มันเป็นปัญหาคนละเรื่องกันคับ   ทั้งๆที่เป็นโหราศาสตร์ฝรั่งเหมือนๆกัน

อาทิตย์เป็นเรือนที่ 1 นั้น  ยังแยกออกไปเป็น  2 แบบ  ได้แก่
   1. แบบเรือนเท่า  คือแบ่งออกไป เรือนชะตาละ 30 องศา  โดยนับเริ่มจาก  อาทิตย์เป็น 0 องศา  ในทางปฎิบัติ เอาจุดเมษของจาน 360  องศา จี้ที่อาทิตย์  นับอาทิตย์เป็นเรือนที่ 1...
    2. แบบเรือนไม่เท่า  โดย ดูจากเรือนชะตาแบบ Placidus  ซึ่งเป็นเรือนชะตาแบบไม่เท่า   ซึ่งเป็นที่นิยมใช้กันมาก ในโหราศาสตร์สากลยุคศิลป์ หรือ Classical  Astrology
        แต่ให้ชำเลืองมาไปที่  อาทิตย์ในดวงนั้น   แล้วให้ถือเสมือนว่า  เรือนชะตาที่อาทิตย์อยู่นั้น เป็นเรือนที่ 1

ส่วนเรือนชะตาอาทิตย์นั้น  เป็นเทคนิควิธีแนวยูเรเนียน หรือที่เรียกกันว่า ระบบเรือนชะตาสนธิ นั้น  สร้างขึ้นมาโดยการ  พล๊อตตำแหน่งดาวตามปรกติ  เริ่มจากราศีเมษ เป็น 0 องศา ในเรือนชะตาแบบเท่า  เมื่อได้ลงดาวครบแล้วได้เท่าใด  จึงเอาจานคำนวณแบบ  360  องศามาเทียบ โดยหมุนจุดมังกร ของจานคำนวณนั้น  ให้ไปจี้ ตรงตำแหน่ง อาทิตย์ในดวงชะตานั้น  แล้วดูว่า  ดาวอื่นๆ  อยู่ในเรือนชะตาไหนเมื่อเทียบกับเรือนชะตาที่อาทิตย์อยู่

       ทั้ง 3 แบบ นี้ให้ผลการทำนายที่แตกต่างกัน  ทั้งทางพยากรณ์พื้นดวงชะตา  และการพยากรณ์จร  แม้จะเป็นเรื่องอาทิตย์ ในตำแหน่ง ราศี เดียวกันก็เถอะ

แบบเรือนเท่าที่ 1 นั้น  เป็นเรื่องเหตุการณ์สำคัญของวันนั้นโดยเทียบกับโลก  และ กายของเจ้าชะตาที่ปรากฏขึ้นในโลก  ในมุมมองคนอื่นมองเข้ามา  ( ชาวบ้านเขาเห็นว่า เรามีลักษณะอย่างไร  สูง  ต่ำ  ดำ  ขาว  หล่อ  สวย  ขี้เหล่  ขี้โรค ฯลฯ )

ส่วนเรือนไม่เท่าจากการผูกดวงแบบพลาสิดุส  นั้น  เป็นเรื่องของ ความสัมพันธ์ทางกายภาพ ของเจ้าชะตา  กับเหตุการณ์ต่างๆ รอบตัว  ทั้งรูปธรรมและนามธรรม ( สิ่งที่มีผลกระทบต่อกายนั้น  ตามเรื่องของเรือนชะตา  ตามลีลาของมุมสัมพันธ์ทางดาวต่อดาว และดาวต่อจุดเจ้าชะตา เช่น  จากจร  ขัดแย้ง  กลมกลืน )

ส่วนเรือนชะตาสนธิ แนวยูเรเนียน ในเรือนชะตาอาทิตย์นั้น  เป็นเรื่องกายสังขารของเจ้าชะตา  ที่เจ้าชะตารู้สึก เช่นการเจ็บป่วย  อึดอัด   แคล่วคล่อง  สุขภาพดี  กำลังวังชา  พยาธิสภาพที่กัดกล่อนทำความรังควาญทางอวัยวะและสรีระ   โดยผู้อื่นอาจจะไม่ทราบก็ได้ เพราะบางกรณีไม่แสดงออกให้เห็น เช่น กำลังยิ้มระรื่น  พูดจาจ้อยๆแต่ขณะที่พูดนั้นๆเจ้าชะตากำลังปวดริดสีดวงตุ๊บๆอยู่ก็ได้  ชาวบ้านเห็นแต่เจ้าชะตากำลังยิ้ม....ซึ่งคนละเรื่องกันไงคับ  แต่เป็นกายทั้งคู่ อันมีผลมาจากอาทิตย์ทั้งสิ้น

ซุดหยอดเล้ย.....จานภารต

ขอบคุณค่ะ สำหรับความรู้นี้ แต่จะขอมากไปหรือเปล่าค่ะ  หากขอให้ยกตัวอย่างชัดๆ สักนิด (นิดเดียวก็พอ) อยากเห็นภาพจะได้เข้าใจแจ่มขึ้น  เอาเฉพาะพื้นชะตากำเนิดก็ได้ค่ะ

ลองผูกดวงคุณแล้วลองทำดูเถอะคับ  จะเข้าใจได้ง่ายกว่า  10 ปากว่าไม่เท่าตาเห็น

เรื่องอาทิตย์ในปรากฏการณ์ต่างๆเนี่ย  ทางทฤษฎีไม่ได้มีแค่นี้  มีอีกหลายอย่าง
เช่น ในส่วนที่เกี่ยวกับ

1  ทฤษฎีพระเคราะห์สนธิ  เช่น  เมษ/อาทิตย์   , อาทิตย์ สะท้อน
2. อาทิตย์ที่เข้าจับรูปกับ  จุดอิทธิพลอื่น  และ อาทิตย์จับ จุดเจ้าชะตา
3. อาทิตย์ ในดวง Secondary Progress   ใน Tertiary ใน Minor
4. อาทิตย์ใน Solar Return
5. อาทิตย์ใน Solar Arc พวก V1,V2, ครึ่งโค้งและ สองเท่า
6. อาทิตย์เข้าสูตรทั้ง 3 และพิศดารทั้ง 8
7. อาทิตย์ใน Sun Sign
8.อาทิตย์ใน Harmonics แกนมังกร ( Antiscia )และแกนเมษ (Contrascia )
9. อาทิตย์ยกราศี (Ingress )
10.อาทิตย์เสวยเรือนต่างๆ
11. อาทิตย์ในมุมสัมพันธ์ ( Aspect )
12. อาทิตย์ในมุมมองสัมพัทธ์ ( Relativity )
13.อาทิตย์ใน Heliocentrics
14. อาทิตย์จร Transit
15. อาทิตย์ในHorary
16.อาทิตย์ในสมผุสองศา
17.อาทิตย์ในนวางค์,ตรียางค์,ทวาทศางศะ,ตฤมศางศะ
18.อาทิตย์ในองศา เซเบียน
19.อาทิตย์ในมุมมองของ กาละ และปฎิทิน
20.อาทิตย์ในมุมสัมพันธ์ของกาละ และเทศะ ในรูปของ ลัคนาและเมอริเดียน ในมิติต่างๆ
21.อาทิตย์ในอุปราคา สัมพันธ์ จันทร์  ราหู  เกตุ


Etc...

เทคนิควิธีการต่างๆนี้มีเฉพาะทาง  ถ้าใช้เป็นจะมีอุปกรณ์อาวุธในการพยากรณ์มากมาย