ว่าตามตรงแล้ว  การเห็นดวงตาธรรม กับการไปเข้าคอร์สกรรมฐาน  ไม่เห็นจะเกี่ยวกันเลย  อันนี้เป็นความคิดของผมคนเดียวคับ  สิ่งที่เค้าเรียกกันว่า  เข้าคอร์สวิปัสสนา  แตกต่างจากพุทธกาลมากเหลือเกิน  เท่าที่มีประสบการณ์ผ่านการค้นคว้ามาบ้าง  การเห็นดวงตาธรรม มักจะเกิดจาก  การอ่าน  การกระทบข้อธรรมบางเรื่องบางประเด็นที่โดนใจ   ไม่ใช่เกิดจากการอบรมยุบหนอพองหนอหรือยกย่างเหยียบ   ฯลฯ  แต่เป็นการคิดขบปัญหาตก  เพราะตามพุทธประวัติ  พระพุทธองค์ท่านปฏิบัติทางจิตทางฌาณสมาธิถึงที่สุดแล้วคือ อรูปฌาณชั้นเนวสัญญาณาสัญญายตนะ  ยังต้องหยุดเพราะทรงเห็นว่ายังอาพาธได้  หมายควมว่ายังไม่เห็นดวงตาธรรม จึงทรงเปลี่ยนไปทาง ทรมานตนเป็น  อัตตกิลมถานุโยค  ซึ่งพระองค์ก็ไปถึงอุกฤษที่สุดของมนุษย์เท่าที่จะทนได้  คือ ถ้าก้าวล่วงไปอีกแม้แต่น้อยก็จะเสียชีวิตกันทีเดียว  ก็ยังไม่บรรลุธรรม  จึงทรงเลิก แล้วบำรุงกำลังพระองค์  มาขบคิดปัญหาว่า  ทุกข์เกิดจากไหน โดยไปหาต้นตอที่แท้จริงของแหล่งที่มา  แล้วจึงค้นพบเหตุแห่งทุกข์  และหนทางแห่งการดับทุกข์เป็นเบ็ดเสร็จเด็ดขาด  ซึ่งเรียกว่า  ตรัสรู้ บรรลุธรรม แล้วนำมาเผยแพร่ให้ปัจจวัคคีย์ทั้ง 5  โดยท่านโกญฑัญญะท่านเข้าใจตามสิ่งที่พระพุทธองค์อธิบายเป็นคนแรก  จึงเรียกว่า  ท่านโกณฑัญญะ ได้ดวงตาเห็นธรรม

   ในโลกปัจจุบันการบรรลุธรรมเข้าถึงธรรมต้องสั่งสม เพิ่มประสบการณ์ในการมองโลก  โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การละอุปาทานในเรื่องขันธ์ 5 ซึ่งมักจะเกิดจากการอ่านการฟัง  การขบคิด   จนเข้าใจอย่างถ่องแท้ ซึ่งคนละเรื่องกับการเข้าคอร์สวิปัสสนาอย่างปัจจุบัน....ผมเชื่อของผมอย่างนี้  ใครไม่เชื่อก็อย่ามาค้านเลย  เพราะตามประวัติศาสตร์ทางพุทธศาสนา วิปัสสนาไม่มีในสมัยพุทธกาล  มีแต่ประพฤติพรหมจรรย์ และ ธรรมวินัย  ส่วนใครจะเชื่ออย่างไรก็แล้วแต่ครับ

ก็ไปดู เมอริเดียนเกิดสิคับ  ว่า มีอะไรที่เกี่ยวกับเนปจูนบ้าง  เกี่ยวกับ อาพอลลอนบ้าง  เพราะ อาพอลลอนตัวนี้จะไปขยายเนปจูนให้เป็น วิปัสสนา

ก็อาพอลลอน+เนปจูน น่ะ ตำราท่านว่า แปลว่า วิปัสสนา   อันได้แก่สูตร  เมษ+อาพอลลอน-เนปจูน , อาทิตย์+อาพอลลอน-เนปจูน และ ราหู+อาพอลลอน-เนปจูน