เอาผมเป็นเหยื่อก็ได้อ่ะ

ถามว่า จงแสดงข้อมูลโหราศาสตร์ที่ยืนยันได้ว่า ผมอยู่ในพิกัดฯ ตามข้างล่างนี้

ที่พักอาศัย (สีแดง)

13:38:59.04 N
100:25:07.28 E

ที่ทำงาน (สีเขียว)

13:39:05.76 N
100:25:05.88 E

แผนที่จาก Google Earth

ก็ลองดู เผื่อได้ มั่วไปเรื่อย เหนื่อยก็เลิก....

ความเห็นที่ 47 (1909661)

แต่ของคุณคงอยู่แถว 13.36.09 N 100.23.24 E

ผู้แสดงความคิดเห็นภารต...มั่วเดาอีกแระ วันที่ลงประกาศ 2009-03-04 14:22:32 IP : 118.172.38.55

แล้วพิกัดที่ว่า  นี้น่ะ  แม้จะกรุงเทพ  แต่ใกล้เคียง คห. 51 มั๊ยคับ....ก็ไม่มีโปรแกรมที่หาพิลิบดาได้นี่นา....ลองคุณตัวโตเท่าเครื่องบินสิ  bird eye view บินสำรวจหาน่าจะเจอ

http://payakorn.com/webboard_ans.php?q_id=25928

อ้างอิงมาจากเว็บ อ. หนุ่ม  คับ  ใต้ font สีแดง นั้นผมเขียนเอง

มาทดลองกันต่อนะครับ

พี่ "มาแว๊ว" ช่วยย้ายตำแหน่งที่อยู่ปัจจุบันของผมไปอยู่แถวจุฬาฯ (จตุรัสจามจุรี) ดูสิครับ (เพราะระยะขจัดพอ ๆ กันกับบริเวณที่ทดลองหาที่เกิดเหตุกันอยู่ที่เขาใหญ่ คือประมาณ 15 กม.) แล้วลองใช้ข้อมูลชุดเดิมนั้นอธิบายว่า ผมควรจะอยู่ที่ไหนมากกว่ากัน

ปล. เมื่อวานนี้ อินเตอร์เน็ตที่บ้านเสียครับ (ไม่ได้จ่ายเงิน 2 เดือน) สมมติว่าผมอยู่ที่ MK Restaurants ใน "จตุรัส จามจุรี" ตรงข้ามวัดหัวลำโพง

lat.13N43  long.100.31E

UR/AP กำเนิด = 6 ตล 26 เล็ง AS สะท้อน ณ  เวลาโพสถาม( 6 เมษ 45 ) คห.61 = 07.04.16 น.

และ UR/AP จรท้องฟ้า ณ เวลาดังกล่าว  เข้าถึง ลัคนากำเนิด มุมฉาก 10 เมษ 17  ที่เวลาเกิด 4.54 น. กทม.

อิอิ...แจมเก็บค่าต๋งวิก

บางขุนเทียนนี่กว้างเหมือนกันนะครับ ครอบคลุมบางบอน แสมดำ จดดาวคะนอง 

เอาเป็นว่าจาก โลตัส พระราม 2 อยู่หัวมุม ถ.พระราม 2 แตะกับวงแหวนตะวันตก ไปเดอะมอลล์บางแค หัวมุมถนนเพชรเกษม แตะกับวงแหวนตะวันตก (แยกชนแยก) ผมว่าราว ๆ 10 ก.ม. (ดูไมล์รถ แต่ใน Google Earth น่าจะไม่เท่ากัน)

ผมว่าจะไปเรียนแพทย์แผนโบราณ ที่เชียงใหม่สัก 9 วัน เขาเริ่มวันเสาร์นี้ เรื่องการจัดกระดูก หมู่นี้คนเฒ่าคนแก่รอบกายเริ่มจะต้องพึ่งไม้พึ่งหมอกันมากเข้า ๆ แล้ว กำลังคิดอยู่ ๆ (ดวงผมมันเสาร์แรง ต้องใช้พลังงานไปทางนี้)

เอ อย่างนี้จะหาพิกัดได้ไหมว่าผมไปอยู่ตรงไหนแถวเชียงใหม่...

ไม่ได้แกล้งนะครับพี่ แต่เมื่อวานนี้ผมอยู่ที่ พระราม  2 ครับ เรื่องอยู่จุฬาฯ นั้นผมสมมติเอา ผมใช้เน็ตที่สำนักงานครับ

สมมติว่าผมอยู่ที่ MK Restaurants ใน "จตุรัส จามจุรี" ตรงข้ามวัดหัวลำโพง

การทดลองดำเนินมาถึงตอนนี้แล้ว ก็ขอสรุปความเห็นไว้สักนิดก่อนว่า...

ผมคิดว่า โหราศาสตร์เรานั้นยังพบข้อจำกัดเรื่องเชิงปริมาณอยู่มากครับ ทั้ง...

- ดาวใหญ่ ดาวเล็ก
- มุมใหญ่ มุมเล็ก
- ระยะวังกะมาก น้อย
- ดาวเดี่ยว ศูนย์รังสี จุดอิทธิพล
- ชุดของสมการที่เกี่ยวข้องในแกนเดียวกัน
- ชุดของสมการที่เกี่ยวข้องต่างแกนกัน (แต่ชี้ไปยังท้องเรื่องเดียว)
- การแยกสมการที่ไม่เกี่ยวข้องออกไป

เราไม่อาจหาค่าถ่วงน้ำหนักกับมุมมองเหล่านี้ (เพื่อนำไปสู่เชิงปริมาณ) แล้วให้ข้อสรุปชัดเจนได้ในการออกคำพยากรณ์แรงเบาได้ ยังต้องค้นคว้ากันต่อไป

เรื่องศูนย์รังสีเจ้าชะตา จุดอิทธิพลเจ้าชะตานั้น ผมเคยค้นคว้าใช้อยู่บ้างช่วงหนึ่ง (ดังที่เห็นเขียนในบล็อคนู้น) แต่ไม่ได้ข้อสรุปอะไรที่จะใช้ช่วยชั่งน้ำหนักได้ (เชิงปริมาณ) มีแต่จะยิ่งได้ความหมายอ่อน ขาดความประทับใจ (รวมทั้งการตีความของมุมผสมในการพยากรณ์) เพราะเวลาออกคำพยากรณ์จริงนั้น การออกละเอียดแบบนั้นมันผิดมากขึ้นได้พอกับจะถูกมากขึ้น

ถ้ามองง่าย ๆ หากเราใช้มุมเล็กสุดคือ 22:30 ด้วย แล้วใช้จุด P1/P2, P1+P2-P3 เหล่านี้ จะมีโอกาสเจอเสมอ ๆ ไม่ว่าเราจะหลับตาจิ้มลงไปที่องศาใด (ใน 1 ต่อ 22 โดยประมาณ) หากเราพยายามแปลนัยของ P1, P2, P3 รวมกันจากที่พบทั้งหมด เราก็จะสับสนไปมาอยู่เอง ว่าเรื่องนั้นเกิดกับใครแน่ แค่ไหน (MC, AS, SU, MO, NO, AR อาจรวมถึง VX กับ PO ด้วย เมื่อถือว่า VX คือ ชะตากรรมที่หลีกเลี่ยงไม่ได้โดยมีผู้อื่นเกี่ยวข้องด้วย และ PO คือ จิตวิญญาณสากล) เช่น ใกล้ตัว ไกลตัว แค่รับรู้ ถือถึงเนื้อถึงตัว หรือกระทบใจ เป็นต้น

ในระดับปฏิบัติการจริง การมองแบบโหราศาสตร์ดั้งเดิม จะใช้ได้ผลค่อนข้างดีในการสนทนากับลูกค้า (Client) เช่น เห็นพฤหัส (JU) ก็ว่า โชคลาภของเจ้าชะตาไปเลย ไม่ต้องสำรวจว่าทำมุมกับจุดเจ้าชะตาใด (ที่โดยละเอียดแล้วควรสำรวจด้วย) เพราะหากเราใช้จุดเจ้าชะตาผสมคือ P1/P2, P1+P2-P3 เราจะพบเสมอว่า JU นั้นทำมุมถึงจุดเจ้าชะตาผสมเสมอ ๆ

ผลการค้นคว้าในเรื่องนี้จะยืนยันหลักทั่วไปที่ว่า ดาวเดี่ยวแรงกว่าศูนย์รังสี ศูนย์รังสีแรงกว่าจุดอิทธิพล (แรง แปลว่า เกิดง่าย) กล่าวคือ P1/P2, P1+P2-P3 นั้นแสดงผลไม่ค่อยน่าประทับใจ (เกิดยาก เจ้าชะตาต้องรวมพลังจุดเจ้าชะตาของตัวเองให้เป็นหนึ่งเดียวกันเสมอ ๆ สู้ A+B-C ซึ่งไม่ใช่จุดเจ้าชะตาเลย คือเป็นดาวล้วน ๆ ไม่ได้ เพราะ A, B, C มันไม่ขึ้นกับเจ้าชะตาว่าจะรวมพลังในตัวเองหรือไม่ (Free Will!) คือ A, B,C มันทำให้เกิดเองได้โดยธรรมชาติ เจ้าชะตาไม่มีส่วนไปกะเกณฑ์มันโดยทั่วไป)

อันนี้ก็เป็นแค่ความคิดเห็นนะครับ

ผมยังอยากให้ค้นคว้ากันต่อไปในการทำให้กลายเป็นเชิงปริมาณได้ (เช่น การลดระยะวังกะลงให้มากที่สุดสำหรับเรื่องเฉพาะที่สนใจตรวจสอบ การใช้ฮาร์โมนิกส์ที่เป็นตัวแทนหรือสะท้อนเรื่องเฉพาะนั้น เป็นต้น)

ขอเพิ่มเติมความเห็นอีกว่า...

ในการใช้ปัจจัยบอกเวลา/สถานที่ หรือจุดเจ้าชะตาจรนั้น ก็ยังเป็นปัญหาที่เราตอบกันได้ไม่แน่นอนเสมอไปว่า ทำไมเราจึงตั้ง MC t, AS t, MC/AS t, SU/AS t, SU/AR t, SU+MO-MC ฯลฯ นอกจากว่า ตั้งแล้วมันเข้าถึงเรื่องนั้น ๆ ดี

ซึ่งที่จะรู้อย่างนั้นได้ก็เพราะ (ต้องไม่ลืมว่า) เรารู้เรื่องที่เกิดแล้ว แต่ถ้ายังไม่รู้ เราจะไม่กล้าตั้งปึ้งลงไปแล้วบอกว่า เรื่องมันชัดที่แกนใด เช่น วันนี้/ที่นี่ (SU/AS t), นาทีนี้ (MC t), ณ ที่นี่ (AS t) จิตของฉัน ณ ที่นี้ (MC/AS t ฉันที่เกี่ยวข้องกับผู้อื่น หรือการงานของฉันในสิ่งแวดล้อมของฉันขณะนี้), วันนี้ชั่วโมงนาทีนี้เลยนะ (SU+MO-AS), ชั่วโมงนี้ของวันนี้ (SU/MO t), วันนี้ในโลกใบนี้ (SU/AR t หรือวันนี้โดยทั่วไป), ในโลกข้างนอกนี้ (AS/AR t ในที่สาธารณะนั้น ไม่ใช่ในบ้าน)

และหากตั้งหลายแกนเกินไป มันจะยิ่งสับสนพอ ๆ กับชัดเจนขึ้นว่า เรื่องอะไรกันที่มันกำลังเกิดอยู่ และต้องตอบคำถามให้ได้ว่า ทำไมถึงเลือกใช้แกนนั้น ไม่ใช้แกนนั้น (รวมทั้งศูนย์รังสี และจุดอิทธิพลในพวงเหล่านั้น)

แต่หากคำตอบสุดท้ายคือทำนองว่า ก็แล้วแต่... มันก็คือคำตอบเดียวกับ อัตวิสัยล้วน ๆ หรือ เลือกปฏิบัติ นั่นเอง (ซึ่งหากเรื่องยังไม่เกิด เราก็จะพูดได้เพียงว่า มันก้ำกึ่ง ยังไง ๆ อยู่นะ เสมอ ๆ แต่ถ้าเรื่องเกิดแล้ว เราจะพูดอย่างผึ่งผายเลยว่า นี่ไง ตั้งแกนนี้ดูสิ ชัดเจน...)

สุดท้ายแล้วเราต้องยอมรับกันว่า เราเลือกปฏิบัติกันจริง ๆ แต่ก็ต้องตอบกันให้ได้เป็นหลักที่แน่นอนลงไปว่า ครั้งไหนจะเลือกปฏิบัติอย่างไรบ้าง ไล่เรียงเป็นลำดับ ๆ ไปในแต่ละประเภทเรื่อง จนสุดสายในแต่ละความเป็นไปได้ (เป็น Tree Diagram หรือ If...Then....Else ไปได้จนสุดตรรกะ แม้ตรรกะจะซับซ้อนหรือยืดยาวเพียงใด เราจักต้องเขียนออกมาได้ หากเราเขียนวันละนิดละหน่อย เดี๋ยวมันก็ครบไปเอง ปัญญามนุษย์วิวัฒน์มาอย่างนี้ ตั้งแต่รู้ว่าต้นไม้อะไรกินอร่อยบ้าง สะสมมาเรื่อย ๆ จนเรารู้มาไกลมากว่าไม่กินหญ้าดีกว่า เพราะใบกระเพราอร่อยกว่าเยอะ และมีคุณค่าทางโภชนาการและยาสูงด้วย แต่หากเราไม่เขียน ใช้ความรู้สึกหรือความรู้เฉพาะตนเป็นครั้ง ๆ ไป แบบอธิบายไม่ค่อยได้ แต่ทำได้ ความรู้ก็จะไม่ถูกส่งต่อ ปัญญาจะไม่วิวัฒน์ และเข้าข่ายเป็นเรื่องลึกลับ ร่างทรง หรืออะไรทำนองนั้นไปในที่สุด และพวกมิจฉาชีพก็จะเข้ามาหาโอกาสในความคลุมเครือนั้นอย่างแน่นอน)

คห.62 นึกๆอยู่เหมือนกันว่า  ตูโดนแน่..เพราะ Ur/ap ท้องฟ้า = เนปจูน แต่เลขมันเป๊ะ  จนน่าจะลองดู

โหรานี่ก็แปลกครับ   จากไม่รู้จนดูเป็นแต่ไม่แม่นเลย ก็กระสันอยากจะดูให้แม่น   พอดูแม่นจนฉมังแล้ว   ก็อยากจะให้ดูไม่อยากแม่น เพราะบางเรื่องเราก็ไม่อยากให้มันแม่น  พอเล่นได้ทั้งจะให้แม่นก็ได้ หรือแกล้ง เย้นู่นเย้นี่ เล่นกะดาวล้อกะดวง  ว่าจนวิชานิ่งแล้วเชียว จนแสดงอิทธิปาฏิหาร์แบบปาหี่ ตีล่อโก๊ะได้  ทำไปทำมายิ่งเรียนไปยิ่งเรียนมา จะเจอบางประเด็นที่นึกๆแล้ว  เอ๊ะชักจะยังไงๆซะแล้ววุ๊ย  Uncertainly  Principle แนว กฎอนัตตามาซะแล้ว เดี๋ยวเป็นคลื่นเดี๋ยวเป็นอนุภาค จนสิ่งที่แน่นอนนั่นแหล่ะ คือสิ่งที่ไม่แน่นอน...เพราะหลายเรื่องเราเองคนเรียนนั่นแหล่ะจะรู้แก่ใจตนเองดี

คห.68  ไม่ต้องหาหรอกคับ  อยู่แถวๆบ้านผมสารภีนั่นแหล่ะ  ว่างก็โทรนัดมา  จะพาไปเลี้ยงไส้อั่ว  เจ้าอร่อย

เป็นเพียงการออกแบบการทดลองในห้องน่ะครับ (ผมมั่ว ๆ ระหว่างวิทยาศาสตร์ โหราศาสตร์ ดาราศาสตร์ และการแพทย์อยู่)

คือมันต้องมีตัวแปรควบคุม แบบที่คนไข้กลุ่มหนึ่งได้กินยาจริง อีกกลุ่มหนึ่งได้กินยาปลอม ถ้ายาได้ผลจริง และสม่ำเสมอ เราก็นำยาหรือโมเดลที่ใช้ได้ผลนั้นไปใช้กับของจริงต่อไป

ผมก็คิดได้แค่นี้ ท่านอื่น ๆ ลองช่วยคิดกันบ้างสิครับ

คือผมนึกขึ้นมาถึงหนังเรื่อง Apollo 11 (? ที่ Tom Hank เล่นน่ะ) ที่เกิดมีปัญหาบนยานรั่ว แล้วคนที่ Houston ก็ระดมผู้เชี่ยวชาญช่วยกันคิดในห้องควบคุมคล้ายในยาน ว่าจะใช้วัสดุอะไรเท่าที่มีในยานไปอุดได้ คิดได้แล้วก็แจ้งไปที่นักบินอวกาศบนยานให้ทำตามนั้นกับสถานการณ์จริง

ไม่รู้ออกแบบอย่างนี้จะใช้ได้หรือป่าว ช่วยกันคิดต่อนะครับ

UR/AP = NE นี่ ผมเคยแปลร้าย ๆ ไปที คุณ Pallas ชี้ให้เห็นว่า ถ้าแปลอย่างนั้นจะแย่นา เพราะ NE จะแช่คาอยู่ตรงนี้อีกนานปี

ผมเลยคิดหาวิธีแปลใหม่ให้ ++ ว่า...

จาก UR/AP = โหราศาสตร์ที่ใช้วิทยาการหรืออ้างอิงเทคนิคหรือคณิตศาสตร์ (UR/AP)

UR/AP = NE คือการแสดงให้เห็นภาพในโหราศาสตร์นั้น...

หรือ การแสดงให้เห็นได้โดยใช้จินตนาการในโหราศาสตร์นั้น...

มาสัปดาห์ก่อนคิดได้ว่าในวงการคอมพิวเตอร์/เทคโนโลยียุคนี้ สิ่งที่เติบโตมากคือ การประมวลผลภาพดิจิตอล เช่น กล้องถ่ายรูปดิจิตอล (รวมทั้งสื่อบันทึกข้อมูลที่ราคาถูกลง ๆ) จอภาพแบน เครื่องฉากโปรเจ็คเตอร์ที่ราคาถูกลงเพราะใช้ชิปแทนหลอดภาพ 3 สีผสมกัน เป็นต้น พวกนี้มารากฐานมาจากวิชาหนึ่งที่ยากมากคือ DIP = Digital Image Processing ได้แก่ การแปลงภาพถ่ายจริงเป็นภาพดิจิตอล แล้วนำไปแยกสี เกลี่ยสี แยกวัตถุในภาพ หาหน้าคนในภาพ แปลภาพเป็นตัวอักษร (OCR = Optical Character Recognition) อย่างที่เครื่องถ่ายเอกสารต่อกับคอมพ์แล้วแปลงหนังสือเข้าโปรแกรม Word ได้ รวมทั้งวงการภาพยนต์ Animation หรือเทคนิคการทำ Visual Effect ในหนังซึ่งทำเหมือนคนจริง ๆ เข้าไปทุกวัน

ดังนั้น หากนอกวงการโหรฯ ไปแล้ว ผมว่า UR/AP = NE นั้นคือพวกที่เล่ามานั่นแหละครับ คือ DIP, Visualization, Projection ต่าง ๆ ในปัจจุบันที่พัฒนาขึ้นอย่างก้าวกระโดดในช่วงนี้

ur/ap  น่ะ =  ne เป็นเรื่องของฟ้า  แต่บังเอิญ มาเกี่ยวจิกลงลัคนา   เลยต้องขานรับไป 

มันพัวพันอยู่อีกร่วมตั้ง 20 ปีมั๊งคับ 

http://www.rojn-info.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=568197&Ntype=2

 ผมเลยต้องเอาโคลง ฉันท์  กาพย์  กลอน  มายัดลงไปด้วย  เพราะ me/ne = กวีนิพนธ์  แก้เคล็ดแบบเอาไหลตามจังหวะฟ้าไงคับ เพราะลัคนากำเนิดผมโดนเนปจูนกำเนิดเล็งจ๋าเชียว

NE ในดวง Maria Key Simm ก็เป็นดวงที่ส่งผลแรง แต่ไม่มีผลเสียอะไร (ไม่ได้โกหก หลอกลวงใคร) เธอเป็น Creative Director สร้างสรรค์งานศิลป์ และเธอมีศรัทธาในลัทธิแม่มดเป็นพิเศษ ผลงานของเธอในวงการโหรฯ ก็คือหนังสือ Dial Detective ที่มีภาพประกอบที่สวยงาม (ที่สุด?) และการอธิบายที่ชัดเจน และการแสดงความเห็นที่งดงาม (ไม่สงวนท่าทีไปนักเลย)

ว่าต่อไปอีกหน่อย...

UR/AP = NE นี้คงรวมถึงพวกเซ็นเซอร์ (Sensor) ซึ่งเมื่อก่อนเป็น Capacitive, Resistive ธรรมดา แต่เดี๋ยวนี้เป็น Image หรือใช้ชิป CCD กันมาก เช่น ในกล้อง CCTV ที่ตรวจการเคลื่อนไหวของคนในภาพแล้วสั่งให้ VCR บันทึกเทปไว้ ช่วยเราจับโจร (หรือคนยิงกัน) ได้ง่ายขึ้น เทคโนโลยีเซ็นเซอร์แบบใหม่นี้จะมีใช้ในรถยนต์ หุ่นยนต์ ช่วยในการตรวจสอบระยะทาง วัตถุที่กีดขวาง ทำให้หุ่นยนต์เดินตามเส้นได้ และหยุดหรือหลบสิ่งกีดขวางอย่างเหมาะสมได้ด้วย โดยบ่งชี้ได้ละเอียดขึ้นว่าเป็นอะไร (นอกจากรถที่ร้องจังเวลาพื้นไม่เรียบขณะที่ถอยหลัง)

NE ของ อ.ภารต ก็คงทำให้เป็นกวี แต่งแต้มสีสันอยู่ทุกวันนี้กระมังขอรับ

แต่จะว่าไป...อันนี้ก็แรงนะขอรับ

ลัคนา (R) = วัลคานุส/อาพอลลอน (R)  ทำมุม 090  PP1 Orb: -0:03
คบหาสมาคมกับผู้ประสบความสำเร็จ ประสบความสำเร็จร่วมกันกับผู้อื่นหรือเนื่องจากผู้อื่น

สมัยหนุ่มกะลังห้าวแบบคุณนั้น  ( เดี๋ยวนี้ก็ยังคิดว่าหนุ่มอยู่ หาใช่แก่ไม่ )  ผมไปเจอร่างทรงอยู่องค์หนึ่ง   หลายๆเรื่องทำนายได้แม่นยำอย่างน่าอัศจรรย์  เรียกว่าทักแล้วสะดุ้งเชียว   อ๊ะได้เรื่องสิยังงี้
  ทีนี้ผมลองแกล้ง  ถามปัญหาที่ ทั้งหมดนั้นคือโกหกหมดเลย  ทั้งเวลา สถานที่และเหตุการณ์แบบหน้าตาย  ไปลองของแก  เห็นเจ้าพ่อก็ตอบจ๋อยๆ  เป็นฉากๆอยู่ตั้งหลายเดือน หลายๆปี เผลอๆจนป่านนี้ท่านก็คงยังไม่รู้หรอกมั๊งว่า ผมอำกะทั่งผี 

เรียกว่า จนป่านนี้แล้วกรรมนี้จะย้อนมาสนองผมบ้างก็จะเป็นไรไปเชียว   ก็ขนาดเราเล่นดาวอยู่ต่อหน้าต่อตาทุกวัน ยังโดน  นับประสาอะไรกับพลังจิต จะไม่โดนมั่ง...โบราณเขาถึงว่า

     แล้วสอนว่าอย่าไว้ใจมนุษย์ 
มันแสนสุดลึกล้ำเหลือกำหนด
ถึงเถาวัลย์พันเกี่ยวเลี้ยวลด
ก็ไม่คดเหมือนหนึ่งในน้ำใจคน

คห.70  มี 2 ประเด็นน่าสนใจคับ
1. เรื่องตรรกะแบบ if..then..else  หรือต่อพ่วงแบบวงจรรีเลย์สวิทช์   ขนานบ้างอนุกรมบ้าง  จนกว่าวงจรไฟติดสว่างเมื่อไหร่เป็นใช้ได้นั้น  เราพยายามทำให้เห็นเป็นเช่นนั้นอยู่   โดยเฉพาะตอนแกะภาพในกรณีที่หวยออกแล้ว
    แต่จะเป๋บ้าง...ถ้าเป็นกระบวนการทำไปข้างหน้า  เพราะแต่ละทางแยก ยังมีทางเลือก  ถ้าผิดแต่ต้น แม้จะทำต่อมาให้วิจิตรพิศดารอย่างไร ก็ผิด

2. เรื่องเวลาเกิดเหตุอีกอย่างหนึ่ง ซึ่งถ้าเราเรียงลำดับเหตุการณ์ได้ถูกแต่ต้น....การวางเวลา จะแม่นยำไปได้ถึง 4 นาที  แต่เรื่องโชคก็ไปอย่างมีเทคนิคเฉพาะทาง และเรื่องร้ายก็ไปอีกอย่าง เป็นเทคนิคเฉพาะอีกเช่นกัน   ซึ่งโดยมากเค้าคิดกันว่า เป็นทางเดียวกันทำให้เละตุ้มเป๊ะไปได้

ปัญหาก็คือ  ตำราที่ขายๆเช่น ของอาจารย์ Maria Kay Simm ถ้าเรามีเครื่องมือแค่นั้น  แล้วทายอย่างนั้น  จะเข้าป่าเชียวนะคับ เพราะอันนั้นเป็นงานประพันธ์  คัดสรรมาแต่สิ่งที่ถูกต้องรู้แล้ว  ส่วนไอ้ที่ติดมาด้วยแต่ไม่ใช่นั้นไม่เอามา  แต่ก่อนไม่รู้อ่านไปจะทึ่ง...โอ้พระเจ้า...อารายกันนี่...ถ้าเรียนต่อๆไปเจอทุบเจออัดหนักๆเข้า  จะรู้ว่า  ไม่ได้โว๊ย  โลก  มนุษย์ และจักรวาลของจริง  ไม่ได้ง่ายอย่างนั้นเลย  อันนั้นเป็นแค่คำแนะนำเบื้องต้นเท่านั้น 

มาเข้าเรื่องกระทู้ต่อดีกว่า  เพราะเริ่มได้ข้อมูลเพิ่มขึ้น  จนเก็บเอาไปคิดต่อ

ณ  จุดที่สัญญาณหาย  มีตัวเลขที่หน้าสนใจทางโหราศาสตร์  ชอบกลให้น่าคิดคับ

เวลา 10.40.41 น. นั้น  ใน lat.14.32N , long 101.10E น่ะ  จุดสัญญาณขาด อีกรูปแบบหนึ่งคือ Su/Me//No = 24 พภ 53 ซึ่ง ดันมาตรงเป๊ะกับ  แอตเมตอส = 24 พภ 33 เหมือนกัน  เรียกว่าทับกันสนิทยันลิบดาเลย  !!

โดยมี Ze อยู่ที่ 10 ตล 03 ทำมุม 135
และเข้า  Mc/Mo = ชั่วโมงนี้นาทีนี้

พอเอาปัจจัยกลุ่มนี้มาสนธิกับ เครื่องบิน = Su/Ne = 18 พภ29

ตามสมการ (Su/Ne)/( Su/Me//No )= 21พภ41

แปลว่า  สัญญาณเครื่องบินที่หายไป......(1)

หา Mc/As = เวลานี้และสถานที่นี้  ใน Lat และ Long นี้
= 7 กย 25 .....( 2 )

เอา (1)/(2) = 14 กฎ 33 = สัญญาณเครื่องบินที่หายไป ณ เวลานี้  สถานที่นี้ 

ซึ่ง ทับ สนิทองศา กับ  Ma/Sa  ( จุดมรณะกรรม , ตกพื้น )= 14 กฎ 20 พอดี !!

ถ้าเราตามสมมติฐานข้อมูล จากการแกะเหตุการณ์  ซึ่ง  เวลานี้ สถานที่นี้  เครื่องสัญญาณหายจริง น่าจะเริ่มตกจริง  Lat. Long .  ชุดนี้น่าจะใช้ได้

เห็นตามข้อมูลว่า  มาตรฐานการตกไม่น่าจะเกิน รัศมี 5 กิโลเมตร  อีกทั้งทับซ้อนกับสัญญาณโทรศัพท์ที่ยังรับได้   ก็น่าจะพิจารณา

ยิ่งหางว่าวของ 14 กฎ 33  มี
= Kr/Vu ความสูง 14 กฎ 20  ...ทับสนิท
= Ju/Ne  ป่าดงดิบ 15 มก 21 ..เล็ง

เมอริเดียน และ ลัคนา ณ เวลานั้น เข้าถึงราหูด้วย แปลว่า รอยต่อเขตแดน

ตัดเรื่องแหล่งน้ำทิ้ง

เน้น รอยต่อเขต  เขาสูง  บริเวณป่าทึบในรัศมีไม่เกิน 5 กม.จากจุดนี้

ค่า lat long ที่ทำไม่ให้เปลี่ยน ค่า ลัคนามากนัก 

ค่าต่างๆมันจะลงตัวหมดเลยนะคับ

ยิ่งถ้าเขาอนุญาตให้เอาดวงนักบินมาใส่ด้วย  ยิ่งแล้วใหญ่เชียว

ว่าไปตามดวง

ที่ท่าน มาแว๊ว  ทำไว้ใน คห.15 นี้น่ะ  เห็นตรงกันคับ  ตามหลักการยูเรเนียน

ปัญหาที่น่าคิดคือ  เนปจูน/คิวปิโด....น่าจะหมายความว่า  ครอบครัวจะหาไม่เห็น  น่าอาจจะเป็นเงื่อนไขบังคับจากฟ้า

ดูว่าเจอเมื่อไหร่ดีกว่า  โครโนส+อาพอลลอน-อาทิตย์ =  วันแห่งการค้นพบ  ตามดวงอยู่ที่  14 กย 28
  โครโนส กับอาพอลลอน เนี่ย  ยังคงโคจรช้า  ต้วมเตี้ยม ห่างจากเดิมแค่ 2 องศาประมาณ  มีแต่อาทิตย์นั่นแหล่ะ  แจวอ้าวๆ ถ้าเราจับอาทิตย์จรให้คล้องจองกับ  กับโครงสร้างจุดอิทธิพลนี้  ปีหนึ่งจะมีได้  8 วันแรงๆ  ตามฮาโมนิคที่ 8   ฤดูกาลไหนสะดวกสุด  ในวันไหน  ก็คงช่วงวันนั้นล่ะคับ....จริงมั๊ย   ไม่เชื่อลองคำนวณไปดูช่วงวันที่  16 มีนาคม กับ 30 เมษายน  พศ.2009 นี้  เข้าเงื่อนไขของฤดูกาล และ ท้องฟ้าตามดวงรึเปล่า

เครื่องบินตกทิศตะวันตกเฉียงใต้จากจุดขึ้นบินวัดไป100 ก.ม.ใกล้ริมนำร้างหรือเหมือง.]hหร้าง

พอพูดถึงทิศแล้ว   ควรจะอยู่ทิศไหน  จากดวงเวลาสัญญาณหาย  จากรูป คห.82 
คำจำกัดความของลัคนา  ได้แก่  จักรราศีทางทิศตะวันออก ณ เวลาประสงค์

และคำจำกัดความของ ภาพตอนจบของเหตุการณ์ตามดวง  คือ ภพที่ 4  ซึ่งมีเนปจูนที่แปลว่า  ปกปิด  อำพราง

มันอำพราง ณ  ตำแหน่งไหน 
ก็ตั้งจุดลัคนาเป็นตะวันออก
ลัคนา = 22 ตล 59  ตีซะ  23 ตุลย์ 
เนปจูน = 20 กภ 45 
ห่างกัน  117 .45 องศา
จากทิศตะวันออกไปทิศเหนือ  ห่างกัน 90 องศา
น่าจะเป็นไปได้ว่า 
ห่างจากทิศเหนือ  27 - 28 องศาไปทางตะวันตก
โดยนับจากจุดสัญญาณหาย
ในระยะไม่เกิน  3 กม.
ตามขอบเขารอยต่อเส้นแบ่งเขตอำเภอบริเวณป่ารกทึบ
ย่าน Lat . 14.34 N  Long. 101.10 E
โดยให้ใครที่ไม่ใช่ญาติ ลองหา 
ในวันที่  15-16-17  มีนาคม  กับ 29-30 เมษายน  2009

ให้ตายสิ  โรบิ้น 
คำนวณตามตำราว่ายังงี้  ถ้าเป็นเจอจริงๆเข้า

ขนลุกตายห่ะ!!

ถ้าอย่างนั้นก็ต้องขออนุญาต  นำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาให้สดับ  เอาเฉพาะส่วนที่สำคัญเข้ากับเหตุการณ์  หวังที่จะให้ลัคนาของท้องฟ้าเข้ากระทบดวงกำเนิด  เผื่อว่าจะได้นำสืบหาพิกัดจากการแกะรอยของลัคนาฟ้า  เพราะว่าลัคนานั้นถูกล๊อคด้วยเวลาที่แน่นอน  อีกทั้งดวงของนักบินนั้นแหล่งที่มา มี 2 ทาง  โดยนักบินที่ 1 นั้นไม่ตรงกัน 2 เว็บ  แต่นักบินที่ 2 ตรง  คือ  วันที่  23  มีนาคม 2524 เวลา 22.35 กทม.  คือ

ข้อมูลจาก เว็บท่าน อจ.โรจน์

http://www.rojn-info.com/index.php?lay=boardshow&ac=webboard_show&WBntype=1&Category=rojn-infocom&thispage=1&No=435527

ตรง คห.14 นักบินที่ 1 เกิด 20 /10/2523 / 16.20 สระบุรี
ส่วนข้อมูลของ ท่านมาแว๊ว ในเว็บเรา คห.27 แจ้งว่า เกิดเมื่อ 27 /10/2523 / 16.35 กทม. 

แต่ นักบินที่ 2  ตรงกัน  คือ 23 มีค.24 เวลา 22.35 กทม.

ณ  เวลาดังกล่าว  10.42.21 น. ของวันที่ 9 สิงหาคม 2550 ณ . Lat 14.32 N ..Long 101.10 E

ไล่จากดวงวัยก่อนตามค่า โค้งอายุ วี จร = 25.57.39
เน้นเฉพาะ อุบัติเหตุ
เมษ วี1 = อังคาร/ฮาเดส   กน...11 มีน 49
( วินาศภัยเกี่ยวกับน้ำและการขาดอากาศ )
โดยตามคัมภีร์สูตรพระเคราะห์สนธิของ ท่าน พลตรีประยูร พลอารีย์ ท่านให้หมายเหตุว่า  จุดนี้ ถ้ามีอังคาร/เสาร์ เข้าร่วม จะถึงแก่กรรมด้วยการจมน้ำตาย  ซึ่งกรณีนี้ ไม่มีมาร่วม
ดังนั้นตัดเรื่อง  การจมน้ำตายออกไป   แต่อังคาร/ฮาเดส เองก็ยังเกี่ยวข้องกับน้ำ  ซึ่งจากข้อมูลนำสืบได้ว่า ฤดูนั้นเป็นฤดูฝน  ต้นสิงหาคม ระหว่างพรรษาซึ่งโอกาสที่จะเจอ ฝนตกหนัก ในภาคกลางของประเทศมีสูงมาก....น้ำในที่นี้น่าจะเป็นน้ำฝน  หรือการเสียหายเนื่องจากฝนตก

แล้วฟ้าวันนั้นเวลานั้น บอกอะไรแก่เรา

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นแบบ ฉับพลัน เป็นอุบัติเหตุ

เอาดวงเจ้าชะตาเรื่อง อุบัติเหตุ ได้แก่ อังคาร/มฤตยู กน ( 2 กภ 33 ) 
= มฤตยู
= - เสาร์
= ซีอุส/เสาร์
= ซีอุส/แอตเมตอส
แปลได้ว่า ถึงแก่กรรมเพราะอุบัติเหตุจากไฟหรือฟ้าผ่า

ยิ่งในพื้นดวงกำเนิดจุด ชะตากรรมรังแก - แอตเมตอส/วัลคานุส = มฤตยู/ซีอุส = ฟ้าผ่า มารองรับเหตุการณ์ด้วย 

สรุปว่างานนี้ต้องมีไฟ .อันได้แก่  ฟ้าผ่า เครื่องบินขณะฝนตก เข้ามาเกี่ยวด้วย

แต่ดูตามรูปเขาเอากล้องอินฟาเรดไปตรวจจับความร้อนโดยส่องหาจากเครื่องแล้วไม่เจอนี่สิ  พิกัดเดียวกันรึเปล่า

นักบินที่ 2  เวลาผิดกัน 5 นาที   เดิมใช้  22.35  เป็น 22.40 แต่ผมทำในคห. 90 ไม่ได้ใช้ เวลาเกิดนะคับ  ยังคงความถูกต้องของข้อมูล  ใน คห. 90 อยู่

กรณีนี้  ผมได้ยินมานานแล้ว  อ่านในเว็บท่าน อจ.โรจน์ก็นานแล้ว  ในเอ็ม ลูกค้าบางท่านหรือพรรคพวกกันก็ถาม   ก็ผ่านหูผ่านตาเฉยๆ ไม่ได้สนใจอะไรนักหนา   แต่ไหงช่วงนี้ตั้งแต่ดูในข่าวช่อง 3 แล้วเอามาคิดมากมายก่ายกองก็ไม่รู้เหมือนกัน  ถึงขนาดเก็บไปฝันตั้ง 2 หน หรือเป็นเพราะว่าผมหมกมุ่น  กับเรื่องนี้ก็ไม่รู้  บางทีหลับไปนานแล้ว  ยังสะดุ้งตื่นมานั่งคิดคำนวณเพ่งต่อ  บางทีตั้ง ตี 2 เช่น คห.83  ไม่หลับยันเช้าเลย

คล้ายๆกับช่วงหา บิดาใครที่ไปเสียชีวิตที่ทุ่งไหหิน ที่ลาวน่ะ  งานคล้ายๆกัน  หาพิกัดออกมาเหมือนกัน  ช่วงนั้นนอนหลับตาเห็นภาพยังกะในหนังเลย  ภาพสีซะอีกแน่ะ

http://www.astroclassical.com/index.php?lay=boardshow&ac=webboard_show&Category=astroclassicalcom&thispage=33&No=287934

ต่อจาก คห.90  ..นรบ. 2

สมมติในกรณีที่สืบจากศพ มีจุดที่น่าสนใจได้แก่
ในดวงกำเนิด  จุดซากศพ = อังคาร+เสาร์-ฮาเดส 13 สห01
= อาทิตย์ สะท้อน....จุดเจ้าชะตา..ผ่านแกนโลก
ดังนั้น...จุดนี้แรงพอที่จะนำมาใช้ต่อได้
แถมพิศดารตรงที่ทำมุมเล็ง 180 องศา กับ จุดเครื่องบิน อาทิตย์/เนปจูน
ที่  13 กภ 54
แสดงว่าตามดวงกำเนิด  ศพกับเครื่องบิน ต้องอยู่ด้วยกัน !!
= อังคาร/ซีอุส = อันตรายจากไฟ ถูกเผา
= เสาร์/ซีอุส = เครื่องเสีย อันตรายจากไฟ

ซึ่งจุด 13 สห 01  กำเนิด นี้ ทำมุมกับ  วันนั้นเวลานั้น ท้องฟ้า ให้ผลดังนี้
= อาทิตย์ สะท้อน ..วันนั้น 13 พจ 04
= จันทร์..28 มถ 50 ....ชั่วโมงนั้น
= ฮาเดส...ทำให้ครบวงจร  ฟ้าขานรับ 
โดย อังคาร+เสาร์-ฮาเดส กำเนิด = ฮาเดส ท้องฟ้า !!
= จันทร์/ฮาเดส = ชั่วโมงชะตากรรม
= มฤตยู/ซีอุส = อันตรายจากไฟไหม้ ฟ้าผ่า

ที่สำคัญมีตัวกุญแจ อันได้แก่ ..ลัคนา/อังคาร ที่ 12 สห 22 !!
ถือว่า ทับสนิทองศา กับ จุดศพ 13 สห 01 ห่างกันในระยะซ้อนไม่ถึง 1 องศา

เป็นการย้ำว่า  ลัคนาตัวนี้ใช้ได้

สามารถวกไปหา พิกัด Lat. 14.32 N Long .101.10 E
เพราะ เวลาคงที่....10.42.41 น....ซึ่ง Radar Loss

ส่วนคู่หู Bloody จากดวงชะตานี้
ได้แก่ ลัคนา/อาทิตย์  = 3 กภ 05

= อังคาร/มฤตยู ...อุบัติเหตุ
= เสาร์/มฤตยู ....ถึงแก่กรรม
= เสาร์/ฮาเดส ...สูญเสียอย่างหนัก
เรียกว่า มีมาในพื้นดวงชะตาอยู่แล้ว
ส่วนในดวงวัยอายุ วี1 นั้น
จุดนี้  ลัคนา/อาทิตย์ กำเนิด
= เสาร์ วี1
= แอตเมตอส สะท้อน วี1
= คิวปิโด วี1
แปลได้ว่า  ตายเป็นคู่

ทั้งเข้า มฤตยู ท้องฟ้า...เกิดขึ้นฉับพลัน อุบัติเหตุ
= เสาร์ สะท้อน ..การสูญเสีย
= เสาร์/ซีอุส ...เสียหายจากไฟ เช่นกัน

      ท่านอธิแว๊บเรียนจัด      กระดูก
สันหลังปรับใหม่ผูก             แต่งแก้
Chairopractic ถูก              ขานเรียก
สังขารใครย่ำแย่                 แก้ได้   ดัดตรง

มาดูที่ดวงของนักบินที่ 1  ตามข้อมูลที่ได้มาใหม่
เกิด 27 ตุลาคม 2523 เวลา 16.35 น. กทม.
โดยปรกติ  นักบินที่ 1 จะเป็นผู้ขับ
จุดนักบิน  อาทิตย์+เนปจูน-โครโนส  กน = 9 พภ 48
= อาทิตย์/ราหู ....จุดเจ้าชะตา เสริมความแรง
= เมอริเดียน/อังคาร ...โปรดปรานที่จะกระทำ
= เสาร์ สะท้อน ...ถึงแก่กรรม
= เมษ/ซีอุส ..... กองเพลิง
= เสาร์/โครโนส ...ตกเสียหายมาจากที่สูง
ค่าโค้งอายุ = 26.54
ทำให้จุดนักบินนี้ ...ทำมุมกับ
ลัคนา วี1 9 พภ 24 ...สนิทองศา
= อาทิตย์/เนปจูน ...เครื่องบิน! วี1
= มฤตยู/ฮาเดส  .... อุบัติเหตุ  วี1
= อาทิตย์/ซีอุส ...ไฟไหม้  ไฟคลอก วี1

โดยที่  จุดนักบินนี้ ทำมุมกับท้องฟ้าโดยที่
= พุธ ..ขณะที่บินนั้น
= แอตเมตอส/วัลคานุส ...อุปสรรคอย่างใหญ่มาก
= เนปจูน สะท้อน ....เมฆหมอก 9พภ 04 ทับสนิท
= เมษ/มฤตยู ...เกิดขึ้นโดยไม่คาดฝัน

อีกจุดหนึ่งของนักบิน กำเนิด
ได้แก่ อาทิตย์/เนปจูน//โครโนส....6 กย16
= เมอริเดียน/อาทิตย์ = จุดเจ้าชะตา..เสริมความแรง
= อังคาร/ฮาเดส ...การถึงแก่กรรม
= มฤตยู/ซีอุส ...ฟ้าผ่า ไฟไหม้
= เสาร์/แอตเมตอส  21 กฎ 25 หุบเขา ช่องแคบ การกั้นเขต
 ซึ่งจุดนี้ กำเนิด โดนทำมุมกับปัจจัยจร วี 1
= อาทิตย์/ราหู  วี1...จุดเจ้าชะตาขานรับ
= แอตเมตอส  ..กาหมุน อุปสรรค ถึงแก่กรรม
และทำมุมกับท้องฟ้า ณ วันนั้น ขณะนั้น
= ราหู เล็ง 180 ..7 มีน 11 ...เขตแดน รอยต่อ
= ลัคนา สะท้อน เวลานั้น 6 กย 32 สนิทองศา !!
= วัลคานุส สะท้อน อย่างแรง
= มฤตยู/แอตเมตอส ..โหม่งโลก

อีกทั้งการบินครั้งนี้ เป็นการบินคู่
จุด Bloody ลัคนา/อาทิตย์ กน ..23 มก 19
= มฤตยู/เนปจูน  ..บุคคลถึงแก่กรรม
ณ  วัย อายุนี้ โดน เสาร์ สะท้อน วี1 จรมาถึง
และตัว มันเอง วี1จรไปก็ไปโดนเสาร์ กำเนิด
ครบวงจรการสูญเสีย ถึงแก่กรรม

อีกทั้ง  จุดBloody นี้ ..23 มก 19
ทำมุมจรท้องฟ้า ณ เวลานั้น
= เนปจูน/ฮาเดส ..พายุฝน
= เสาร์/มฤตยู ...ถึงแก่กรรม
= เมษ/อาทิตย์ ...วันนั้น
= เมอริเดียน สะท้อน ...ณ เวลานั้น
= ราหู สะท้อน ..ตรงรอยต่อเขตแดน
= ลัคนา  ...ณ สถานที่นั้น

ซึ่งสถานที่นั้น คำนวณมาจาก
Lat 14.32 N ,Long 101.10 E