีธนาคารมาเงินในบัญชีนี่ก็ได้ใช่ไม๊ครับ

มีโอกาสได้คุยกันแล้ว ก็ขอโอกาสซักถามข้อสงสัยให้ชัดเจนไปเลยน่ะครับ ไม่ได้จะตำหนิติเตียนแต่อย่างเดียวแต่อย่างใดนะครับ ผมเองก็อยากเห็นให้มันมีหลักที่ตกลงกันตายตัวไป เพื่อที่จะอยู่กันได้ตามสมัย ไม่ใช่เหมาโหลถูกหมด หรือผิดหมด หรือปิดกั้นเกินไปซะหมด

อย่างการใช้ซอฟต์แวร์ผิดลิขสิทธิ์ในวัด (สมัยนี้จะอ้างว่าไม่รู้ว่าผิดคงเชื่อยากนะครับ) จะเข้าข่ายขโมยเขาไหมครับ เห็นพอมีคนว่า ท่านก็ว่าไม่เชิงรู้ ทำทีออกจดหมายว่า ที่ผ่านมาไม่รู้ใครมาลงไว้บ้าง เด็กบ้างโยมบ้าง ต่อนี้ไปจะล้างออกเสีย รบกวนญาติโยมช่วยกันบริจาคเพื่อซื้อให้ถูกต้องต่อไป แต่ก็น่าเห็นใจว่า หากต้องซื้อทั้งหมด คงต้องจัดงบราว ๆ 2 แสนบาททุกเครื่องไป (Windows, Office, Photoshop, CorelDraw, Publishing, ตัดต่อวิดีโอ, รวมทั้งโหราศาสตร์ขาดไม่ได้...)

ผู้แสดงความคิดเห็น อธิ วันที่ตอบ 2009-01-19 12:10:59 IP : 58.9.233.178


ความคิดเห็นที่ 54 (1889867)
อีกประการหนึ่ง ผมคิดเอาเองว่า ปลงอาบัติ นี่น่าจะมีเป้าหมายในการให้ทบทวน สำนึกในความผิดพลาดขาดสติต่อข้อวัตรต่าง ๆ ดังนั้นข้อไหนผิดแล้ว ก็จะต้องตรึกตรอง ไม่ควรจะผิดอีกบ่อย ๆ เพราะรู้แล้วเมื่อทำผิด จะอ้างว่าไม่รู้ไม่ได้ แล้วเมื่อผิดอีกบ่อย ๆ ปลงอาบัติเรื่องเดิมกันรายวันนี่มันน่าจะผิดวัตถุประสงค์ เห็นอย่างนี้ไม๊ครับ คล้าย ๆ กฎหมายเปิดช่องให้ ปลงได้แล้วหายกัน ก็ใช้สิทธิ์กันเต็มที่ ไม่ได้ดูเจตนาของกฎเลย (เหมือนกับว่า ถ้าทำเป็นรู้เจตนาของกฎ มันก็จะอดทำผิดกันพอดี ไม่มีช่องให้ไปได้ สมัยพุทธองค์น่าจะไม่มีอย่างนี้นะ เพราะพอเจอพระพักตร์หรือพระผู้ใหญ่แล้วจะปลงอาบัติเรื่องเดิมอีกแล้ว ๆ ก็น่าจะนึกละอายใจขึ้นมา ผู้ใดอยู่อย่างหมู่คณะไม่ได้ก็คงจะนำพาตัวเองแยกออกไป)
ผู้แสดงความคิดเห็น อธิ วันที่ตอบ 2009-01-19 12:18:00 IP : 58.9.233.178


ความคิดเห็นที่ 55 (1889869)

ต่อ คห. 51

ที่ว่า ส่วนที่แย่สุดตอนนี้ก็คือ ผู้วิเศษทั้งหลายต่างหาก  อ้างว่าเห็นเทวดา  เห็นพระพุทธเจ้า  หรือตาทิพย์นั่งเห็นอย่างนั้นอย่างนี้ นี่แหล่ะ ที่อุตริสิ่งไม่มีในตน

ผมเคยได้ยินว่า บางท่านว่าท่านไม่ผิด เพราะท่านมีในตัวจริง ๆ ไม่ได้อวดอุตริในสิ่งที่ไม่มีในตน มีจริงไม่ผิด คนไม่มีแล้วนั่นจึงจะผิด ผมได้ฟังแล้วก็นึกว่า ท่านช่างละเอียดกับภาษาจริง ๆ แล้วทีนี้ถ้าเชื่อการตีความนั้น ใครจะไปตรวจได้ล่ะว่าท่านมีในตนจริง ๆ หรือไม่มี แต่อวด...

ผู้แสดงความคิดเห็น อธิ วันที่ตอบ 2009-01-19 12:25:15 IP : 58.9.233.178


ความคิดเห็นที่ 56 (1889891)

ถ้าแม้นมีจริง  แต่บอกอนุปสัมปัน คือแปลว่า พระผู้ที่ภูมิธรรมอ่อนกว่า  ยังผิดเลย  ปรับเป็นอาบัติ  แต่บอกกับผู้ที่มีภูมิธรรมเท่ากันหรือมีมากกว่า  เพราะต่างฝ่ายต่างรู้กันเอง  อันนี้ไม่ผิด  นับประสาอะไรจะป่าวประกาศกับญาติโยมจะไม่ผิด  เท่าที่รู้มาอ่านมาเห็นแค่วิปัสสนูปกิเลสทั้งนั้น แหมเล่นบรรยายว่ามีพระพุทธเจ้ากับเหล่าพระอรหันต์เสด็จมาอวยพรให้แบบพุทธประเพณี  ( ผมอ่านถึงตรงนี้ของประวัติหลวงตาอะไรสักตนนั้น ผมยังหัวเราะก๊ากเลย  )  สภาวะอรหันต์นั้นผู้ที่เป็นท่านไม่มาบอกหรอกครับ  เพราะว่าไม่มีกิเลสจะมาบอกว่าเป็นอะไร  เพราะเมื่อเป็นเมื่อไหร่ก็ทุกข์เมื่อนั้น  ก็เมื่อท่านไม่ทุกข์แล้ว  ท่านจะมาเป็นทำไม  คนอื่นต่างหากที่ไปวัดสภาวะจิตท่านที่ไม่มีกิเลสได้ในระดับต่างๆว่าเป็น ภาวะนั้นภาวะนี้  ความเป็นพระอริยะระดับต่างๆถึงพระอรหันต์นั้นท่านวัดกันที่ ธรรมสังโยชน์ 10   ที่เห็นๆกัน  3 ข้อแรกก็ไม่ค่อยจะรอดกันแล้ว 

สมบัติของพระมี 8 อย่าง ( อัฐบริขาร )ตามพุทธวินัย เท่านั้นครับ  คือ บาตร สบง  สังฆฏิ  จีวร  รัดประคต  มีดโกน  เข็มด้าย  ที่กรองน้ำ  อย่างอื่นถือว่าเป็นบริวารประกอบ  เช่น ผ้าอาบน้ำ  รองเท้า แค่นี้เอง ถ้าไม่มีบวชไม่ได้

ส่วนเรื่องลิขสิทธิ์ซอฟท์แวร์เนี่ย  ตัวใครตัวมันครับ  อันนี้รู้ๆกันอยู่  เพราะคอมพิวเตอร์ไม่ใช่บริขาร 8 แต่ก่อนองค์ไหนมีมือถือ  เรายังค้อนให้เดี๋ยวนี้ โลกสันนิวาส  พระโยมมีเท่ากันเผลอๆท่านมีรุ่นนำสมัยกว่าเราอีกแน่ะ  ขนาดริงโทนฟังแล้วยังตะลึงเลยก็มี

ส่วนการปลงอาบัตินั้น  ธรรมเนียมท่านว่ามาอย่างนี้  ส่วนสำนึกอะไรนั้น  เขาเรียกว่าสมณะสัญญา  คือมีความเป็นพระในจิตสำนึกแค่ไหนตื้นบางกันอย่างไรซึ่งแล้วแต่บุคคล 

สรุปว่า สงฆ์ในอุดมคติแบบพุทธกาลนั้น  ในปัจจุบันนี้หาได้ยากแล

ผู้แสดงความคิดเห็น ภารต...วินัยมุข 123 วันที่ตอบ 2009-01-19 12:57:21 IP : 118.172.62.218


ความคิดเห็นที่ 57 (1889902)
พวกโหราเนี่ยแทบทุกคน  มฤตยูมันแรงคับคุณ  อันว่าดาว มฤตยูนั้นไม่ชอบอยู่ในกรอบในระเบียบให้อะไรใครมาบงการอะไร  ยิ่งมฤตยู/อาพอลลอน ด้วย ยิ่งแรงไปกันใหญ่  มันจะเห็นอะไรไม่เหมือนคนอื่นเขา  ชาวบ้านเขาก็ป้ายสีพวกเราว่าเป็นพวกขวางโลก  เป็นกบฏทางความคิด  เสื้อแดงเขาก็ไม่นับเป็นพวก เสื้อเหลืองก็สาปส่ง...หาว่ารู้มากเกินไปกระด้างกระเดื่องปกครองยาก
ผู้แสดงความคิดเห็น ภารต...ก็ว่ากันไป๊ วันที่ตอบ 2009-01-19 13:10:51 IP : 118.172.62.218


ความคิดเห็นที่ 58 (1890036)

ครอบครองเงินเกิน 5 มาสก ไม่ใช่อาบัติปาราชิกนะครับ แต่การโกงเงิน (อทินนาทาน) มูลค่าเกิน 5 มาสกต่างหากถึงจะเป็นปาราชิก

การถือเงินนั้นผิดอาบัติเล็กน้อยที่ปลงอาบัติได้ เพียงแต่การทำผิดวินัยเป็นอาจิณก็ไม่ใช่เรื่องที่เหมาะสม

 

ผู้แสดงความคิดเห็น Pallas (pallas-at-horauranian-dot-com)วันที่ตอบ 2009-01-19 16:22:38 IP : 61.90.143.87


ความคิดเห็นที่ 59 (1890088)

ตอน post ในความเห็นที่ 58 ไม่เห็นว่ากระทู้ไปถึงหน้า 2 เลยไม่เห็นว่าอ.ภารตตอบเรื่องนี้ไปแล้ว

เรื่องกฎพระวินัยสงฆ์เนี่ย ถ้าสงสัย ควรไปสอบถามจากพระเถระดีกว่ามังครับ จะได้ความรู้ความเห็นดีๆจากท่าน ซึ่งมักจะเห็นภาพชัดเจนดีกว่าพวกเราที่อยู่เพศฆราวาสครับ

คำถามที่คุณอธิถาม ผมเคยสอบถามพระอาจารย์ที่อบรมผมตอนที่ผมบวช (รวมถึงตอนสึกมาเป็นทิดแล้ว) ท่านให้คำตอบที่ลึกซึ้งกว่าที่ผมค้นคว้าอ่านเองเยอะเลยครับ แต่อธิบายในเว็บบอร์ดแล้วจะไม่ค่อยเหมาะ เพราะเรื่องมันยาว

ลองตั้งคำถามง่ายๆว่า ถ้าพระขับรถยนต์ คนคงวิพากษ์วิจารณ์กันยกใหญ่ว่าไม่เหมาะสม แต่พอพระพายเรือ กลับบอกว่า งดงาม ทั้งๆที่เป็นการบังคับยานพาหนะเหมือนกัน แค่เรื่องนี้ก็ถกเถียงกันเป็นวันๆแล้วครับ :) 

ผู้แสดงความคิดเห็น Pallas (pallas-at-horauranian-dot-com)วันที่ตอบ 2009-01-19 18:21:05 IP : 61.90.143.87


ความคิดเห็นที่ 60 (1890155)

จริงอย่างน้องbeginnerบอกค่ะ ด้วยความรีบ+มึน ลืมบอกสถานที่เลยค่ะ ขอโทษอาจารย์ที่ต้องปวดหัวนะคะ งวดหน้าได้เลขเด็ดจากอาจารย์อีกจะซื้อยาดม ยาลม ยาหม่องไปฝากนะคะ

    ตอนนี้จดข้อมูลลงสมุดมันเลยค่ะ นี่ขนาดมีแค่ท่านอาจารย์กะคุณอธินะเนี่ย

   

ผู้แสดงความคิดเห็น ปรียา...รร.. วันที่ตอบ 2009-01-19 21:57:09 IP : 117.47.65.179


ความคิดเห็นที่ 61 (1890187)

เรื่องพระพายเรือขี่ม้านั้น  ทางวินัยไม่ผิดนะคับ  แต่ขับรถน่าจะอนุโลมว่าผิด  เพราะว่า การควบคุมเครื่องจักร โดยเฉพาะยานพาหนะ กฎหมายระบุว่าต้องมีใบขับขี่  พระภิกษุไม่มีใบขับขี่ เพราะกฎหมายมิได้เปิดให้พระเข้าสอบใบขับขี่ แม้พระจะขับได้ ขับเป็นแต่เอาออกมานอกถนนใหญ่ ผิด พรบ.จราจร  นี่ครับ  อะไรที่ผิดกฏหมายก็ผิดอยู่แล้วแม้พระวินัยจะไม่บัญญญัติก็ตาม

ปัญหาพระวินัยนั้นมีหลายอย่าง  ที่น่าสนใจเช่น  พระฉันโอวัลติน  ไมโล  ผิด  แต่ฉันโกโก้หวานไม่ใส่นมไม่ผิด  หมายถึงหลังเพลล่วงแล้ว  เพราะโอวัลติน  ไมโล  มีแป้งข้าวบาร์เลย์  มอลล์  ลักษณะของแป้ง  ถือเป็นอาหารผิดวินัย  โกโก้ ไม่นับเป็นข้าว เป็นน้ำผลไม้ถือเข้าข่ายน้ำปานะชนิดหนึ่ง  นับเป็นเภสัชได้  นมข้นหวานผิดเพราะมีแป้งปน  แต่นมสดได้  นมถั่วเหลืองได้  สมัยผมบวชผมได้รับอบรมมาอย่างนี้นะครับ  อาจจะผิดก็ได้ 

ผู้แสดงความคิดเห็น ภารต...ถามมาแล้ว วันที่ตอบ 2009-01-20 02:13:19 IP : 118.172.62.114


ความคิดเห็นที่ 62 (1890188)

เรื่องโปรแกรมคอมพิวเตอร์  มีบางท่านบอกว่า พระใช้เพื่อการศึกษา  ไม่เป็นไร  แต่ใช้เชิงพาณิชย์ไม่ได้ รับเงินจากการนี้เมื่อไหร่ เข้าข่ายทันที

ผู้แสดงความคิดเห็น ภารต...เสริมคับ วันที่ตอบ 2009-01-20 02:20:38 IP : 118.172.62.114


ความคิดเห็นที่ 63 (1890207)

คห. 59 ที่ว่า

"เรื่องกฎพระวินัยสงฆ์เนี่ย ถ้าสงสัย ควรไปสอบถามจากพระเถระดีกว่ามังครับ จะได้ความรู้ความเห็นดีๆจากท่าน ซึ่งมักจะเห็นภาพชัดเจนดีกว่าพวกเราที่อยู่เพศฆราวาสครับ"

พอดีเห็นว่า "จาร ภารต ท่านเคยบวชนาน ถึงกับได้เป็นรักษาการเจ้าอาวาสฯ มาแล้วน่ะ และท่านก็เป็นคนเอาจริงในทุกเรื่องทีเดียว คงจะเป็นที่พึ่งให้พอถามได้ ไม่ทราบว่า "จาร บวชอยู่กี่ปีครับ เห็นพระฯ ท่านว่า ใครบวช 10 ปีขึ้นนี่ต้องถือเรียกว่า พระเถระ ได้แล้ว อย่างนี้ถูกไม๊ครับ ภนฺเต

ผู้แสดงความคิดเห็น อธิ วันที่ตอบ 2009-01-20 08:21:45 IP : 58.9.59.2


ความคิดเห็นที่ 64 (1890210)

ขอสรุปชัด ๆ อีกทีนะครับว่า... พระมีเงิน ครอบครองเงิน ใช้เงินซื้อของด้วยตนเองก็ได้ด้วย และไม่จำกัดมูลค่า เป็นหมื่น แสน ล้านก็ได้ (ถือเป็น บริวาร ทั้งหมด ไม่ขึ้นกับมูลค่า)

แต่โกงเงินเขา โกงทรัพย์เขาที่มีมูลค่าเกิน 5 มาสก ไม่ได้ ต้องปราชิก

เรื่องนี้ใกล้พีคแล้ว ต้องขอรบกวนให้ชัดไปเลยในคราวนี้แหละ ส่วนใครจะผิดบ้างนั้น เราไม่ก้าวล่วงในที่นี้ครับ เอาเฉพาะหลักให้ชัดก่อน (อย่างนี้น่าจะคุยกันได้เหมาะสมในเวบ ด้วยไม่ได้ว่าใครโดยตรง หรือเอ่ยนาม เป็นเรื่องหลักการรวม ที่ต้องการรู้เพื่อใช้ประโยชน์ได้ว่า จะวางท่าทีตนเองต่อเรื่องนี้โดยตรง หรือใช้พิจารณาให้เหมาะแก่การณ์อย่างไรต่อไปเมื่อพบเจอกับเรื่องนั้น ๆ ชอบไม่ชอบอย่างไรก็จะเก็บไว้ในใจเป็นส่วนใหญ่ ไม่ว่าใครระบุตัวเฉพาะหน้าล่ะครับ)

ผู้แสดงความคิดเห็น อธิ วันที่ตอบ 2009-01-20 08:30:37 IP : 58.9.59.2


ความคิดเห็นที่ 65 (1890272)
ตอนแรกผมตั้งใจจะบวชให้แม่  ลางานมา 15 วัน อีท่าไหนไม่ทราบ เพลินบวชได้ครบ 1 ปีแน่ะ  ระหว่างบวช3เดือนแรกในพรรษาก็ไปทำนายดวงเจ้าคุณองค์หนึ่งแถวนครศรีธรรมราชว่าท่านจะเลื่อนสมณศักดิ์ในปีนั้น เดือนสิงหาด้วย ซึ่งนอกฤดูโยกย้ายเลื่อนขั้นตามปกติ  ตัวท่านเองท่านก็ว่าไม่มีทางเป็นจริงเพราะไม่ได้วิ่งเต้นแต่อย่างใดเลย  และคงจะตันอยู่ในตำแหน่งนี้  ถึงกับท้ากันในวงฉันเพลว่า  ถ้าท่านได้เลื่อนท่านจะตั้งผมเป็นพระครูใบฎีกาและให้ไปเป็นรักษาการเจ้าอาวาสที่วัดที่ปีนัง มาเลเซีย ซึ่งท่านเป็นผู้ดูแลอยู่ ประมาณว่าทางโน้นไม่มีพระไทยไปจำพรรษา  เพราะผมพอสวดพอคล่องกิจกรรมของพระได้ครบแถมพูดภาษาอังกฤษได้  ...  พอท่านได้รับข่าวว่ามีฎีกามาให้เลื่อนขั้นเป็นกรณีพิเศษในปีนั้น เลื่อนขึ้นเป็นเจ้าคุณชั้นราช  ท่านก็มาเร่งให้ผมไปโดยด่วน  ก็ไปตรวจวัดตรวจอะไรมาเรียบร้อยแล้ว ตกลงเตรียมตัวไป  แต่บังเอิญคนเราวาสนาไม่มีมาทางด้านนี้  มีปัญหาพวกผู้ใหญ่หลายๆคนทางบ้านไม่อนุญาต  อยากให้ผมทำงานเป็นฆราวาสมากกว่า  เรื่องมันก็เลยต้องลาสิกขาออกมาเคว้งคว้างลอยลมอยู่จนถึงทุกวันนี้แหล่ะคับ...เขาเรียกว่าแค่ได้เฉียดสมภาร  มิหนำโชคชะตาเล่นงานนอกจากไม่ได้เป็นเจ้าอาวาสแล้ว  สึกมาดันมีเหตุให้ต้องไปทำงานในบ่อนคาสิโนที่ มาเก๊า อีกตั้งหลายๆปี  เรียกว่า ดวงไม่ให้ไปวัดแต่จะให้ไปเข้าบ่อนระดับโลกแทน
ผู้แสดงความคิดเห็น ภารต...ระลึกชาติอีกแล้ว วันที่ตอบ 2009-01-20 10:13:25 IP : 118.172.32.240


ความคิดเห็นที่ 66 (1890280)
บวชเกิน 5 พรรษาไปเขาเรียกว่า  พ้นนวกะ  คือ อุปัชฌาย์ไม่ต้องห่วงแล้ว  พอบวชพ้น 10 พรรษา เข้าสู่วัยปูม เถระ  คับ  เรียกว่า  พอมีวิชาทางพระเป็นที่พึ่งแห่งตนได้  เลยสัก 40 พรรษาขึ้นไป พระด้วยกัน  ท่านเรียกว่า  รัตตัญญู  แปลว่า ผู้รู้ราตรีนาน  คือผ่านร้อนผ่านหนาวในสมณเพศมายาวนาน  ส่วนมหาเถระ  นั้นโดยปรกติต้องเป็นเจ้าคุณพระราชาคณะทรงสมณศักดิชั้น เทพขึ้นไป 20 พรรษาขึ้นไป  ซึ่งได้รับการแต่งตั้ง  ส่วนกรรมการมหาเถรสมาคม  ยิ่งต้องได้รับการแต่งตั้งจากสำนักพุทธศาสนาโดยผ่านการรับรองคัดเลือกจากที่ประชุมมหาเถรสมาคมก่อน
ผู้แสดงความคิดเห็น ภารต...เท่าที่รู้มาครับ วันที่ตอบ 2009-01-20 10:31:52 IP : 118.172.32.240


ความคิดเห็นที่ 67 (1890302)

สอบถามอาจารย์ภารตย่อมได้คำตอบดีๆอยู่แล้วครับ ผมเพียงแต่เสนอว่า ถ้าได้ไปสอบถามพระเถระก็ย่อมได้คำตอบที่ดีเพิ่มเติมไปอีก เพราะตอบในเว็บบอร์ดมันได้เนื้อหาไม่ครบ เหมือนกับการตอบปัญหาหลักวิชาโหราศาสตร์นั่นล่ะครับ ตอบในเว็บบอร์ดก็ถ่ายทอดความคิดเห็นในบางส่วน แต่ไปถามตอบกันตัวต่อตัวก็จะได้อะไรมากกว่าเยอะ

ส่วนเรื่องวินัยสงฆ์นั้น เป็นเรื่องละเอียดอ่อน คล้ายกับกฎหมายบ้านเมือง มีรายละเอียดประเด็นต้องตีความเยอะ แต่ถ้าอธิบายเป็นหลักการ ก็อย่างที่คุณอธิสรุปนั้นต้องแก้ไขว่า การครอบครองเงินไว้ที่ตนนั้นผิดวินัยสงฆ์ แต่ไม่ถึงขั้นปาราชิกครับ

ผมลองยกรายละเอียดข้อความวินัยข้อนี้ในหนังสือ วินัยมุข เล่ม ๑ หลักสูตรนักธรรมชั้นตรี มาบางส่วน จะได้เห็นว่ามีรายละเอียดมาก

"..สิกขาบทที่ ๒ ว่า อนึ่ง ภิกษุใด ถือเอาทรัพย์อันเจ้าของไม่ได้ให้เป็นส่วนแห่งโจรกรรม จากบ้านก็ดี จากป่าก็ดี พระราชาจับโจรได้แล้วฆ่าเสียบ้าง จำขังไว้บ้าง เนรเทศเสียบ้าง ด้วยปรับโทษว่า เจ้าเป็นโจร เจ้าเป็นคนพาล เจ้าเป็นคนหลง เจ้าเป็นขโมยดังนี้ เพราะถือเอาทรัพย์อันเจ้าของไม่ได้ให้เห็นปานใด ภิกษุถือเอาทรัพย์อันเจ้าของไม่ได้ให้เห็นปานนั้น แม้ภิกษุนี้ ก็เป็นปาราชิก หาสังวาสมิได้.."

จากนั้นก็อธิบายคำว่า ทรัพย์ ว่ามีกี่ประเภท อะไรบ้าง, การถือเอาทรัพย์ มีอาการอย่างไรบ้าง เช่น ลัก ชิงวิ่งราว ลักต้อน แย่ง ลักสับ ตู่ ฉ้อ ยักยอก ตระบัด หลอกหลวง กดขี่ กรรโชก ลักซ่อน เป็นต้น, สั่งคนอื่นให้ทำอทินนาทาน ผิดหรือไม่, อาบัติสำเร็จเมื่อไร, จำนวนแห่งทรัพย์เท่าไรเป็นปาราชิก เท่าไรเป็นถุลลัจจัย เท่าไรเป็นทุกกฎ ลักคราวเดียวกันแต่วัตถุคนละอย่าง ต้องรวมกันหรือไม่, หากไม่มีไถยจิตไม่ผิด เช่น สำคัญว่าของตน สำคัญว่าของทิ้ง ถือเอาด้วยวิสาสะ ถือเอาเป็นของยืม

มาดูอีกข้อนึงในนิสสัคคิยปาจิตตีย์ สิกขาบทที่ ๘
"สิกขาบทที่ ๘ ว่า อนึ่ง ภิกษุใด รับก็ดี ให้รับก็ดี ซึ่งทองเงิน หรือยินดีทองเงินอันเขาเก็บไว้ให้ก็ดี เป็นนิสสัคคิยปาจิตตีย์"
คำว่า ทองเงิน ท่านหมายรวมถึง ของที่ไม่ใช่ทองเงิน แต่ใช้เป็นรูปิยะ(ของสำหรับจ่าย)ได้ด้วย ซึ่งมีรายละเอียดการสละทองเงินที่ได้มาให้สงฆ์ อุบาสก หรือทิ้ง อีก ดังนั้น การเก็บทองเงินไว้เองก็น่าจะผิดข้อนี้ รวมถึงการให้คนอื่นเก็บแต่ภิกษุยินดีในตัวเงินนั้นก็ผิดข้อนี้่เช่นเดียวกัน อย่างไรก็ตาม มีรายละเอียดบางส่วนเกี่ยวกับการให้รับว่าผิดหรือไม่นั้นว่า ภายหลังมีพระพุทธานุญาตในที่อื่นให้ผ่อนลงมา ทำนองว่า หากคฤหัสถ์ให้รูปิยะไว้ในมือกัปปิยการกได้ แต่ห้ามมิให้ยินดีตัวรูปิยะนั้น
"สิกขาบทที่ ๙ ว่า อนึ่ง ภิกษุใด ถึงความแลกเปลี่ยนด้วยรูปิยะมีประการต่างๆ เป็นนิสสัคคิยปาจิตตีย์"
"สิกขาบทที่ ๑๐ ว่า อนึ่ง ภิกษุใด ถึงการซื้อและขายมีประการต่างๆเป็นนิสสัคคิยปาจิตตีย์"
แปลว่าห้ามซื้อขายกับคฤหัสถ์ แต่ไม่ห้ามระหว่างสหธรรมิก อีกทั้ง หากภิกษุถามราคา แล้วแจ้งความต้องการแก่กัปปิยการก (ผู้ดูแลเรื่องปัจจัยสี่ให้พระภิกษุ) ก็ไม่เป็นอาบัติ

ผมเข้าใจว่า ยังมีรายละเอียดอยู่ในสิกขาบทข้ออื่นๆอีก ทำให้การตีความแต่ละกรณีไม่ใช่เรื่องง่าย ผมเองไม่นิยมพูดว่ากรณีนี้พระท่านทำผิดหรือถูก เพราะเราอาจจะรู้ไม่ครบ ไปด่วนตัดสินท่านเอาได้ อย่างมากทำได้เพียงสงสัยว่าจะผิดเท่านั้นเอง

การจัดการเรื่องเงินทองนี้ วิธีการที่ทางธรรมยุติวางเอาไว้ก็จะทำให้ตัดปัญหาพวกนี้ไปได้เหมือนที่อาจารย์ภารตเคยอธิบายเอาไว้ครับ

เรื่องขับรถนั้น ถ้าพระท่านมีใบขับขี่ตลอดชีพตั้งแต่การมาบวช ก็น่าจะได้หรือเปล่าครับ หรือมีกฎหมายบอกว่า สถานภาพใบขับขี่จะสิ้นสุดหากเป็นพระ (ซึ่งผมคิดว่าไม่น่าจะใช่) และหากถูกกฎจริง ชาวบ้านร้านช่องจะยอมรับกันหรือเปล่าครับ เรื่องพวกนี้คุยกันยาวครับ ผมไม่ได้จริงจังที่จะหาข้อยุติหรอกครับ เพียงแค่เป็นตัวอย่างเรื่องที่ถกเถียงกันได้ยาวๆเท่านั้นเอง :)

 

ผู้แสดงความคิดเห็น Pallas (pallas-at-horauranian-dot-com)วันที่ตอบ 2009-01-20 10:51:49 IP : 125.25.139.182


ความคิดเห็นที่ 68 (1890304)

5-10 พรรษา จะเรียกว่า มัชฌิมะ ครับ

อาจารย์ภารตครับ บวชยังไม่ทันพ้นนวกะเลย เกือบได้เป็นพระครูใบฎีกาเลยหรือครับ :) ไม่ธรรมดาจริงๆ

ผู้แสดงความคิดเห็น Pallas (pallas-at-horauranian-dot-com)วันที่ตอบ 2009-01-20 10:56:27 IP : 125.25.139.182


ความคิดเห็นที่ 69 (1890317)
ขอบพระคุณคับที่มาช่วยตอบเสริมให้  ตอนนั้นผมก็ถามท่านเจ้าคุณท่านเหมือนกันว่า  เป็นได้เหรอท่านก็บอกว่า  เป็นพระครูฐานานุกรมใบฎีกาได้  อยู่ที่พระผู้แต่งตั้งไว้วางใจ ไม่มีระเบียบห้าม ตอนนั้น และบังเอิญท่านทราบว่าผมเพิ่งท่องปาฏิโมกข์ได้ใหม่ๆกำลังฟิต  พวกเจ็ดตำนาณนั้นท่องได้มาตั้งแต่เด็กๆแล้ว  เพราะอยู่กับวัดมาแต่อ้อนแต่ออก  โตมากับกับวัด  พอสอบนักธรรมตรีกับ ปธ. 1-2 ได้  ประกาศผลแล้วผ่าน...นัดกันว่าจะไปอยู่ปีนังทำหนังสือเดินทางของพระภิกษุแล้วด้วยซ้ำ
ผู้แสดงความคิดเห็น ภารต...ไม่ได้ดีดันมาสึกไปอยู่บ่อนซะนี่ วันที่ตอบ 2009-01-20 11:12:10 IP : 118.172.32.240


ความคิดเห็นที่ 70 (1890421)
ขอบคุณครับ คุณ Pallas ได้ความรู้ดีมากจริง ๆ ครับ "จาร ภารต ถ้าไม่พลัดไปบ่อนเสีย คงได้เป็นพระใหญ่แต่ยังหนุ่ม เสียดายครับ โอกาสอย่างนี้ไม่ได้มีง่าย ๆ เลย เป็นพระครูใบฎีกา ก็คนสนิทแหละ เป็นที่ไว้ใจ ผมเคยเห็นใบแต่งตั้งในตู้โชว์ตามวัดว่า พระราช พระเทพ ฯลฯ ให้สามารถต้ังพระครูใบฎีกา ได้เท่านั้นรูปเท่านี้รูป แต่ก็คิดว่ายังไงก็น่าจะต้องแก่พรรษาหน่อยแหละ นี่โอกาสที่น่ายินดีที่พระหนุ่มน้อยจะได้ตำแหน่งนั้นจริง ๆ ตำแหน่งเข้าใจว่าเป็นแล้วติดตัวยาวเลย แม้ว่าพระท่านที่ตั้งให้จะไม่ได้อยู่ร่วมกันหรือใช้สอยแล้ว ใช่ไม๊ครับ
ผู้แสดงความคิดเห็น อธิ วันที่ตอบ 2009-01-20 13:11:34 IP : 119.31.99.241


ความคิดเห็นที่ 71 (1890440)

พระราชาคณะชั้นเจ้าคุณ  สามารถตั้งผู้ช่วยได้หลายตำแหน่ง และไม่จำเป็นต้องอยู่ร่วมวัดกันก็ได้  ข้ามจังหวัดกันก็มี  ฐานานุกรมที่ว่า  ได้แก่  พระครูปลัด  พระครูสมุห์  พระครูวินัยธร  พระครูใบฎีกา  อันนี้เรียกว่า พระครูฐานานุกรม  ส่วนพระครูเองยังมีพระครูสัญญาบัตรอีก เช่นเจ้าคณะตำบล หรือ เจ้าคณะอำเภอ หรือ พระครูสายวิปัสสนาธุระ อีก ครับ  ถือพัดขาว  เป็นพระครูตราตั้งใหญ่กว่าพระครูฐานานุกรมเยอะนัก  แต่ต้องมีพรรษาอย่างน้อย  15 ปีขึ้นไป

สมัยนี้ผมคงเป็นแนวเดียวกับหลวงพี่น้ำฝน ลูกศิษย์หลวงพ่อพูล วัดไผ่ล้อมนั่นแหล่ะครับ  ไม่ได้ใหญ่โตอะไรเล๊ย  ได้เป็นเพราะเจ้าคุณท่านแพ้พนันเรื่องดูดวงกับผมไม่ใช่เพราะผมเป็นผู้มีความรู้ทางพระทางเจ้าอะไรกับเค้าหรอกคับ

ผู้แสดงความคิดเห็น ภารต...เล่าต่อ วันที่ตอบ 2009-01-20 13:33:32 IP : 118.172.37.50


ความคิดเห็นที่ 72 (2107121)

french lace wigs wiglets human hair wigs and wigs changing their appearance for a curly wigs synthetic wig.

ผู้แสดงความคิดเห็น carol (portu-at-google-dot-com)วันที่ตอบ 2010-09-11 07:18:55 IP : 125.126.157.28



<< ก่อนหน้า 1 [2]


แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น *
ผู้แสดงความคิดเห็น  *
อีเมล 
ไม่ต้องการให้แสดงอีเมล



Copyright © 2010 All Rights Reserved.