|
จุดกึ่งกลาง ของศุนย์รังสี 2 อัน เขามีใช้กันไหมครับ | |
จุดกึ่งกลาง ของศุนย์รังสี 2 อัน เขามีใช้กันไหมครับ เช่น a = ศูนย์รังสีของ พุธ/ศุกร์ และ b = ศูนย์รังสีของ พฤหัส/เสาร์ มีใครเขาคิดใช้ ความหมายศูนย์รังสีของ a/b บ้างไหมครับ | |
ผู้ตั้งกระทู้ alive ... สงสัย ถามผู้รู้ :: วันที่ลงประกาศ 2009-09-21 18:35:37 IP : 58.8.156.152 |
[1] |
ความคิดเห็นที่ 1 (1986445) | |
มีคับ เป็นเรื่อง a+b+c+d และอื่นๆ ท่านปรมาจารย์จรัญ พิกุล เอามาเล่นนานแล้ว ถึงขนาดจะออกเป็น คัมภีร์สูตรดาว 4 ตัวอีกต่างหากเชียว | |
ผู้แสดงความคิดเห็น ภารต...ไม่ใช่ของใหม่ วันที่ตอบ 2009-09-21 19:08:25 IP : 118.172.27.83 |
ความคิดเห็นที่ 2 (1986560) | |
ในเอกสารของท่าน พลตรีประยูร พลอารีย์ ท่านใช้ในดวงตัวอย่าง เช่นกันครับ เพื่อขยายความหมายลงรายละเอียดไปจากโครงสร้างเดิมที่อ่านไว้ ขอแสดงความเห็นเพิ่มเติมดังนี้ สมมุติให้ c = ศูนย์รังสีของ a/b ถ้าจะใช้ คิดว่าควรใช้ระยะวังกะ(orb หรือ ความคลาดเคลื่อน) น้อยมากๆ คือไม่ควรเกิน 15 ลิปดา จากเท่าที่ได้ทดลองดูแม้กำหนดเงื่อนไขดังกล่าวแล้ว ยังพบข้อมูลสมการจำนวนมาก(ส่วนใหญ่เกิน 100) ทำให้ยากในการเลือกหยิบสมการใดๆ มาใช้ แต่บางครั้งข้อมูลกลับบ่งชี้ออกไปในทางเดียวกันจนพอจะคาดเดาความหมายได้เลยก็มี คือมองปุ๊บมันเหมือนกระตุ้นให้ Sixsense ทำงาน สมองสั่งการแปลความหมายให้เสร็จสรรพ จึงน่าที่จะใช้รูปแบบสมการแบบนี้ เพื่อขยายความหมายจากการตรวจสอบ ปัจจัยเดี่ยวและศูนย์รังสีมาแล้ว และบางครั้งจะพบว่าบางสมการแทบจะไม่เห็นมีผลอะไรเลยก็มี เข้าทำนองว่า สมการ(ดาว)ทำมุม แต่สมการ(ดาว)ไม่ทำงาน จึงต้องมีการคัดกรองสมการ เพราะสิ่งที่เห็นอาจไม่แสดงผลตอนนี้ แต่จะแสดงผลตามอายุขัย การคัดกรองอาจใช้แนวทางที่ว่าด้วย แกนถึงแขน แขนถึงแกน แขนถึงแขน มาช่วย อีกอันที่น่าสนใจจริงๆ คือ ถ้า a = c แล้วก็ิ b = c ด้วย เช่น a = c มุม 90 และ b = c มุม 270(-90) เราจะพบว่า c=a/b เป็นดาวเข้ารูป T-sqr ย่ิอมหมายถึงว่า สมการ a และ b จะแสดงผลพร้อมๆกัน (โดยเฉพาะถ้ามีวังกะใกล้เคียงกัน) หรือถ้า a=c มุม 120 และ b=c มุม 240(-120) จะได้เป็น c=a/b ดาวเข้ารูป GrandTrine ขออนุญาตเรียกชุดของสมการแบบนี้ว่า Integradted Midpoints Tree ถ้าจะว่าการตามหลักการก็ยังมีว่า a=จุดอิทธิพล A+B-C และ b=จุดอิทธิพล D+E-F เราก็จะได้ c=a/b ด้วย ยิ่งมากขึ้นไปอีก(Integradted Sensitive Points Tree) แล้วจะใช้ยังไงดีเนี่ย เริ่มน่าสนใจไหมล่ะ ถ้าอยากเห็นคงต้องมาเข้า workshop โปรแกรม Uranus (โฆษณาแฝง อิอิ) | |
ผู้แสดงความคิดเห็น มาแว๊ว...ก็กำลังลองใช้อยู่ อย่างเป็นล่ำเป็นสัน วันที่ตอบ 2009-09-22 07:35:36 IP : 202.176.101.19 |
ความคิดเห็นที่ 3 (1986983) | |
วิธีของจานคำนวณสองชั้นแนวท่าน ปรมาจารย์จรัญ พิกุล น่ะ เขาใช้ เขาทำ เขาทำนายกันได้ปร๋อ เป็นเรื่องสามัญประจำบ้านกันนะคับ | |
ผู้แสดงความคิดเห็น ภารต...เรื่องชิวๆ วันที่ตอบ 2009-09-23 10:58:10 IP : 118.172.99.232 |
ความคิดเห็นที่ 4 (1987433) | |
เช่น a = ศูนย์รังสีของ พุธ/ศุกร์ และ b = ศูนย์รังสีของ พฤหัส/เสาร์ มีใครเขาคิดใช้ ความหมายศูนย์รังสีของ a/b บ้างไหมครับ | |
ผู้แสดงความคิดเห็น มองดาว ดูสมาการ 4 ทางเดินของดาวเคราะห์ วันที่ตอบ 2009-09-24 12:21:04 IP : 118.172.29.156 |
ความคิดเห็นที่ 5 (1987694) | |
ขออนุญาตแสดงความเห็นเพิ่มเติมนะครับ กรณีตาม คห.ที่ 4 จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อ A/B//C/D = AR หรือ 0 หรือ จำนวนพหุคูณของ 22:30 องศา(Harmonic ที่ 16) หรือ เท่ากับเมษ ใน Harmonic ใดๆเท่านั้น มิฉะนั้นเราจะไม่ได้ผลลัพท์เป็น A+B+C = -D และ ระยะวังกะของ A/B//C/D ไม่ควรเกิน 15 ลิปดา เพราะเมื่อผันสมการเป็น A+B+C = -D วังกะจะเพิ่ม 4 เท่าเป็น 1 องศา และเช่นกัน มุมสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นจากการผันสมการ จะเป็น 4 เท่า ของมุมเดิม(มุมใหญ่ขึ้น 4 เท่า) ตัวอย่าง A/B//C/D = AR มุม 45 orb 12" แต่หาก A/B//C/D เท่ากับ E ซึ่งไม่เท่ากับ 0 เมื่อเอา E คูณ 2 คูณ 2 ผลของสมการจะเป็น A+B+C = 4E - D หรือ A+B+C = E+E+E+E-D นั่นก็คือ A+B+C จะเท่ากับ -D ได้ก็ต่อเมื่อ ดวงจรอายุขัย(โค้งสุริยาตร์)มีค่าเท่ากับ 4 เท่าของค่าองศาของ E ซึ่งก็คงยากที่จะนำมาใช้ในทางปฏิบัติกระมัง | |
ผู้แสดงความคิดเห็น มาแว๊ว...โหราคณิตศาสตร์ วันที่ตอบ 2009-09-24 21:42:24 IP : 202.176.100.148 |
ความคิดเห็นที่ 6 (1987715) | |
ลึกซึ้งจริงๆ คิดว่าในคัมภีร์สูตรพระเคราะห์สนธิ ไม่ได้แนะนำสูตรนี้ไว้นะครับ ... ต้อง save ความเห็นท่านผู้รู้ ไว้ศึกษาก่อน | |
ผู้แสดงความคิดเห็น alive วันที่ตอบ 2009-09-24 22:51:46 IP : 58.8.155.99 |
[1] |
Copyright © 2010 All Rights Reserved. |
Visitors : 360169 |